ไบค์เกอร์สาวสุดระห่ำกับการเดินทางสุดขอบฟ้า
ไบค์เกอร์สาวจอมลุย แม้ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไร แต่ก็ทำให้เธอได้พบกับเส้นทางแห่งความฝัน
ทุกคนมีความฝัน...
บางคนกำลังตามหามัน...
บางคนทำสำเร็จแล้ว...
แต่บางคนยังไม่ทำอะไรเลย...ด้วยเหตุผลหรือข้ออ้างที่ว่า...... (เชิญเติมคำในช่องว่างได้ตามอัธยาศัย)
“นก” นพวรรณ ลี้เจริญพงศ์ เป็นหนึ่งคนที่ลงมือทำทันทีเมื่อโอกาสมาถึง แม้บางครั้งเธอไม่รู้ว่าข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไร แต่เมื่อมันมาแล้ว ขอไปตายเอาดาบหน้าละกัน (วะ)
“ปกติเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว ก็แบ็คแพ็คไปเรื่อย ชอบที่สุดคือภูเก็ต นกว่ามันสวย มันมีเสน่ห์อยู่ทุกซอกทุกมุม ไปทีไรก็ไม่เบื่อ แต่วันนึงขณะนั่งรถทัวร์ไปเชียงใหม่บังเอิญเจอคนขับมอเตอร์ไซค์อยู่บนภูเขา เราก็ เฮ้ย ! มันทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เหมือนเค้าจุดประกายเล็กๆ ให้เรามีความฝันใหม่ เรารีบไปคุยกับเค้าเลย จากนั้นพอกลับมาถึงกรุงเทพก็หาข้อมูลจนพร้อมแล้วตัดสินใจซื้อรุ่นเดียวกับเค้า”
คาวาซากินินจา 250 คือรุ่นที่นกเลือกให้มันพาเธอไปล่าฝัน และแน่นอนว่าสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งการเริ่มต้นขี่บิ๊กไบค์ดูจะไม่ง่ายสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะช่วงแรกที่ทำให้เธอท้อมาก ทำไมมันยากแบบนี้นะ เธอบ่นกับตัวเอง แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว คนอื่นทำได้ เธอก็ต้องทำได้ และวิธีง่ายๆ ที่เธอเลือกคือ “ท้อแต่ไม่ถอย (โว้ย)”
สุดท้ายเธอทำได้จริงๆ เพราะเมื่อผ่านไป 2 เดือนเธอเริ่มขับไปเที่ยวใกล้ๆ อย่างหัวหินได้แล้ว และพอประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ จวบจนครบ 1 ปีที่เธอซื้อเจ้าคันนี้มา เธอจึงพามันไปเชียงใหม่ กลับไปยังที่ที่เธอเคยได้รับแรงบันดาลใจมา ที่ที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและมีอิสรภาพเมื่ออยู่บนหลังของมัน จนทำให้เธอรู้สึกว่ามันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว
ความฝันเติบโตขึ้นจากการเดินทาง
เธอบอกว่า ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป ไม่สิ เรียกว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตเปลี่ยนไปดีกว่า เพราะความฝันของเธอโตขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทางที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งดีมาก เมื่อเธอมีเป้าหมาย มีความฝัน ชีวิตของเธอจะไม่หลงทาง ไม่วอกแวก ไม่ไร้สาระ เพราะเธอรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ นั่นคือการเดินทางเที่ยวรอบโลกด้วยมอเตอร์ไซค์
แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็มาถึง เมื่อ Royal Enfield เปิดรับสมัครคนไทยไปร่วมทริป Himalayan Odyssey 2016 ที่เทือกเขาหิมาลัย ในตอนเหนือของประเทศอินเดีย เธอไม่รอช้า สมัครทันที และก็เหมือนโอกาสจะให้เฉพาะคนที่ไขว่คว้าเท่านั้น เธอติด 1 ใน 6 ของคนไทยที่ได้ไปในทริปนี้เพื่อทดสอบ Himalayan ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ของ Royal Enfield
“สิ่งหลักๆ ที่เราต้องเตรียมก่อนเดินทางก็คือพวกเอกสาร กล้องถ่ายรูป ทักษะการขับมอเตอร์ไซค์และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ที่สำคัญคือสุขภาพกายและสุขภาพใจค่ะ เพราะถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งหมดก่อน เราไม่จบทริปนี้แน่ๆ”
และก็จริงอย่างที่เธอว่า เพราะทางที่ประเทศอินเดียต่างจากประเทศไทยเหลือเกิน ถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็ยากกว่าประมาณ 5 – 6 เท่า เพราะที่นี่ทั้งความกดอากาศสูง บางวันหนาวจัด บางวันร้อนจัด เดี๋ยวเจอถนนลูกรัง หรือไม่นานนักก็เป็นหินลอย หนักหน่อยก็ทะเลทราย หรือถ้าไม่มีสติก็อาจตกหน้าผาจนกระทั่งเสียชีวิตได้ และสิ่งสำคัญที่บั่นทอนจิตใจเธอไม่แพ้ปัญหาที่ว่ามาคือ วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพราะถึงแม้จะมีคนไทย 6 คนที่เดินทางไปในทริปนี้ แต่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียว จึงต้องแยกตัวออกมาอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันเลย...
“ท้อมาก อยากกลับบ้านมาก (ก.ไก่ล้านตัว) กลัวตายอะ เพราะเกือบทั้งเส้นทางเราขับอยู่บนภูเขาตลอด มองไปข้างๆ ก็เจอแต่เหวลึก เราว่ามันเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา แต่ดีตรงที่ว่าเพื่อนที่อยู่ในทริปส่วนมากเป็นคนอินเดีย ซึ่งเขาก็จะชินทางกันอยู่แล้ว เราก็ขับตามเค้าไป และเราก็ต้องปรับตัวเอง คือทำยังไงก็ได้ให้อยู่จนจบทริป เลยตัดสินใจนั่งสมาธิ เอาธรรมะเข้าช่วยเลย อย่ากลัวๆ บอกตัวเองอยู่อย่างนี้ และมันก็ได้ผลนะคะ มันทำให้เราไม่ฟุ้งซ่าน ทำให้เรามีสมาธิ เพราะเมื่อเราเริ่มชินกับรถ เริ่มชินกับทาง สภาพจิตใจก็ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างที่ช่วยได้มากๆ คือกำลังใจจากเพื่อนๆ ที่เราขอในเฟสบุ๊คค่ะ ดีมากกกค่ะ”
สิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่
มีเรื่องร้ายก็ต้องมีเรื่องดี เพราะสถานการณ์ที่ยากลำบากข้างต้นนั้นได้พาเธอไปเจอธรรมชาติที่สวยงามมากมายเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้หมดในเมืองภูเขาแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการมองหิมาลัยจากบนเครื่องบินที่ทุกคนต่างใฝ่ฝัน หรือได้ขี่มอเตอร์ไซค์บนถนนที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Khardungla และได้สัมผัสธรรมชาติของคนอินเดียที่ยังมีความดิบ แบบไม่สวมหน้ากากอยู่เต็มไปหมด ไม่เพียงเท่านี้ เธอยังได้เจอภูเขาสีน้ำตาลทรงโค้งที่สวยราวกับภาพวาด รวมถึงถนนที่คดเคี้ยวคล้ายกับพญางูที่เลื้อยอยู่ในหุบเขา และมิตรภาพดีๆ มากมายจากเพื่อนชาวอินเดีย
หลังจากกลับไทยได้ไม่นาน เธอก็ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศเศร้าโศกเสียใจที่สุดในชีวิต คือการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เธอจึงวางความฝันระยะสั้นของตัวเองใหม่ว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปรีวิวโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั่วประเทศที่มีมากกว่า 4,000 โครงการ เพื่อให้คนไทยได้เห็นคุณค่าในสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อราษฎรคนไทยทุกคนนั่นเอง