'โขน' สมบัติชาติไทย หรือวัฒนธรรมร่วมของอาเซียน?

'โขน' สมบัติชาติไทย หรือวัฒนธรรมร่วมของอาเซียน?

“โขน” สมบัติชาติไทย หรือวัฒนธรรมร่วมของอาเซียน?

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มีกระแสดราม่าเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งในแวดวงศิลปวัฒนธรรมในบ้านเราและเพื่อนบ้านนั่นคือวิวาทะเรื่อง ตกลงแล้ว การแสดงที่เรียกว่า “โขน” นั้น ควรจะเป็นการแสดงของคนชาติใด ที่มีประเด็นดรามากันนั่นเพราะว่าเฟซบุคเพจ I Love Khmer True Story และ Troll Football ซึ่งโพสต์เป็นภาษาเขมรเนื้อความว่า การแสดงโขนเป็นของกัมพูชา ไม่ใช่ของไทย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ไทยเตรียมยื่นเสนอให้ศิลปะการแสดง “โขน” เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของโลกกับทางยูเนสโกในปี 2560 ก่อนที่วิวาทะนี้จะไปไกลจนกลายเป็นปัญหาระดับชาติ สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้ใช้เฟซบุคส่วนตัวอธิบายให้คนในชาติเข้าใจว่า ทางฝั่งกัมพูชาเอง ได้ยื่นเสนอให้ “โขน” เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศมาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว ซึ่งทำให้กระแสชาตินิยมของฝั่งกัมพูชาที่มีต่อโขนเริ่มลดความร้อนความร้อนแรงลงวิวาทะระหว่างไทย-กัมพูชาดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ศิลปะการแสดงโขนนั้น แท้จริงแล้ว เป็นสมบัติของชนชาติใด?

ดร.สุรัตน์ จงดา อาจารย์จากวิทยาลัยนาฏศิลป์ หนึ่งในกรรมการที่เตรียมยื่นเรื่องลงทะเบียนให้โขน เป็นมรดกโลกอธิบายว่า แรกเริ่มเดิมที โขนเป็นคติความเชื่อจากอินเดีย ส่งต่อมาทางขอมโบราณ แล้วอาณาจักรอยุธยารับโขนมาพัฒนา และดัดแปลงเป็นลักษณะเฉพาะในแบบไทยอีกที

ทางฝั่ง ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มองว่าอย่างไรก็ตาม โขน คือวัฒนธรรมร่วมของคนภูมิภาคนี้ การที่ขึ้นทะเบียนโขน เป็นมรดกของไทยเพียงอย่างเดียว จะเป็นการตัดมิติความสัมพันธ์ที่มีต่อกันของคนในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ แต่ประเด็นดรามาในเรื่องที่มาของโขน นำไปสู่คำถามที่ว่า การลงทะเบียนของเป็นมรดกโลกนั้น ควรลงทะเบียนแบบใด ระหว่างการลงทะเบียนว่า “โขน” สมบัติของชาติชาติใดชาติหนึ่ง หรือ วัฒนธรรมร่วมของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งทางฝั่งดร.สุรัตน์ จงดา จากวิทยาลัยนาฏศิลป์ แสดงความเห็นว่า ไทยสามารถลงทะเบียนให้โขนเป็นมรดกโลกได้ เพราะโขนในแต่ละประเทศ ต่างมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน ต่างจากนักโบราณคดีอย่าง ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ ที่มองว่า โขนคือวัฒนธรรมร่วมของภูมิภาค เราควรทบทวนเรื่องการลงทะเบียนโขนใหม่ ในลักษณะที่ว่าเป็นของที่มีร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเกิดผลดีในแง่ความร่วมมือระหว่างภูมิภาค ก็เป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันต่อไปว่า ตกลง “โขน” ควรลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในลักษณะใด เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ตามหลักเกณฑ์ของยูเนสโก ประเทศที่เป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สามารถเสนอรายชื่อมรดกทางวัฒนธรรมที่เหมือนกันได้ โดยไม่จำกัดเพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง อย่างเช่น กรณี อาหารกิมจิ ที่ขึ้นทะเบียนทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ หรือเราสามารถที่จะขึ้นทะเบียนทางมรดกร่วมกันทั้ง 2 ประเทศได้ อย่างเช่น ท่าเต้นแทงโก้ ที่อาร์เจนตินาและอุรุกกวัยขึ้นทะเบียนร่วมกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองของเราว่า จะจัดการกับพื้นที่ของศิลปะการแสดงที่เรียกว่า “โขน” ผ่านมุมมองแบบใด