ก่อนที่เราลืมเงาตัวเอง : รัสมี อีสานโซล

ก่อนที่เราลืมเงาตัวเอง : รัสมี อีสานโซล

สายฝนพร่างพราวกลางคืนไร้ดาวในเดือนพฤษภา เสียงฟ้าคำรามเบาเคล้ากลิ่นดินบนถนนหลานหลวงที่โล่งกว่าปกติ บรรยากาศชวนเหงากำลังนำพาเราสู่ห้วงดนตรีที่เจือคราบน้ำตา

หากมองกว้างกว่านั้น ระหว่างเดินทางด้วยเรือโดยสารบนคลองแสนแสบ แรงกระทบของหยดฝนกระเด็นสู่ใบหน้าหลากหลาย ทั้งเด็กน้อย วัยรุ่น หนุ่มสาวออฟฟิศ ชายหญิงชรา รวมถึงชาวต่างชาติ ความเป็นอยู่ของเราอาจนำสู่ความเศร้าที่เคี่ยวกรำในห้วงมายา ใน JazZ happens presents Rasmee X Sri Trat at Bangkok Publishing Residence

เย็นย่ำค่ำ ณ Bangkok Publishing Residence ละอองแห่งบทเพลงระงมทั่วโถงด้านล่างที่บรรจุอารมณ์ความทรงจำของโรงพิมพ์เก่าไว้ได้อย่างแนบเนียน มิติของสถานที่ที่ถูกซ้อนหลายชั้น ผสานบทเพลงที่มีการซ้อนมิติทางเสียง ถึงแม้หล่อนจะไม่ถึงขั้น New Sound Pioneer แต่ภาพรอบข้างฉาบวาบจากอารมณ์ที่แตกต่างจากดนตรีประเภทอื่น แต่เลือนรางไม่ชัดเจน

‘ประกายปรูย’ เริ่มด้วยคอร์ดไมเนอร์โทนหม่น เสียบปรบมือจากแฟนเพลงจำนวนไม่มาก แต่ภาษากายของเขาเหล่านั้นจริงจัง จนเชื่อสนิทใจว่า วินาทีต่อจากนี้เซลล์ในร่างกายจะแอคทีฟต่อเสียงดนตรีที่เริ่มบรรเลง

บทเพลงนี้เรียบเรียงเหมือนเพลงทั่วๆ ไป รวมถึงคอร์ดที่ใช้ ทำนอง วิธีการเล่น มีก็แต่เสียงโหวดซึ่งกระตุ้นความโฟล์คในเรือนร่างให้เร่าร้อน วิธีการร้องคุ้นเคยเช่นเพลงหมอลำ แต่น้ำเสียงลึกที่หล่อนกอดรัดวิธีการร้องของเมนสตรีมตะวันตกอาจจะทำให้เกิดจริตอันกลมกล่อมยิ่งขึ้น ทว่าภาพยังเลือนราง...ยังไม่เกิดเป็นศิลปะใหม่ที่ถูกศิลปินละเลงสีลงผืนผ้าใบขาวสะอาด 

รัสมี เวระนะ คือ ภาพที่ศิลปินเขียนขึ้นสองรูป และนำมาทับกัน จนเป็นภาพใหม่ที่คลุมเครือ และนี่อาจจะเป็นจุดกำเนิดขอ New Sound ในอนาคต ถึงแม้เราจะเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ก่อนที่เราลืมเงาตัวเอง : รัสมี อีสานโซล

บทเพลงต่อมา ‘มายา’ จากอัลบั้ม ‘อีสานโซล’ การันตีด้วยรางวัล ‘คม-ชัด-ลึก’ ในปี 2016 ซึ่งรัสมีเอง ได้รับรางวัลนักร้องหญิงแห่งปีไปครอง

บรรยากาศหม่นและคลุมเครือยิ่งเด่นชัดในเพลงนี้ เนื้อร้องที่คนไทยทุกคนพอเข้าใจได้ และสัมผัสถึงมายาที่โอบรัดเลื้อยผ่านเรือนร่างเราทั้งผอง ข้อดีของการเขียนเพลงเอง และร้องเองคือความจริงที่สวิงอยู่กลางฟลอร์ และความจริงสีเทานี่เองที่กำลังระบำในงานมหรสพแด่คนกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องการสูดบรรยากาศสีเทาตรงหน้า ดอกไม้สีแดงที่หล่อนประดับบนหัวคล้ายมวลมายาเย้ายวนเหล่าแมลง

เมื่อชายตามองจากระเบียงชั้นสองจะเห็นชายผู้ร่ำเรียนนาฏศิลป์สากลกำลังนั่งโยกด้วยนัยน์ตาบริสุทธิ์ เพลงมายาเริ่มควบเรือนร่างของใครหลายคนเสียแล้ว

น้ำเสียของหล่อน แม้ฟังเพียงครั้งก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าที่ระโยงระยางจากกล่องเสียง

‘เพลงรักของบุญเริง’ (ชื่อพ่อ) ความกรูฟชวนโยกเบาๆ ระเริงมาเคล้าเสียงพิณ ก่อนหลุดสู่ห้องภาษากัมพูชาที่ผมฟังไม่เข้าใจ แต่รู้สึกได้ว่าคงไม่ใช่เพลงร่างเริงเท่าไร ท่วงทำนองไม่ต่างจากเพลงลูกทุ่งเนิบช้าที่กล่อมพี่ๆ แท็กซี่ยามฝนตกเมื่อสิบปีก่อน ช่วงเกลาพิณที่ยอดเยี่ยมช่างสะออนเสียจริง ดนตรีร่วมสมัยทั้งกลองชุดที่ใช้รูปแบบค่อนข้างสมัยใหม่ช่วยให้ทำนองลูกทุ่งร้อนแรงดีทีเดียว

ความฮิปของรัสมี คือ สำเนียงเสียงพูดปกติที่ร่วมสมัยเช่นวัยรุ่นวินาทีนี้ เพลง ‘สวยไทย’ ไม่มีอะไรซับซ้อน เนื้อเพลงง่ายๆ ที่พูดเสียดความสวย เชื่อมโยงยังศัลยกรรมเกาหลี จริงๆ แล้วเพลงนี้เหมาะแก่การระบำ แต่ด้วยวงที่พิเศษด้วยแซ็กโซโฟนสำเนียงเจือแจ๊ส และดับเบิ้ลเบสซาวด์ขุ่น การตีความสู่อารมณ์จึงต่างออกไป ยิ่งบรรยากาศสถานแตกต่าง ทุกอย่างจึงแตกต่าง ทำนองเพลงนี้ไม่ต่างจากเพลงทั่วไปเลยจริงๆ มีความ ‘คาราบาว’ ‘ลูกทุ่งร่วมสมัย’ และ ‘ร็อค’ อยู่บางๆ ถ้าเป็นเครื่องดื่มรสคงคุ้นลิ้น ดื่มง่าย

เพลงสุดท้ายก่อนจบช่วงแรก ละมุนด้วยเสียงกระเส่าเศร้า มองออกหน้าต่างเห็นบ้านไม้สีเฉด Green Mint ที่ถูกบดบังด้วยใบกล้วยพลิ้วไสว ช่างเข้ากันเสียจริง

ก่อนที่เราลืมเงาตัวเอง : รัสมี อีสานโซล

ฟ้าเดือนพฤษภาคมยังไม่มืดสนิท แต่เมื่อความมืดกระจายตัวอยู่ด้านนอกก่อนบทเพลง ‘เด็กหญิง’ การร้องหมอลำเป็นฉากหน้า ดนตรีร่วมสมัยเป็นพื้นหลัง ความสนุกเกิดขึ้นกลางคืนอันเงียบเชียบ

‘อ้ายอยู่ไส’ รัสมีพูดก่อนเริ่มเพลงว่า “เพลงนี้ตอนเขียนเพลง เราได้รับแรงบันดาลใจจากสงครามเขมรแดง ถ้าวันนึงแฟนเราหายไปไม่กลับมา เราจะทำยังไง” 

เพลงช้า เริ่มด้วยคอร์ดหม่นผ่านการเกากีต้าร์ อารมณ์เพลงมีความบลูส์ที่ถ่ายทอดทางคอร์ดคล้ายเพลง Holiday ของ Scorpions (ยกตัวอย่างเพลงที่ดังจนเปิดตามตลาดนัด จริงๆ มีเพลงอื่นอีกมากที่คล้ายคลึงในส่วนทางคอร์ด) เสียงของรัสมีทะลุทะลวงผ่านม่านบรรยากาศ เสียงหล่อนแข็งแรงราวนักเพาะกาย แต่พลิ้วไหวดั่งสายฝนหยดย้อย ส่วนตัวคิดว่าเนื้อเพลงเป็นเพียงส่วนเติมเต็ม ถ้าเป็น Yoko Ono คงโหยหวนกันไปข้างหนึ่งโดยปราศจากคำร้องเพื่อแสดงความคิดถึงอย่างสุดขั้วหัวใจโดยไม่แคร์ใคร

เพลงต่อไป ‘ลำดวน’ เพลงรักโศกต่อเนื่อง ราวกับที่แห่งนี้เป็นศาลาคนเศร้า แต่ชีวิตไม่เหมือนเฮลซ์บลูบอย ที่จะหวานชื่นรื่นรมย์ตลอดเวลา

ตัดไปยังเพลงสุดท้าย ‘เมืองชุดดำ’ จังหวะสนุก ทำนองลูกทุ่งสนุก ความแตกต่างอยู่ที่ทำทีว่าเป็นตะวันตกเป็นพื้นหลัง แต่ลูกคอยังคงเดิม

เสียงปรบมือพร้อมเสียงโห่ร้องดังเต็มพื้นที่แห่งนี้ ไฟสีเหลืองส้มวาบวาวไสวช่วยให้ดูอบอุ่น ดอกไม้แดงที่ประดับบนหัวยังคงรอให้แมลงได้ดอมดม

ก่อนที่เราลืมเงาตัวเอง : รัสมี อีสานโซล

บทเพลงที่ชัดเจนในแนวทางแต่คลุมเครือที่จะจำกัดความได้จบลงแล้ว การดูด้วยตาเหมือนกับวงการเพลงได้เริ่มปฏิวัติสิ่งใหม่ ซึ่งยังหาจุดคลี่คลายไม่ได้ ต้องใช้เวลาอีกยาวนานทีเดียวกว่าเมล็ดนี้จะเติบโต ซึ่งแน่นอนต้องเปลี่ยนจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อนั้นดนตรีพื้นบ้านไทยจะก้าวข้ามกำแพงทางความคิดไปยืนอยู่ในจุดที่ดนตรีตะวันออกควรอยู่

ขอปิดท้ายบทความด้วยคำกล่าวของ อุ้ม-ปณิดา ทศไนยธาดา ผู้จุดประกายงานนี้

“ส่วนตัวเรานับถือแกมาก เป็นคนที่มีความกล้าหาญที่จะแสดงออกมา บางทีคนอาจจะด่าก็ได้ อะไรก็ได้ แกเต็มที่ของแก โดยที่เชื่อในสิ่งที่ทำว่าดีแล้วก็ไม่ได้ไปสนใจอย่างอื่น แล้วมันออกมาดี ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ มันไม่ใช่ใครแต่งให้แล้วมาเล่น”

ก่อนที่เราจะลืมเงาตัวเอง...