Freitager Thailand เพราะกระเป๋าพาพวกเรามาพบกัน

กระเป๋าใบเดียว แต่ด้วยความเฉพาะตัว ทำให้เหล่าผู้หลงใหลตามหา "พวกเดียวกัน" จนเจอ
สายสตรีทต้องรู้จักดีถึงกระเป๋า Freitag จากสวิตเซอร์แลนด์ กระเป๋าที่ทำจากผ้าใบคลุมหลังรถสิบล้อของสองพี่น้องแดเนียล และมาร์คัส ฟรายถาก (Daniel และ Marcus Freitag) ซึ่งต้องการหากระเป๋าสะพายสำหรับขี่จักรยาน ที่ทนทานกันแดดกันฝน จนมาลงเอยด้วยผ้าใบคลุมรถสิบล้อที่เห็นอยู่เป็นประจำในซูริค พวกเขาลองเอามาเย็บกับวัสดุสุดทนอีก 2 อย่างคือเข็มขัดนิรภัยซึ่งนำมาทำเป็นสายสะพาย และยางในรถจักรยานนำมากุ๊นของกระเป๋าแข็งแรงยิ่งขึ้น แล้วก็ออกมาเวิร์คมาก คอนเซ็ปต์การใช้วัสดุรียูสของ Freitag แข็งแรงพอๆ กับตัวกระเป๋าจนได้รับรางวัลด้านดีไซน์จากหลายสำนัก
ความเจ๋งของ Freitag จึงอยู่ที่เรื่องราวและดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้กลุ่มคนที่หลงใหล Freitag ค่อนข้างเป็นคนกลุ่มเฉพาะ ทว่าเหนียวแน่นจริงจัง
ในเมืองไทยมีกลุ่มคนที่รัก Freitag รวมตัวกันอยู่หลายกลุ่ม โดยมีพื้นที่เชื่อมโยงกันก็คือกรุ๊ป (Group) ใน Facebook ส่วนหนึ่งคือกรุ๊ปที่โพสขายกระเป๋ากันเป็นหลัก แต่มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่ทำกิจกรรมร่วมกันมากกว่านั้น และสร้างสายสัมพันธ์กับคนรัก Freitag ในต่างประเทศด้วย
กลุ่ม Freitager Thailand ก่อตั้งโดย อาร์ม - อนุตร เหลี่ยมสกุล และตั้ม - มัลลิกา บุญยืน ทั้ง 2 ทำงานอยู่ที่เดียวกันที่ Hello Magazine อาร์มเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ ส่วนตั้มเป็นบิวตี้ เอดิเตอร์ จากที่เคยไม่ชอบหน้า แต่เพราะ Freitag ทำให้กลายมาเป็นเพื่อนกันได้
ตามประสาคนที่รักสิ่งใดก็อยากรู้จักคนที่มีความชอบเหมือนกัน อาร์มเห็นว่ามีคอมมูนิตี้ Freitager ของคนรัก Freitag อยู่ในหลายประเทศ เขาเองก็อยากสร้างให้กลุ่มนี้เกิดขึ้นมาในไทยเช่นกัน แต่ชื่อ Freitager Thailand นั้นมีคนนำไปตั้งเพจอยู่แล้ว อาร์มจึงไปตามหาเจ้าของเพจเพื่อขอชื่อมาใช้เป็นชื่อกลุ่ม และขอนำเพจนั้นมาทำต่อเพราะไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมาพักหนึ่งแล้ว
เล่าเรื่องด้วยภาพ
กิจกรรมแรกที่อาร์มคิดขึ้นมาคือโปรเจค 1day1pic100days100pics
“คือ 1 วัน 1 รูป 100 วัน 100 รูป ผมก็ไปยืมกระเป๋าของแต่ละคนเพื่อมาถ่ายรูปตอนเช้าและโพสภาพทุกเช้า ส่วนใหญ่ผมจะนัดเจอกัน นัดกันมาเป็นสิบคน มาคุยเล่นกัน ใครอยากมาเจอกันมั้ย เอากระเป๋าเอาของมาให้ผมยืมถ่าย มาช่วยผมจัดของถ่ายตอนเช้าก็ได้”
โปรเจคนี้อาร์มทำขึ้นด้วยความคิดที่ว่ากระเป๋าสะท้อนบุคลิกของคนคนนั้น เมื่อเขาแชร์ภาพใน Instagram: Frietager Thailand และติด #Frietag คนทั่วโลกก็เห็นและสนใจ จนในที่สุดฝ่ายการตลาดของ Frietag ก็ติดต่อมาว่าพวกคุณทำอะไรกันน่าสนุกดี แล้วส่งเรื่องนี้ต่อไปยังแดเนียลกับมาร์คัสว่าคนไทยกำลังทำอะไรที่น่าสนใจ นั่นนำไปสู่นิทรรศการเล็กๆ ของ Frietag ครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อปี 2014 โดยอาร์มติดต่อผ่านดีลเลอร์คือร้าน Pronto Denim จนเกิดนิทรรศการบวกงานมีทติ้งที่เจ้าของแบรนด์เดินทางมาร่วมกิจกรรม และทำเวิร์คชอปตัดกระเป๋าให้แฟน Frietag เป็นพิเศษด้วย งานนี้จากที่คาดว่าจะมีคนเข้าร่วมสัก 50 คน แต่สามารถดึงคนมาได้กว่า 200 คนเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเล็กๆ แต่น่ารัก เมื่อส่วนใหญ่จะรู้กันดีว่าใครชอบอะไร ใครสะสมแนวไหน เวลาเห็นก็จะช่วย tag เรียกกันมาดู “หรือรู้ว่าอาร์มชอบเก็บลายรถบรรทุก พอเห็นอาร์มมีกระเป๋าลายนี้ ก็จะไปตามหาผ้าใบผืนเต็มๆ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เพื่อให้ไปตามหากระเป๋าที่ได้ส่วนที่เหลือได้” นี่คือความสนุกของสังคม Frietag และบางครั้งพวกเขาก็ยังร่วมกันทำบุญด้วยการมอบกระเป๋ามาประมูลเพื่อระดมเงินบริจาคแก่องค์กรการกุศล เช่น นำเงินไปทำบุญที่บ้านครูน้อย หรือบริจาคเพื่อช่วยเหลือเนปาลในช่วงแผ่นดินไหว เป็นต้น
ตอนนี้อาร์มกำลังอยู่ในระหว่างทำโปรเจคที่ 2 คือ 200pics200people200styles ที่คราวนี้เขาดึงเจ้าของกระเป๋าเข้ามาถ่ายรูปด้วยกับคอนเซ็ปต์สนุกๆ ที่เปลี่ยนไปตามใจเจ้าของภาพ ตอนนี้เขาถ่ายได้ราว 60 ภาพแล้ว และจะทยอยทำให้ครบ 200 คนตามที่ตั้งใจ แล้วจากนี้จะมีอะไรต่อก็ว่ากันใหม่
เชื่อมคนด้วยกระเป๋า
นอกจากความสนุกในกรุ๊ปแล้ว Frietag ยังเชื่อมเพื่อนใหม่ต่างชาติต่างภาษาเข้าหากัน ตั้มเล่าให้ฟังว่า
“เราเล่น Instagram เราก็เข้าไปดู #Frietag เห็น Freitager ประเทศนั้นนี้ อย่างญี่ปุ่นหรืออินโดนิเซีย ก็เลยมีการสื่อสาร แลกอีเมล์กัน เราจะไปประเทศเขา เขาจะมาประเทศเรา ก็นัดเจอกัน”
ครั้งแรกที่ตั้มไปเจอเพื่อน Freitager ชาวญี่ปุ่น เขาถึงกับวาดรูปแผนที่ไป Freitag Store ในกินซ่าให้ พอไปถึงก็เจอพนักงานที่ดูแลอย่างดีอีก จนกลายเป็นเพื่อนที่ยังติดต่อจนถึงทุกวันนี้ ล่าสุดที่ตั้มไปญี่ปุ่น Freitager ชื่อโคนิเห็นว่ารูปตั้ม ใน Instagram ว่าเธออยู่ญี่ปุ่นก็ทักเข้ามา
“เขาโพสมาว่ายูรู้มั้ยวันนี้ที่ร้าน Freitag มีทำพวงกุญแจนะ แล้วเขาก็ให้ Line เรามาติดต่อนัดเจอกัน พาไปรู้จักคนญี่ปุ่นทุกคนในงานนั้น ได้เจอตัวพ่อที่สะสม Freitag ระดับท็อป 5 ของญี่ปุ่น กลายเป็นว่าหลายคนก็รู้จักเราทาง IG อยู่แล้วเป็น 2-3 ปี ในที่สุดก็ได้เจอกัน ก็มีความรู้สึกว่าจุดเริ่มต้นแค่กระเป๋านะ แต่ทำให้เกิดสายสัมพันธ์ที่น่ารัก เป็นอีกมุมที่มีเสน่ห์ทำให้เรารักกระเป๋ายิ่งขึ้น”
แค่กระเป๋าใบเดียวนี่แหละ แต่เป็นกระเป๋าที่มีเรื่องราวเฉพาะ ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความเป็นพวกเดียวกัน และเชื่อมให้เกิดมิตรภาพใหม่ๆ ขึ้นมาได้







