อิรัก-ซีเรีย-จอร์แดน : ชันสูตรซากอารยธรรม

อิรัก-ซีเรีย-จอร์แดน : ชันสูตรซากอารยธรรม

ไม่ว่ายุคสมัยใด ผู้คนจะอพยพลี้ภัยไปทางไหน ดินแดนเมโสโปเตเมีย ลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส คืออู่อารยธรรมรุ่นเก่าแก่ที่สุดของโลก

ห้าปีก่อน เกิดปรากฏการณ์”อาหรับสปริง”ในหลายประเทศ  การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลส่วนใหญ่ถูกปราบปรามอย่างเหี้ยมโหด แล้วขยายวงลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง เกิดกองกำลังอิสระต่างๆ รวมทั้งกบฏเคิร์ด และ IS  (Islamic State) กลุ่มหัวรุนแรงในอิรักและซีเรียในนามของศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ การแทรกแซงสนับสนุนโดยซาอุดิอารเบีย(ฝ่ายสุหนี่)  อิหร่าน(ฝ่ายชีอะห์) ตุรกี(กองกำลังชาวเคิร์ด)  รวมทั้งมหาอำนาจรัสเซียและสหรัฐฯ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ส่งผลให้ซีเรียและอิรักกลายเป็นสมรภูมินรก  ในขณะที่ดินแดนเพื่อนบ้าน ทั้งจอร์แดน ตุรกี เลบานอน ปาเลสไตน์ ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักเมื่อ IS ยึดพื้นที่ลุ่มน้ำไทกริส-ยูเฟรติสได้เกือบทั้งหมด

ประเมินว่าพื้นที่ยึดครองของ IS มีจำนวนผู้คนกว่าสิบล้าน เป็นกำลังสู้รบไม่ต่ำกว่าสองหมื่น สงครามห้าปีได้กลืนกินเกือบห้าแสนชีวิตในซีเรีย จำนวนผู้อพยพออกนอกประเทศเพิ่มสูงถึง 4.8 ล้านคนแล้ว ในขณะที่อีก 6.5 คนในประเทศต้องเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัย จอร์แดนซึ่งเป็นแหล่งลี้ภัยของผู้อพยพกลุ่มต่างๆ มากว่าทศวรรษ ตอนนี้มีชาวซีเรียล้านกว่าคน และรัฐต้องใช้งบ 25% ไปกับการดูแลผู้อพยพเหล่านี้ ส่วนประเทศยุโรปที่เพิ่งเผชิญปัญหาโดยตรง ต่างต้องสะอึกอ้ำอึ้งกับคำว่า”มนุษยธรรม”ที่ตนเชิดชูและใช้ทับถมประเทศด้อยพัฒนาตลอดมา

มหากาพย์แห่งการอพยพครั้งนี้สะเทือนขวัญชาวโลกยิ่งนัก  แต่ก็ฟังดูคุ้นๆเหมือนในตำนานประวัติศาสตร์บางเรื่อง... ราวหนึ่งพันปีก่อนคริสตกาล โมเสสนำชาวอิสราเอลสองล้านคนอพยพหลบหนีการไล่ล่าทารุณของเจ้าทาสอียิปต์ (ใครได้ดู Prince of Egypt และ The Ten Commandments บ้าง?)  ข้ามทะเลแดงเข้าสู่แดนกันดาร (เอโดม-ทะเลทรายในจอร์แดน) และต้องร่อนเร่ลำเค็ญเป็นเวลา 40 ปี เพื่อหาทางไปสู่ดินแดนคานาอันซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้... ส่วนศาสนาอิสลามซึ่งเริ่มขึ้นในคาบสมุทรอาหรับหลังปี ค.ศ.632 ที่นบีมุฮัมหมัดสิ้นพระชนม์ ก็มีจารึกเหตุการณ์ที่นบีมูซา(โมเสส)นำมวลชนชาวยิวเร่ร่อนอยู่ 40 ปี ตามพระประสงค์ของอัลลอฮ์ แต่ต่อมาชาวยิวยโสโอหังประพฤติชั่วจึงถูกพระเจ้าลงโทษให้ “ผู้มีอำนาจมากกว่า” คือกษัตริย์แห่งบาบิโลนยกทัพเข้ากวาดล้าง... การลงโทษในตำนานทำนองนี้เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง จนถึงยุคกลางก็เกิดสงครามครูเสดระหว่างคริสต์กับมุสลิม จนในที่สุด ชนชาวอาหรับก็ได้ครองปาเลสไตน์และดินแดนรอบทะเลแดง ยิวกลายเป็นชนชาติไร้แผ่นดินถึงสองพันปี

ไม่ว่ายุคสมัยใด  ผู้คนจะอพยพลี้ภัยไปทางไหน... ดินแดนเมโสโปเตเมีย ลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส (อิรักปัจจุบัน) คืออู่อารยธรรมรุ่นเก่าแก่ที่สุดของโลก ถ้าดูในแผนที่จะเห็นเป็นพื้นที่สีเขียว ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านแห้งแล้งเป็นทะเลทราย เหมือนดังที่บรรยายไว้ในพระคัมภีร์(อพยพ: กันดารวิถี 20) โดยมีเครือข่ายเส้นทางการค้าโบราณช่วยประสาน และกระจายความเจริญมั่งคั่งไปทั่วอาณาบริเวณ 

นอกจากความทุกข์ทรมานสูญเสียของผู้คนแล้ว สงครามซ้ำซ้อนในยุคของเราได้ทำลายแหล่งโบราณคดีล้ำค่าไปมากมาย ตั้งแต่สงครามอ่าว (อิรัก-อิหร่าน) การบุกปล้นพิพิธภัณฑ์แบกแดด ระหว่างที่กองทัพสหรัฐฯ บุกเข้ากำจัดประธานาธิบดีซัดดัม (ปี 2546)  มาจนถึงการเผยแพร่คลิปการทำลายวัตถุโบราณที่เหลือในพิพิธภัณฑ์ของพวก IS และระเบิดทำลายส่วนหนึ่งของมรดกโลก นครโบราณสองพันปีพัลไมราในซีเรีย เมื่อปีกลาย    

“เพตรา” มหาศิลานครกลางทะเลทรายในจอร์แดนเป็นอีกมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย... คงจำกันได้ถึงเหตุการณ์ที่รัฐบาลจอร์แดนส่งเครื่องบินรบไปถล่มรัง IS ในซีเรีย หลังจากที่นักบินคนหนึ่งถูกจับไปเผาทั้งเป็นในกรงออกสื่อ นี่อาจจะเป็นปมเหตุแห่งการล้างแค้นกันต่อไปไม่รู้จบ

เพตรา คือชุมทางการค้าโบราณกลางเวิ้งทะเลทราย บนเส้นทางสายสำคัญที่เชื่อมทะเลแดงกับ”ชุมชนเมืองตลาด”ที่มีอายุยาวนานต่อเนื่องที่สุดในโลก นั่นคือกรุงดามัสกัส(ในซีเรีย) นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมาก เคยได้ไปยลเยือนวิหารใหญ่ตรงปากทางเข้ามาแล้ว แต่ส่วนใหญ่ไม่มีเวลาพอที่จะเดินสำรวจความใหญ่โตมโหฬารของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งวิหารเทพต่างๆ สุสานที่ขุดแกะเข้าไปในเพิงผาหินทราย และลานอัฒจันทร์โคลอสเซียมแบบโรมัน

เมื่อเดือนมิถุนายนนี้ มีข่าวดังไปทั่วโลกว่า นักโบราณคดีเพิ่งสำรวจพบร่องรอยของลานพื้นหินรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ทางใต้ของนครเพตรา โดยอาศัยภาพถ่ายจากโดรนและดาวเทียมเป็นตัวชี้นำ คาดกันว่าน่าจะเป็นฐานของสิ่งก่อสร้างที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง  แต่ยังไม่ได้เริ่มการขุดค้นเนื่องจากสถานการณ์ไม่อำนวย 

น่าเศร้าใจหากโบราณสถานลึกลับแห่งนี้จะต้องจมหายไปกับสงครามและกาลเวลา โดยไม่ทันได้ปรากฏโฉมต่อสายตาชาวโลก