Piano Concerto Extravaganza III คอนเสิร์ตเปียโนที่ไม่ธรรมดา

นับเป็นคอนเสิร์ตที่เราได้ชื่มชมฝีมือของนักเปียโนรุ่นเล็ก รุ่นกลาง รุ่นกำลังเทิร์นโปร และรุ่นที่เทิร์นโปรแล้ว
ในช่วงกลางปีที่ฝนตกน้ำท่วมอย่างนี้ หลายๆ คนคงรู้สึกหงุดหงิด บวกกับสภาวะที่เศรษฐกิจผันผวน เช่นนี้แล้ว เส้นความเครียดของหลายๆ คนคงจะตึงเปรี๊ยะทีเดียว แต่สำหรับคอเพลงคลาสสิกแล้ว ช่วงกลางปี จะเป็นช่วงที่หลายคนรอคอย เพราะจะมีคอนเสิร์ตดีๆ มากมาย แสดงเดี่ยวบ้าง เป็นกลุ่มบ้าง หลากหลายราวกับ บุฟเฟ่ต์ชุดใหญ่ พอจะใช้เยียวยา ยืดเส้นให้ความเครียดผ่อนคลายลงได้บ้าง
คอนเสิร์ต Piano Concerto Extravaganza III ในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน ที่เพิ่งผ่านไปนี้ ก็เป็นอีกคอนเสิร์ตหนึ่งที่ได้สร้างความสนุกสนานเบิกบานและผ่อนคลายให้ผู้ฟังทุกๆ คน คอนเสิร์ตนี้จัดขึ้นที่หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้จัดงานคือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภนันท์ จันทร์อรทัยกุล อาจารย์สอนเปียโนคลาสสิกชั้นแนวหน้าของประเทศไทย ซึ่งได้กล่าวในคอนเสิร์ตว่า วัตถุประสงค์ของการจัดงาน คือการให้โอกาสเยาวชนไทยที่มีพรสวรรค์และฝีมือด้านเปียโนคลาสสิกได้ออกแสดงเปียโนคอนแชร์โต กับวงออร์เคสตรามืออาชีพ ซึ่งเป็นโอกาสและประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีค่าและหาได้ยากยิ่ง
ที่ผ่านมา อาจารย์นภนันท์ ได้พยายามส่งเสริมวัฒนธรรมการฟังคอนเสิร์ตคลาสสิกขึ้นมาในบ้านเรา โดยนำเสนอคอนเสิร์ตคุณภาพดี เช่นคอนเสิร์ตในบ่ายวันนั้น ให้ผู้ฟังได้ชื่นชมและมีความสุขกับการฟังเพลงไพเราะที่บรรเลงจากใจอย่างมีคุณภาพ
ดร.นภนันท์ จัดงานในลักษณะเช่นนี้มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว คอนเสิร์ตแบบนี้พิเศษและแตกต่างจาก คอนเสิร์ตอื่นๆ ตรงที่เป็นการแสดงเฉพาะบทประพันธ์ประเภทที่เรียกว่า piano concerto หรือ ‘ดนตรีประชัน ระหว่างเปียโนกับวงออร์เคสตรา’ ซึ่งในงานนี้แสดงทั้งหมดถึง 5 บทด้วยกัน (ปกติการจัดคอนเสิร์ตมักจะมี concerto อยู่ในโปรแกรมเพียงบทเดียว) และนำเสนอศิลปินนักเปียโนที่เป็น soloist จากรุ่นจิ๋วถึงรุ่นบิ๊กถึง 10 คน บรรเลงกันคนละท่อน ยกเว้นนักเปียโนคนสุดท้ายของงาน ซึ่งบรรเลงคนเดียวทั้งเพลง
ยิ่งไปกว่านั้น 3 ใน 5 บทเพลงที่บรรเลงในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ยังเป็นการแสดงครั้งแรกในประเทศไทย (Thailand Premiere) อีกด้วย
อีกหนึ่งในความพิเศษของคอนเสิร์ตนี้ อยู่ที่ผู้จัดงานได้เชิญวง Salaya Modern Ensemble (SME) มาบรรเลงกับนักเปียโน วง SME เป็นวงที่ประกอบด้วยนักดนตรีมืออาชีพฝีมือเยี่ยมจำนวนหนึ่งมารวมตัวกัน เพื่อเล่นคอนเสิร์ตด้วยใจรัก โดยมีผู้อำนวยเพลงหรือวาทยกรประจำวง และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งวงด้วย คือ ดร.ปริญญา ชูเชิดวัฒนศักดิ์ conductor หนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงฝีมือฉกาจที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้าน Orchestral Conducting จากมหาวิทยาลัย Missouri-Kansas City ประเทศสหรัฐอเมริกา มาทำหน้าที่ ควบคุมวงตลอดทั้งคอนเสิร์ต
ดร.ปริญญา เคย conduct วง orchestra ทั้งในและต่างประเทศ และเคย conduct ballet มาแล้วแต่การต้องมา conduct และ coach นักเปียโนที่มีตั้งแต่รุ่นจิ๋ว คืออายุเพียง 10 ขวบ ไปจนถึงรุ่นพี่อายุ 20 ปี จำนวนมากถึง 10 คน บรรเลง Piano Concerto ถึง 5 เพลงในงานเดียว ให้บรรเลงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับวง orchestra ในความจำกัดของเวลาซ้อมที่มีเพียงแค่ไม่กี่วัน วันละแค่ไม่กี่ชั่วโมง นับเป็นงานหนักที่ท้าทายฝีมือของ ดร.ปริญญาเป็นอย่างยิ่ง
ทว่า ดร.ปริญญา ได้แสดงให้เราเห็นถึงฝีมือที่ไม่ธรรมดาในการโอบอุ้ม ประคับประคองและพาศิลปินเดี่ยวทั้ง 10 คนและวง Salaya Modern Ensemble เดินทางไปด้วยกันอย่างสวยงามตลอดคอนเสิร์ต
นอกจากต้อง conduct แล้ว ดร.ปริญญา ยังได้รับบทหนักและสำคัญยิ่งในการเรียบเรียงเพลง concerto ทั้ง 5 เพลงที่บรรเลงในบ่ายวันนั้นขึ้นใหม่ จากต้นฉบับซึ่งแต่งไว้สำหรับวงออร์เคสตราขนาดใหญ่ ให้เป็นบทเพลงสำหรับวงขนาดเล็ก (Ensemble) ที่มีเครื่องดนตรีเพียง 12 ชิ้น และยังคงมีแนวเปียโนเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องเช่นเดิม โดยยังต้องรักษาสีสันและอารมณ์เพลงไว้ครบถ้วน ซึ่ง ดร.ปริญญา สามารถ arrange เพลงแต่ละเพลงออกมาได้อย่างดียิ่ง นอกจากนั้น ยังทำหน้าที่บรรยายประวัติที่มา ตลอดจนวิเคราะห์เพลงแต่ละเพลงให้ผู้ฟังได้เข้าใจก่อนแสดง ด้วยภาษาที่เป็นกันเอง ทำให้ผู้ฟังสามารถเข้าใจและชื่นชมบทเพลงที่ฟังได้มากขึ้น
คอนเสิร์ตในบ่ายวันนั้น เริ่มด้วยการแสดงรอบปฐมทัศน์ของประเทศไทย (Thailand Premiere) ของบทเพลง Piano Concerto No.3 (ท่อน3) และ No.7 (ท่อนที่ 2 และ 3) ของ Alexander Peskanov นักประพันธ์ร่วมสมัยชาวรัสเซีย ต่อด้วย Piano Concerto No.3, Op. 37 ของ Ludwig van Beethoven นักประพันธ์ชาวเยอรมันที่เราคุ้นเคย โดยมีนักเปียโนระดับเยาวชนผลัดกันออกมาประชันกับวงคนละท่อน
Soloist คนแรกของคอนเสิร์ตคือ Stanley Holewa เป็นนักเปียโนรุ่นจิ๋วอายุเพียง 10 ขวบ เขาสามารถ ดึงความน่ารัก สนุก ซุกซน ตลกขบขันอย่างไร้เดียงสาของ Piano Concerto No.3 ออกมาราวกับอยู่ในสวนสนุก และสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชมทุกคนได้ ต่อด้วย ลดา วิวัฒนประเสริฐ ที่ทำให้เราดื่มด่ำกับความหวานซึ้ง และงดงามของท่วงทำนองในท่อนช้า ซึ่งเราทราบจากการบรรยายเพลงว่า เป็นช่วงที่กล่าวถึงความรักของคนสองคนที่กำลังงอกงาม และ ชนารดี ลีลาแม้นเทพ ได้พาเราเต้นรำไปกับเธอ ด้วยเสียงเพลงโฟล์คพื้นเมืองในท่อน สุดท้ายของ Piano Concerto No.7 ที่แสดงถึงอิทธิพลของดนตรีตะวันออกกลางที่มีต่อดนตรีรัสเซีย (Russian Orientalism) ซึ่งอยู่ในสายเลือด Peskanov นักดนตรีชาวยูเครนที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อเมริกา ชนารดี สามารถบรรเลงได้ตื่นเต้น เร้าใจและมีพลัง ซึ่งผู้บรรยายบอกเราว่าเป็นการเต้นรำเฉลิมฉลองของงานสมรสอย่างรื่นเริง
บทเพลงต่อไปที่เราได้ฟังกันคือ Piano Concerto No.3 in C Minor, Op. 37 ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญ ของนักประพันธ์ชาวเยอรมันระดับ Grandmaster ในตำนาน คือ Ludwig van Beethoven ที่มีความลงตัว สวยงาม และสมมาตรในทุกๆ มุม ดั่งสถาปัตยกรรมของเยอรมนี เปิดตัวบทเพลงด้วยท่อนเร็วโดย พีรธัช อยู่วิทยา ซึ่งสามารถนำเสนอ balance ระหว่างความเคร่งครึมที่เย็นชาสลับกับความอิ่มเอิบที่อบอุ่นของทำนอง นอกจากนั้น พีรธัช สามารถสื่อสารและรับส่งกับวงได้ดี และ “ปล่อยของ” ในท่อน Cadenza ที่เขียนโดย มรกต เชิดชูงาม นักประพันธ์ชาวไทยผู้ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยจินตนาการ ต่อด้วยท่วงทำนองที่ลุ่มลึก หวานแบบไม่เลี่ยน ในท่อนที่สอง ซึ่ง คณาพร เที่ยงธรรม สามารถบรรเลงได้อย่างจริงใจ ทั้งโทนเสียง phrasing และ expression ลึกซึ้งงดงามอย่างยิ่ง ราวกับกำลังอธิษฐาน ขอบคุณพระเจ้าที่นำพาเราผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านเวลาทั้งทุกข์ และสุขในชีวิตมาด้วยดี และเพลงนี้จบลงด้วยท่อนสุดท้ายที่เร็ว หุนหันพลันแล่น กระฟัดกระเฟียด สลับกับ ความตื่นเต้นยินดีราวกับนักวิ่งในลู่ที่กำลังมุ่งเข้าสู่ชัยชนะ น่าเสียดายที่ ปัญญ์ ปัญญสวัสดิ์สุทธิ์ ดูเหมือนจะเล่น ด้วยความระมัดระวังมากไปหน่อย หรือยังมีความมั่นใจน้อยไปสักนิด จึงไม่สามารถดึง “Character” ในตัวเพลง ออกมาได้ ‘สุด’ อย่างที่คาดหวังไว้
ครึ่งหลังของคอนเสิร์ต เริ่มด้วยเพลง Piano Concerto in The Style of Young Chopin No.2 ซึ่งเป็นบท ประพันธ์ของ Henryk Gorecki และเป็นการแสดงรอบปฐมทัศน์ (Thailand Premiere) ของประเทศไทยด้วย ต่อด้วย Piano Concerto No.1 in E-flat Major ของ Franz Liszt ซึ่งเป็นบทเพลงสุดท้ายในคอนเสิร์ต
Henryk Gorecki เป็นนักประพันธ์ร่วมสมัยชาวโปแลนด์ที่เพิ่งจะเสียชีวิตไปไม่นานนี้เอง เขาได้รับเชิญ ให้แต่งบทเพลงนี้สำหรับนักเปียโนเยาวชน โดยให้แต่งในสไตล์ของ Chopin ซึ่งเป็นนักประพันธ์เอกร่วมชาติ ของเขา ในท่อนแรกของเพลงนี้ ผู้ประพันธ์สื่ออารมณ์ที่แปรปรวนสลับไปมาระหว่างโศกเศร้า ตื่นเต้น หวานซึ้ง ชวนให้นึกถึง Piano Concerto No.2 in F Minor, Op. 21 ของ Chopin ท่อนที่ 1 นี้ เดี่ยวเปียโนโดย จิรวัฒน์ นาคเสนาธนสิทธิ์ ซึ่งสามารถบรรเลงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วง running passages วิ่งได้คล่อง ราบรื่น และสง่างาม ท่อนที่สองเป็นท่อนที่ช้าและอ่อนหวานที่ ณฐดล ว่องพิสุทธิพงศ์ สามารถบรรเลงออกมาได้อย่าง ลึกซึ้งสวยงามเกินอายุ และบรรเลงอย่างเข้าใจใน harmony ที่ดำเนินแปรเปลี่ยนไปในท่อน ชวนให้นึกถึงความสวยงามของธรรมชาติที่มีทั้งความอบอุ่นและความร่มเย็น
ต่อด้วยท่อนที่สามที่มีทำนองฟังแล้วชวนให้นึกถึง Piano Concerto No.1 in D Minor, Op. 15 ของ Brahms ที่อยู่ในบันไดเสียงเดียวกัน ( D Minor) แต่ Gorecki ยังคงทิ้ง “ลายเซ็น” หรือเอกลักษณ์ของความเป็น Chopin ในท่อนนี้ ด้วยแนวมือขวาที่วิ่งพลิ้วไหวลื่นไหลไล่ไป ทั่วคีย์บอร์ดตลอดทั้งท่อน ซึ่งยากและท้าทายความสามารถของนักเปียโนเป็นอย่างยิ่ง อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ ทำให้การบรรเลงของ ปัญญากร เลิศนิมิตพันธ์ ออกจะแข็งไปสักหน่อย แต่กระนั้นก็แสดงถึงฝีมือที่ไม่ธรรมดา และปัญญากรสามารถโต้ตอบรับส่งบทสนทนากับวงได้อย่างดียิ่ง
Highlight ของคอนเสิร์ตในบ่ายวันนี้ อยู่ที่ Liszt Piano Concerto No. 1 in E-flat Major ซึ่งเดี่ยวเปียโน โดย ดลปิติ คงวิวัฒนากุล นักเปียโนหนุ่มฝีมือเยี่ยมที่เพิ่งจบชั้นปีที่ 2 ของการเรียนระดับปริญญาตรีในสาขา Piano Performance ที่ Yong Siew Toh Conservatory of Music ที่ประเทศสิงคโปร์
เป็นที่ทราบกันว่า Franz Liszt เป็นดั่งไอน์สไตน์แห่งวงการประพันธ์เพลง และเป็น ‘จา พนมแห่งวงการ เปียโน‘ เขามีหัวคิดก้าวหน้า มีทักษะฝีมือและวิทยายุทธในการเล่นเปียโนสูงลิบดั่งปรมาจารย์แห่งสำนักเส้าหลิน ที่ทุกคนในยุทธจักรต้องยอมคุกเข่าให้ เขาใช้เวลาถึง 26 ปี ในการเคี่ยวกรำ Piano Concerto บทนี้ออกมาเป็นนวัตกรรมใหม่ทางดนตรีที่ล้ำยุค และ ดลปิติ ได้บอกเล่าสิ่งเหล่านั้นออกมาร่วมกับวง SME ได้อย่างยอดเยี่ยม
Piano Concerto No. 1 in E-flat Major ของ Liszt นี้มีสี่ท่อน บรรเลงต่อกันโดยไม่มีพักระหว่างท่อน แต่ละท่อนนำเสนอความสุดขั้วของการใช้ Harmony ล้ำสมัย ดั่งรถสปอร์ตในยุคที่ยังเทียมเกวียน และเทคนิคการเล่นเปียโนระดับเหาะเหินเดินอากาศ คือเหนือมนุษย์ ซึ่ง ดลปิติ สามารถงัดเอากระบวนท่าร้อยแปดพันเก้ามาใช้บนเปียโนได้อย่างถึงพริกถึงขิง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เร็ว มีพลัง ดุดัน ช่วงที่เบาและพลิ้วไหวดุจเดินอยู่บนเมฆ ตลอดจนช่วงที่อ่อนหวานซาบซึ้ง ดลปิติ สามารถปลุกบทเพลงให้ตื่นขึ้นจากโน้ตในกระดาษ มามีชีวิตกระโดดโลดเต้นอยู่ต่อหน้าผู้ฟังผู้ชม แสดงออกถึงความเป็นนักเปียโนมืออาชีพฝีมือเยี่ยมอย่างเต็มตัวในทุกท่อนตลอดเพลง
แม้ว่าในคอนเสิร์ตนี้จะมีนักเปียโนทั้งสิบคนเป็นตัวเอก แต่ก็ไม่สามารถละเลยว่า วง SME ทำหน้าที่บรรเลง ร่วมสนับสนุนและโอบอุ้มนักเปียโนได้ดี นักดนตรีในวงมีความเป็นมืออาชีพสูง และ ดร.ปริญญาสามารถควบคุมวงรวมถึงหาจุดร่วมในการทำงาน ระหว่างวงกับ soloist ทั้ง 10 คนได้ดียิ่ง การเรียบเรียงเพลงก็ทำได้ดี ไพเราะ มีสีสันแต่ยังคงความ original ของเพลงไว้ได้ครบถ้วน เสมือนไวน์เก่า ในขวดใหม่ ไพเราะแบบแปลกหูแต่คุ้นเคย
หากจะมีที่ติสำหรับคอนเสิร์ตนี้บ้าง คงจะเป็นเรื่อง acoustic ของสถานที่คือห้องประชุมที่ดูแห้งแล้งราวกับประเทศไทยในเดือนเมษายน นอกจากนั้น บริษัท Central Marketing Group (CMG) ได้ให้การสนับสนุนคอนเสิร์ตครั้งนี้ โดยยกเปียโน Kawai Shigeru มาให้ใช้ตลอดคอนเสิร์ต ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นเปียโนคุณภาพดีมาก แต่ด้วยเหตุที่คงจะเป็นเปียโนใหม่ที่เคยมีการใช้งานมาน้อยมาก ยังไม่ได้ run in ดังนั้น เสียงจึงยังไม่ค่อยออก ผู้เขียนรู้จัก ดร.นภนันท์ เป็นอย่างดีมาเป็นเวลาหลายปี และมั่นใจว่า ปรมาจารย์มืออาชีพที่มีความรู้และประสบการณ์ในทางดนตรี อย่าง ดร.นภนันท์ จะไม่แก้ปัญหาด้วยการใช้ไมโครโฟนในคอนเสิร์ตคลาสสิกแบบนี้แน่ๆ แต่ดูเหมือนว่าทีมงานจะแอบแก้ไขปัญหาด้วยการใช้ไมโครโฟนขยายเสียงเปียโนออกลำโพงเพียงอย่างเดียว (เพราะผู้เขียนไม่ได้ยินเสียงจากวงที่ออกผ่านทางลำโพงเลย) ทำให้บาลานซ์ระหว่างเปียโนกับวง (โดยเฉพาะย่านเสียงต่ำ) ลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้าง
คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตที่เราได้เห็นความทุ่มเทและตั้งใจของ ดร.นภนันท์ ในการ nurture musical talents คือการสร้างและพัฒนาพรสวรรค์ของเด็กไทยในด้านเปียโนคลาสสิก เป็นคอนเสิร์ตที่เราได้ชื่มชมฝีมือของนักเปียโนรุ่นเล็ก รุ่นกลาง รุ่นกำลังเทิร์นโปร และรุ่นที่เทิร์นโปรแล้ว เป็นคอนเสิร์ตที่เราได้ดื่มด่ำกับ Piano Concerto ที่ไพเราะสวยงามถึง 5 เพลง ได้ฟังวง Salaya Modern Ensemble บรรเลง ได้ชื่มชมฝีมือการ conduct และ arrange เพลงของ ดร.ปริญญา ฟังเสียงสะท้อนจากผู้ชมรอบตัวซึ่งนั่งกันจนเต็มห้องประชุมและของผู้เขียนเอง ได้ความว่า เป็นคอนเสิร์ตที่ดูเพลิน ฟังสนุก เสนาะหู กลับบ้านด้วยรอยยิ้ม ด้วยความชื่นใจ อิ่มใจและประทับใจ แฮปปี้เอนดิ้งสำหรับทุกคนทีเดียว
ท่ามกลางฤดูฝนในห้วงที่เศรษฐกิจผันผวนเช่นนี้ คอนเสิร์ตดีๆ แบบนี้ช่วยให้ชีวิตมีความสุข หัวใจเบิกบานขึ้นมาได้มากทีเดียว
..............................
เกี่ยวกับผู้เขียน : ตัวกลมตัวขาว เป็นนักดนตรีดีกรีปริญญาโทสาขา Piano Performance จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในทวีปยุโรป นอกจากจะมีความรู้ความสามารถทางด้านเปียโนคลาสสิกแล้ว ยังมากด้วยประสบการณ์ ทางด้านดนตรีอื่นๆ เช่น เล่น Pipe Organ ในโบสถ์ เล่นเปียโนในคณะนักร้อง Gospel เล่นคีย์บอร์ดในวงป๊อป รวมถึงแต่งและเรียบเรียงดนตรีทั้งคลาสสิกและป๊อป ปัจจุบัน เป็นนักดนตรีและครูสอนดนตรีอิสระที่สอนอยู่หลายสถาบัน
เรื่อง : ตัวกลมตัวขาว
ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ สนามวิจารณ์ ส่วนจุดประกาย นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม 2559







