เติมความร่วมสมัยให้กับการแพทย์แผนไทย

กรุงเทพวันอาทิตย์ ชวนไปถอดรหัสความคิดที่อยู่เบื้องหลังประติมากรรมหม้อยาขนาดใหญ่สูง 4 เมตร
กับประติมากรรมประดับผนังหน้าอาคารกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
หม้อยาหมายถึงอะไรกัน และสัญลักษณ์ที่อยู่ตรงผนังเป็นใครกันบ้าง ไปค้นหาคำตอบพร้อมกัน
หม้อยาไทย
ประติมากรรมกึ่งเสมือนจริงรูปทรงหม้อยาไทยเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5 เมตร สูง 4 เมตร เกิดจากแนวคิดของ อรัญ วานิชกร ที่นำเอาเส้นโค้งของหม้อยาไทยมาเป็นโครงสร้างของประติมากรรม โดยมีองค์ประกอบเป็นเสา 4 เสา สื่อความหมายถึง การแพทย์แผนไทย 4 ด้าน ได้แก่ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย ผดุงครรภ์ไทย และ หัตถการนวดไทย
นอกจากนี้ในแต่ละเสายังมีเส้นประกอบอยู่เสาละ 10 เส้น แทนรสของสมุนไพรไทย เส้นวงกลม 5 วงแสดงถึงยุทธศาสตร์และเป้าประสงค์ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 5 ด้าน
เสาทั้ง 4 ยังเป็นตัวแทนของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในขณะที่ความโปร่งของโครงสร้างสื่อถึงความเป็นอากาศธาตุ
ความน่าสนใจของประติมากรรมชิ้นนี้ยังอยู่ที่การตกทอดของเงาที่เกิดจากลวดลายฉลุอัตลักษณ์ของการแพทย์แผนไทย ซึ่งศิลปินใช้แทนความหมายของวิญญาณธาตุ
“เงาที่ตกทอดที่เคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงไปตามวันเดือนปี แทนความหมายของชีวิตและความเป็นอมตะของภูมิปัญญาของการแพทย์แผนไทยที่เป็นอมตะและอยู่คู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่อดีต มาจนถึงปัจจุบันและสืบต่อไปยังอนาคต” อรัญ ผู้สร้างสรรค์ผลงานบอกกับเรา
ประติมากรรมประดับผนัง
ประติมากรรมประดับผนัง หรือ วอลล์ อาร์ต เป็นผลงานศิลปะอีกชิ้นหนึ่งที่สร้างความโดดเด่นและตอกย้ำอัตลักษณ์ของการแพทย์แผนไทยได้อย่างแจ่มชัด
ต่อข้อสงสัยที่ว่า ลายเส้นที่ประกอบในประติมากรรมนั้นสื่อความหมายถึงใครกันบ้าง
อรัญ กล่าวว่าเป็นการถอดรหัสจากคำสำคัญของการแพทย์แผนไทยที่สอบถามจากหมอไทยและผู้รู้ แล้วนำมาคลี่คลายออกเป็นลายเส้นที่อาศัยเส้นโค้งเว้าตามแบบศิลปะไทย ประกอบไปด้วย พระไภษัชยคุรุไวฑูรประภาตถาคต (พระกริ่ง)ในมือถือตรีผลาหรือยาอายุวัฒนะ
บรมครูแพทย์แผนไทยหมอชีวกโกมารภัจจ์ ฤาษีดัดตน เส้นประธาน เฉลว รวมไปถึงเอกลักษณ์ที่ทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกต้องการเผยแพร่ คือ การนวดไทย จึงมีภาพการนวด หม้อยา และลูกประคบอยู่ด้วย
โดยประติมากรรมสร้างขึ้นจากแผ่นสแตนเลส ใช้การผลิตแบบเลเซอร์ คัท ซึ่งศิลปินกล่าวว่าตอบสนองภาพลักษณ์ที่ผ่านการลดทอนรูปร่างให้มีความเรียบง่าย ตลอดจนสอดคล้องกันในแบบองค์รวมได้เป็นอย่างดี
ศิลปะกับการสร้างภาพลักษณ์
ประติมากรรมหม้อยาและวอลล์ อาร์ต กล่าวได้ว่าเป็นผลงานต่อยอดจากดุษฎีนิพนธ์ ของ ดร.อรัญ วานิชกร อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่างานศิลปะการออกแบบสามารถนำมาบูรณาการการแพทย์แผนไทยได้อย่างงดงามทางสุนทรียภาพ ทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความร่วมสมัย โดยเฉพาะถ่ายทอดความรู้สึกที่เป็นนามธรรมให้ผู้คนได้รับรู้และซาบซึ้งได้ง่ายขึ้น
“ ในการทำดุษฎีนิพนธ์มีข้อกำหนดว่าต้องเป็นเรื่องที่มีอิมแพคต่อสังคม ดังนั้นต้องเป็นเรื่องระดับชาติ ทำให้ผมมองไปที่การแพทย์แผนไทยที่ไม่ค่อยมีการบูรณาการกับการออกแบบสักเท่าไหร่
ย้อนไปในสมัยรัชกาลที่ 1 กับรัชกาลที่ 3 มีพระราชดำริ ให้สร้างเพื่อจารึกเผยแพร่ความรู้ รวมทั้งฤาษีดัดตนที่วัดโพธิ์ หลังจากนั้นขาดหายไป ในรัชกาลที่ 9 รัฐบาล ส่วนงานต่างๆได้มีการพัฒนาและบูมเรื่องแพทย์แผนไทยขึ้นมาใหม่ จึงเป็นเหตุผลที่ผมสนใจประเด็นนี้”
ค้นหาเอกลักษณ์และภาพจำ
สัญลักษณ์งูพันคบเพลิง เป็นสัญลักษณ์สากลของวิชาแพทย์ศาสตร์ของตะวันตก หยินหยาง เป็นสัญลักษณ์ของการแพทย์จีน แล้วสัญลักษณ์ของการแพทย์แผนไทย คือ อะไร ?
อรัญ ทำการศึกษาเบื้องต้นพบว่าเดิมใช้สื่อสารกันเป็นตัวหนังสือ ดังนั้นจึงไปศึกษาวิจัยเพื่อค้นหาอัตลักษณ์ของการแพทย์แผนไทยจาก สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
จนได้พบกับคำสำคัญ ได้แก่ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย ผดุงครรภ์ไทย นวดไทย และ ฤาษีดัดตน นำไปสู่การสเก็ตช์ภาพจากแบบจริงแล้วมาคลี่คลายให้เป็นลายเส้นร่วมสมัย พร้อมกับเทียบสีสมุนไพรเพื่อนำมาใช้
ผลงานต่อยอด
หลังจากได้รูปสัญลักษณ์แล้ว อรัญได้ทำการศึกษาต่อด้วนการออกแบบภาพสื่อความหมายถึงอัตลักษณ์การแพทย์แผนไทย ทำให้ได้ภาพสัญลักษณ์ที่มาจากคำสำคัญเพิ่มเติม
ได้แก่ พระไภษัชยคุรุไวฑูรประภาตถาคต (กระกริ่ง) บรมครูแพทย์แผนไทยหมอชีวกโกมารภัจจ์ ฤาษีดัดตน เส้นประธาน 10 เฉลว นวดตัว นวดคอบ่าไหล่ นวดน้ำมัน นวดเท้า ลูกประคบในพาน รวมไปถึงแม่และเด็ก
“ผู้บริการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ บอกว่าอยากให้ต่อยอดผลงาน ด้วยงานออกแบบที่ทำให้อาคารของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยมีบุคลิกแตกต่างจากอาคารที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง แสดงพื้นที่จำเพาะของการแพทย์แผนไทย
ผมจึงได้สร้างประติมากรรมวอลล์ อาร์ต และหม้อยาขึ้นมา ติดตั้งที่บริเวณหน้าจั่วของผนังอาคาร และพื้นที่หน้าอาคาร”
เล่าเรื่องด้วยภาพ
หลังจากปรับภาพลักษณ์ด้วยงานประติมากรรมที่มีความร่วมสมัย สร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ยังต้องการสร้างกุศโลบายให้กับนักศึกษาแพทย์แผนไทย รวมไปถึงคนที่เข้ามารับบริการการนวด ผู้คนที่เดินทางมาติดต่อราชการ หรือผ่านเข้ามาได้รับรู้ว่าการแพทย์แผนไทยยังมีองค์ความรู้ที่มากและหลายหลาย
อรัญจึงได้รับมอบหมายให้ออกแบบอีกครั้ง คราวนี้เขาไปฝังตัวกับหมอไทย รวมทั้งรับคำปรึกษาจากผู้บริหารของกรม จนตกผลึกออกมาสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมประดับภายในอาคาร และบริเวณเสาอาคาร เพื่อดึงดูดสายตาผู้มาเยือนให้สะดุดและหยุดพิจารณา
“ ผมทำหน้าที่ร่างภาพและวางแนวคิด จากนั้นส่งมอบให้กับจิตรกร 2 ท่าน คือ ชัญ บัวติ๊ด และ วิเชียรวงศ์ศุภลักษณ์ ทำงานตามแนวทางของศิลปินต่อไป
ผลงานประกอบไปด้วยจิตรกรรมฝาผนัง บริเวณลอบบีแสดงเรื่องราวการแพทย์แผนไทยที่มีมาแต่อดีตในดินแดนสุวรรณภูมิ จากสุโขทัย อยุธยา มาถึงรัตนโกสินทร์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้รับการยกย่องให้เป็นพระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทยเมื่อปี 2558
ส่วนงานจิตรกรรมบนเสามีด้วยกัน 15 ภาพ เป็นภาพที่หมอไทยอยากให้ทราบถึงองค์ความรู้ในด้านอื่นๆของแพทย์ไทย เช่น เผายา รมยา เพื่อสะกิดใจให้ผู้เรียนเมื่อได้เห็นแล้วอยากศึกษาเชิงลึกต่อไป”
งานออกแบบต้องรับใช้สังคม
“ในงานออกแบบเราต้องคิดถึงใจกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้บริโภคเมื่อเราคิดถึงแล้วเราก็ผลักดันส่วนที่เป็นศิลปกรรม งานออกแบบให้ตอบสนองรับใช้สังคมในส่วนนั้น
ผมคิดว่าโมเดลที่ทำกับการแพทย์แผนไทยนี้ สามารถนำไปบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม วิศวกรรม หรืองานที่ยากแก่การเข้าใจ
วันนี้ผมคิดว่าคอนเทนท์อะไรก็แล้วแต่ ศิลปะสามารถเข้าไปบูรณการให้เกิดความร่วมสมัยได้อย่างมีความเป็นรูปธรรม
งานบางส่วนที่เราภูมิใจในคุณค่า แต่คนอื่นเข้าใจยาก เราก็ต้องใช้ศิลปะเข้าไปช่วยเพื่อให้เขาเข้าใจและซาบซึ้งได้ง่ายขึ้น” อรัญ กล่าว
โดยมีประติมากรรมหม้อยา วอลล์ อาร์ต และผลงานจิตรกรรม ที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเป็นสิ่งยืนยันให้เห็นว่า
ศิลปะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ได้อย่างน่าสนใจ




