หลงทาง...ก่อนพบธรรม

หลงทาง...ก่อนพบธรรม

ท่านอาจารย์พุทธทาส กล่าวไว้ว่า “ชีวิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้” จริงเท็จแค่ไหน ลองอ่านสิ่งที่คนคุก นักร้องและอดีตคนเขียนบท เล่าเรื่องแย่ๆ ในชีวิต



ปลา-จักรกฤษณ์ ศิริมณฑา อดีตคนคุกที่เคยค้าอาวุธสงครามให้กะเหรี่ยง อยู่ในเรือนจำ 11 ปี ไม่สำนึกบาป ยังค้ายาเสพติดในคุกอีก หลังจากออกจากคุก เพื่อนขอให้บวช ก็บวชแบบขอไปที แต่ไปเจอพระอาจารย์คนหนึ่ง ชีวิตจึงเปลี่ยนไป...

อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ นักแสดง นักร้อง นักจัดรายการวิทยุ ตอนอายุ 20 กว่าๆ เกเร และห่วงภาพลักษณ์ตัวเอง เคยคิดจะฆ่าคน ที่ทำให้คนในสังคมเข้าใจเธอผิด แต่เพราะธรรมะทำให้เธอ ค่อยๆ สลัดคำว่า “ตัวกู ของกู”

จิรา บุญประสพ จากพอดี ครีเอทีฟ อดีตคนเขียนบทคนค้นคน เคยวีนสนั่นออฟฟิค เพราะงานไม่ได้ดั่งใจ และแล้ววันหนึ่ง เธอพบว่า การเบียดเบือนผู้อื่น ไม่ใช่สิ่งที่น่ารัก แล้วอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไป

และพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ พระวิปัสสนาจารย์ ก่อนจะได้ฉายาว่า พระปราบมาร ในวัย 12 ปีเคยถูกครูตีเลือดไหลซิบๆ ใจคุกรุ่น คิดจะเผาโรงเรียน แต่ความเมตตาของครูอีกคน ทำให้เด็กน้อยเปลี่ยนใจ

เรื่องเล่าเหล่านี้ เกิดขึ้นที่ ห้องนิพพานชิมลาง สวนโมกข์กรุงเทพฯ อีกเวทีในหัวข้อ “เสือ สิงห์ กระทิง พระ” ตอน“ศีลธรรมกลับมา โลกาสงบเย็น” ที่วิทยากรกล้าเผยสิ่งเลวร้ายในชีวิต

1.
เหมือนเช่นที่กล่าวมา เวทีทางธรรมแห่งนี้คือ การเผยเรื่องจริงในชีวิต เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ไม่เช่นนั้นมนุษย์เดนตายกลับใจ เช่น ปลา-จักรกฤษณ์ คงไม่มาเล่าเรื่องนี้ ปัจจุบันเขาเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์นวลจันทร์ 

จากทหารด่านตรวจของเถื่อนชายแดนไทย-พม่า ไม่รับเงิน กระทั่งเจอคดีความ สู้คดีไม่ไหว ก็เลยเข้าสู่วงจรอุบาท 

“ผมรับปากเจ้านายว่า เป็นทหารที่ด่านนี้ จะไม่รับเงิน แต่แล้ววันหนึ่งผมตามจับรถไม้เถื่อน รถไม่จอด ผมยิงจนรถพัง ปรากฎว่า มันเป็นตำรวจ มันก็เลยจับผมไว้ และในที่สุดเรียกเงินค่าปิดสำนวนคดีหกหมื่นบาท ผมไม่มี ผู้บังคับบัญชาก็ด่าผมว่า “ไอ้โง่ ทำไมไม่ฆ่าให้ตายหมด จะได้สู้คดีกับคนตาย” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็เลยรับเงิน จนมาค้าอาวุธสงครามกับกะเหรี่ยง ได้เงินง่ายมาก กระทั่งถูกจับติดคุก 11 ปี อยู่ในคุกผมมีลูกน้อง 13 คน ไม่มีใครกล้าแตะผม ผมค้ายาเสพติดในเรือนจำอีก ชีวิตในคุกไม่ได้ขัดเกลาจิตใจผมเลย ยังหยาบเหมือนเดิม” จักรกฤษณ์ เล่า

ทั้งๆ ที่เส้นทางที่เดินน่าจะลงนรกไปแล้ว แต่แล้ววันหนึ่ง เขาได้มาเจอพระอาจารย์นวลจันทร์ และเพื่อนขอร้องให้บวช นั่น...ทำให้ชีวิตพลิก อย่างนึกไม่ถึง
“ผมได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยสัมผัส วัดที่ผมบวชไม่มีอะไรเลย พระตื่นขึ้นมาทำวัตรเช้า ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้นอน พระเดินลงจากเขา ทางก็ลื่นมาก ไฟฟ้าก็ไม่มี และพระอาจารย์ก็ไม่เคยสอนผมว่าต้องทำดีนะ ไม่เคยปริปาก เวลาทำวัตร ใครมาหรือไม่มา ก็ไม่สนใจ ท่านทำให้ดู” จักรกฤษณ์ เล่าด้วยเสียงห้าวๆ
และสิ่งที่คนคุกเช่นเขาไม่เคยคิดเลยก็คงเรื่อง บวชแค่วันเดียว ลูกศิษย์พระอาจารย์ล้างเท้าให้ แล้วเอาผ้าเช็ดเท้า รวมถึงข้าวแดงแกงร้อนที่คนนำมาใส่บาตรสามสี่อย่าง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

“จากวันนั้นผมตั้งสัจจะว่า ถ้าผมทำชั่วอีก ให้เอาตีนเหยียบผม”

จากวันนั้น จักรกฤษณ์ ตั้งใจว่า ขอกลับตัวกลับใจ และสิ่งที่เขาทำได้ในเวลานั้น ก็คือ หากมีพระบวชใหม่ ก้าวแรกของสงฆ์ให้เหยียบหลังเขา เพื่อไม่ให้อาบัติ เหยียบสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยบนพื้นดิน

พระอาจารย์นวลจันทร์ บอกว่า "เขาแพ้คุณงามความดี ซึ่งคนแบบนี้ เราเข้าใจ เพราะเราก็เคยเป็นเด็กที่แหกกฎ”

“ตอนอายุ 12 อาตมาก็เคยเป็นคนขวางโลก แหกกฎ คิดจะเผาโรงเรียน ตอนนั้นโดนครูตี จนเลือดไหล แม้จะกระทำผิดก็จริง แต่ครูไม่ควรทำขนาดนั้น แค้นมาก ทำโทษเราอย่างไม่เป็นธรรม แต่พอเห็นแววตาครูประจำชั้นชาวคริสต์เข้ามากอด จิตใจก็หวั่นไหว ทำไม่ลง ส่วนครูที่ตีเราเป็นพุทธ ใจร้ายมาก ถ้าเจอคนโหดกับเรา ก็คิดแค่ว่า สุดท้ายก็แค่ตาย และตายอย่างสง่างาม ”

สำหรับคนที่หลงทาง พระอาจารย์นวลจันทร์ อธิบายว่า จิตทุกดวงสามารถพลิกกลับได้

“ตอนนั้นอาตมาไม่มีคำสอน ไม่มีคำพูด ไม่มีคำแนะนำใดๆ หลังจากเขาเข้าสู่วิถีการบวช หากพลังงานที่ส่งไปบริสุทธิ์ จิตก็สัมผัสกับจิต พลังงานก็สัมผัสพลังงาน ไม่ว่าบุคคลเหล่านี้จะไม่ดีมาก่อน ก็แพ้คุณงามความดีได้ “

2.
ส่วน อ้อม-สุนิสา เปิดประเด็นว่า “ดีใจที่เข้าใจเรื่องจิตก่อนพี่ปลา(จักรกฤษณ์) อ้อมเคยอยากฆ่าคน ซึ่งเป็นคนเบื้องหลังวงการบันเทิงที่เขียนเรื่องไม่ดีให้ชีวิตเรา ทุกวันนี้เปิดอ่านยังน้ำตาไหล เพราะเขาไม่รู้จักเราเลย ความจริงก็มีอยู่ เขาให้เกียรติเรามาก ลงเป็นข่าวไฮไลท์ในนิตยสารรายสัปดาห์ แล้วคนอ่านก็ให้เกียรติมาก ส่งต่อวิจารณ์กันมากมาย”

“อ้อมถามรุ่นพี่คนหนึ่งที่มีลูกน้องเยอะๆว่า พี่หาคนให้อ้อมได้ไหม คนเราพอโดนต้อนเข้ามุมมากๆ เราก็คิดว่า แกไม่มีสิทธิทำแบบนี้กับฉัน ตอนนั้นเพื่อนก็เตือนสติให้ใจเย็นๆ และตอนที่อารมณ์เย็นลง ก็ไม่ได้คิดต่อว่าจะเอาให้มันตายหรือเจ็บ เวลาเราทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ร้องไห้ เราก็ถามเพื่อนว่า เราจะให้คนแบบนี้ด่าหรือ แล้วคนอีกค่อนประเทศเข้าใจเราผิด เพื่อนก็บอกว่า ทำไมเราต้องไปนั่งอธิบาย เพื่อให้คนอื่นเข้าใจ แล้วแม่พูดคำหนึ่งว่า “อ้อมเป็นใคร เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทำดี คนยังด่า”

ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า โลกธรรม 8 เป็นไง รู้แค่ว่า เราเจ็บ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ตอนนั้นอายุ 20 กว่าๆ ซึ่งการศึกษาทางโลกไม่ได้ทำให้คนฉลาดขึ้นเลย ทั้งๆ ที่กำลังเรียนปริญญาโทจิตวิทยา แต่ไม่ได้ช่วยให้เราไม่คิดจะฆ่าใคร ทั้งๆ ที่เรียนจนได้เกียรตินิยม แต่จิตวิทยาของเราตกต่ำมาก”
อ้อม บอกว่า เป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิต ไม่ได้แย่แค่ตัวเธอ ยังคิดจะไปทำร้ายคนอื่นด้วย แต่สิ่งที่ทำให้สงบได้ ก็คือ ความจริง เมื่ออารมณ์นิ่งๆ ไม่คิดก็ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา เพราะเข้าใจธรรมะมากขึ้น

“คนที่เคยทำให้เราเจ็บ ตอนนี้ไม่มีผลต่อชีวิตเราแล้ว เจอก็ยกมือไหว้ ทำความเคารพตามประสาผู้อาวุโส ไม่โกรธ ไม่เกลียด ทำให้ง่ายต่อชีวิตเรา”
และเมื่อมองกลับมาที่ชีวิตตัวเอง อ้อม บอกว่า ความเจ็บปวดของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างเรื่องความรัก เราอาจสร้างความเจ็บปวดให้หลายคน

"ในเรื่องความรัก การที่เราคบหลายคนซ้อนๆ กัน มันสร้างความเจ็บปวดให้คนที่ไม่สมหวัง ถึงขั้นที่เขาคิดจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าทำอะไรผิด เพราะเราไม่ได้เอาปืนจี้หลังให้เขามาคบกับเรา เราก็คิดว่า เขาเลือกเอง ก็โยนความผิดให้คนอื่นที่เดินเข้ามาเอง พอเราเดินออกจากชีวิตเขา เราก็อ้างกับตัวเองว่า เพราะเขาไม่เดินออกจากชีวิตเรา เราไม่มองตัวเองเลยว่า ได้สร้างความเดือดร้อนใจให้คนอื่น และมีคนบอกว่า เราก็เป็นคนดีในหลายเรื่อง แต่เรื่องเดียวที่ไม่ดีคือ เจ้าชู้ ตั้งแต่อายุ14-15 ก็บ้ามาตลอด มาสงบตอน 30 กว่าๆ “

3.
คนอีกประเภทที่ไม่พูดถึง คงไม่ได้ ก็คือ คนที่คิดว่าตัวเองมีอุดมการณ์เลิศเลอ ทำเพื่อผู้อื่น และบางทีก็ติดดี จนมารู้ทีหลังว่า นั่นเป็นการเบียดเบือนผู้อื่น
จิรา อดีตคนเขียนบทคนค้นคน บอกว่า สมัยเรียนเป็นนักกิจกรรม ก็เลยมีความคาดหวังว่า คนอื่นจะคิดแบบเรา พอมาทำรายการคนค้นคน สิ่งที่นำเสนอคือ คนที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนดู

“อยากให้งานออกมาดี เสร็จเร็ว เวลาตัดต่อรายการ เราก็ซื้อข้าวซื้อน้ำมาวางไว้ให้คนตัดต่อในห้องเลย ใจก็คิดว่า "อย่าไปไหน ตัดต่อให้เสร็จ" พอไม่ได้ดั่งใจ เราเคยเลวมากกรี๊ดช่างตัดต่อจากชั้น3 ลงมาชั้น 1 และต่อว่าเขา เคยเตะถังขยะใส่ช่างตัดต่อ เราหยาบคายมาก คิดว่า คนอื่นไม่มีอุดมการณ์ เราลืมคิดไปว่า โลกเปลี่ยนไปทุกวัน"

เมื่อเข้าใจธรรมะมากขึ้น จิรา บอกว่า เพราะเรา เอาตัวเองเป็นใหญ่ และเคยมีพระอาจารย์คนหนึ่งบอกว่า “ลองลืมความถูกต้องไปบ้าง แล้วจะโกรธน้อยลง”
“ที่เราโกรธ เพราะเราคิดว่า ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง และไม่ได้คิดว่า นั่นเป็นการเบียดเบือนผู้อื่น”

พระอาจารย์นวลจันทร์ บอกว่า ปัญหาของมนุษย์ทั่วไป เหมือนที่พระอาจารย์พุทธทาสบอกว่า พอมีตัวกู ก็คิดว่าเป็นของกู จึงเป็นปัญหาของโลก
“มีคนถามว่า พุทธศาสนาแก้ปัญหาโลกได้ยังไง แก้ได้แน่นอน เมื่อไหร่เราชำระความเป็นตัวกู ของกู ได้แล้ว เมื่อกูไม่มี ของกูไม่มี ชำระฆ่าตัวกู ของกูได้แล้ว ก็จะเห็นคุณค่าที่แท้จริง”

.................

อย่าเลวเลย เสียเวลา
ก่อนจะพบธรรม อ้อม-สุนิสา เคยบวชชี 3 ครั้ง และเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับธรรมะ ณ วันนี้ เธอมองตัวเองที่เปลี่ยนไปอย่างไร

“เคยหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองฉลาด ถ้าเรายังไม่รู้เรื่องธรรมะ แล้วคนอื่นจะรู้ได้ยังไง จึงอยากทำรายการธรรมะให้เด็กๆ และเป็นที่มาของการได้ฟังคำสอนของพระอาจารย์และแม่ชี และตอนเป็นจิตอาสา ก็เพราะตัวเราอยากดี คนอื่นจะได้เห็นว่า เราดี บางวันเราไปทำงานจิตอาสา แล้วบางคนที่ทำอยู่ลืมดูแลเรา เราก็คิดไปว่า เราอุตส่าห์มาเป็นจิตอาสา ทำไมเขาไม่ดูแลเรา

แต่พอมาถึงวันหนึ่ง กลับรู้สึกขอบคุณการเป็นจิตอาสา เวลาที่ใจโล่งๆ แค่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น และแสงแดดดีๆ เราได้หายใจเข้าและหายใจออกจริงๆ ถ้าไม่ได้ตื่นมาทำจิตอาสา คงไม่ได้สัมผัสสิ่งดีๆ แบบนี้ คงนอนอยู่บ้าน และเพิ่งได้สังเกตตัวเองว่า ทำให้ตัวเราเล็กลง ทำงานได้ง่ายขึ้น

ปกติอาชีพอ้อม ต้องบริหารเสน่ห์ ให้คนยอมรับและชอบ พอมาเป็นจิตอาสา ตอนแรกก็มีคำว่า กูมาช่วย สรุปแล้วไม่ได้ขัดเกลา แต่พอมาเจอครูบาอาจารย์ที่ทำให้ดู และสิ่งแวดล้อมรอบข้าง มีกัลยาณมิตรที่ดี ทำให้รู้ว่า การทำงานแบบจิตอาสา ต้องทำแบบมืออาชีพ ไม่ใช่ทำแบบขอไปที ต้องขอบคุณที่ให้เรามาทำ เรื่องเหล่านี้ค่อยๆ ฝึกเรา

เพราะบางทีอาชีพที่เราทำ ก็ทำให้เราหลง แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นกรอบที่ดีได้ อ้อมจำได้ว่า ตอนบวชครั้งแรกมีคนชื่นชมว่า อ้อมพูดดีจังเลย ทั้งๆ ที่พูดเหมือนเมื่อก่อน อ้อมก็เลยมีคำถามว่า คนให้ความสำคัญกับอะไรกันแน่ ความศรัทธามันเปลี่ยน อ้อมไม่ได้ดีขนาดนั้น เมื่อมีคนชื่นชม เราก็คิดว่า ดีก็ได้วะ ทั้งๆ ที่เราเคยดื่มเหล้าขณะที่อ่านหนังสือธรรมะ รู้สึกสมองรื่นสบาย เราเป็นคนบ้าๆ บอๆ แบบนี้ บางเรื่องเราก็เป็นคนห่วย

ไม่ว่าใคร จะอยู่ในอาชีพใดก็ตาม เหมือนกันหมด มีคนชอบเรา เราก็ดีใจ มีคนนินทาเรา เราก็ทุกข์ ทำดีอยากให้คนอื่นเห็น พอคนไม่เห็นก็ทุกข์ มันเรื่องเดียวกันทั้งหมด อยู่ที่ใจของเรา ตอนอ้อมบวชก็เพื่อเรียนรู้ตัวเอง ชุดนักบวชก็มีส่วนให้คนข้างนอกมองเราแบบหนึ่ง พี่ปลา(จักรกฤษณ์) เล่าเรื่อง ตอนบวชรักเท้ามาก อ้อมก็เหมือนกัน ถ้าให้เลือกระหว่างเช็ดเท้ากับเช็ดหน้า อ้อมเลือกเช็ดเท้าก่อน อ้อมไม่แคร์หน้า หน้าไม่ทาครีม แต่เวลาบวชต้องเดินเท้าเปล่า เหยียบน้ำครำ น้ำในร่องดิน เจ็บมาก แต่ทำไมครูบาอาจารย์เดินเฉย ในที่สุดเราก็รู้ว่า เจ็บแล้วก็หาย 

ถ้าหลายคนหัดมองตัวเอง ก็จะเห็นข้อแย่ๆ ในตัวเอง ต้องมองแบบไม่ทุกข์นะ ค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ และนี่คือ เหตุผลว่าทำไมอ้อมถึงสนใจพุทธศาสนา และยังคงเดินบนเส้นทางนี้ ถ้ามีคนเดินอยู่ข้างหลังอ้อม ก็จะบอกว่า อย่าเลวเลย เสียเวลา 

และอยากบอกว่า ชีวิตนี้ยังโชคดีอีกวันที่ได้หายใจ ได้มีโอกาสแก้ไขและปรับปรุงตัวเอง อ้อมคิดแค่นี้ ไม่ได้คิดว่า ทำเพื่อเอาบุญ ก็แค่ทำเป็นหน้าที่ ทำแล้วไม่เบียดเบือนตัวเอง ก็ทำไปเถอะ"