สปิริตแรง! 'คัตโตะ'กัดฟัน ขึ้นคอนฯ 'ลิปตา ออนไอซ์'

สปิริตแรง! "คัตโตะ" กัดฟัน ขึ้นคอนเสิร์ต "ลิปตา ออนไอซ์" จบสมบูรณ์แบบ แม้มีอาการบาดเจ็บ
ผ่านไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่ และอบอุ่นกับ LIPTA ON ICE CONCERT Live at IMPACT ARENA ด้วยการเนรมิตฉากปราสาทในเทพนิยายพร้อมกราฟฟิคแสงสีตระการตา และขนเอาเพลงฮิตตลอด 11 ปีที่อยู่ในวงการเพลงมาชนิดที่แฟนๆ ร้องตามกันได้ทุกคน
คอนเสิร์ตนี้ทั้งอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความสนุกของแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ อย่าง “เบน ชลาทิศ” ในบทเจ้าหญิงผู้พี่ ขี้อิจฉา ต่อด้วย “ทีเจ” เจ้าชายรับเชิญฮิปฮอปเจ้าของเพลงวายร้าย เจ้าชายกบในนิยายที่พอจุมพิตปุ๊ป กลายเป็น “ตู่ ภพธร” ที่ทำเอาเสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม และสุดท้ายเป็นคิวของ “วง อีทีซี” ที่โดน “คัตโตะ” แกล้งจนต้องเดินหนี รวมทั้ง “คัตโตะ และ แทน” เจ้าของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ตลอดการโชว์กว่า 3 ชั่วโมง ทั้งคู่จัดเต็มทั้งร้องทั้งฮาปล่อยมุขไม่มีกั๊ก
ถึงแม้ คัตโตะจะมีอาการบาดเจ็บที่ข้อมือเนื่องจากอุบัติเหตุจากการซ้อมคอนเสิร์ตครั้งนี้ แต่ก็ทำให้แฟนๆ ได้เห็นความรัก ความผูกพันระหว่างเพื่อน ที่ช่วยดูแลกันและกันตลอดโชว์ แบบไม่ต้องมีสคริปท์
ทั้งการประครองเดิน การป้อนน้ำ การออกอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด! จนถึงช่วงท้ายของคอนเสิร์ต แทน ได้ออกมาเล่าเรื่องราวพร้อมขอโทษผู้ชมที่คอนเสิร์ตในครั้งนี้อาจจะไม่ไหลลื่น ติดขัดไปบ้าง
“คัตโตะมีอาการบาดเจ็บที่หลังเมื่อวันอังคารแบบไม่สามารถขยับได้ คุณหมอก็บอกว่าใช้เวลากว่าอาทิตย์ถึงจะดีขึ้น ผมคิดว่าคงต้องเลื่อนคอนเสิร์ตออกไปก่อน ผมว่ามันไม่คุ้มอย่างไงคัดโตะก็ไม่ไหว คุณต้องเห็นภาพในวันนั้น”
ทำให้ทุกคนในฮอลล์ปรบมือดังสนั่นเพราะตลอดการโชว์ คัตโตะไม่มีการแสดงออกว่าเจ็บป่วยเลยแม้แต่น้อย จนทำให้น้ำตาเจ้าชายอย่างคัตโตะเองไหลออกมากลางคอนเสิร์ต
“ตอนแรกผมก็คิดว่าผมไม่ไหว แต่พอได้เห็นเวทีที่เราช่วยกันคิด สคริปท์ที่เราช่วยกันเขียน เพลงที่เราช่วยกันซ้อม เห็นแขกรับเชิญทุกคนตั้งใจขนาดนี้ ผมเลยบอกกับตัวเองว่ามันจะต้องจบได้สวย และยิ่งถ้ามีพวกคุณ(ผู้ชม)ส่งเสียงเชียร์มันจะต้องทำให้ผมยืนได้จนจบ แล้วผมก็ทำมันได้” คัตโตะยอมรับกับผู้ชม
เขาทิ้งท้ายว่า “ในวันนี้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เหลือแต่ผม ...”
หลังพูดจบเสียงปรบมือดังอีกครั้ง เป็นเครื่องการันตีว่า มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เพราะคำว่าศิลปินสำหรับ LIPTA ในวันนี้ ไม่ใช่การแสดงเพื่อการเอ็นเตอร์เทนเท่านั้น แต่มันคือการพบปะสังสรรค์บอกเล่าเรื่องราวระหว่างเพื่อนกับเพื่อนที่รู้จักกันมาตลอดระยะเวลา 11 ปี ของวง LIPTA นั่นเอง







