“มาเดอ-เออ” เผลอรักจนได้
มาเดอ-เออ เป็นภาษาอีสาน คือเวลาคนอีสานทักกันตอนกินข้าวก็จะชวน “มาเด้อ” คนตอบก็จะตอบว่า “เออ”
จริงๆ Route 12 หรือทางหลวงหมายเลข 12 เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างภาคตะวันตกสู่ภาคตะวันออก โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่สะพานมิตรภาพไทย- พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พาดผ่านหลายจังหวัดจนไปสิ้นสุดปลายทาง ณ เมืองริมแม่น้ำโขงอย่างจังหวัดมุกดาหาร
แต่ตลอดเส้นทางเกือบ 800 กิโลเมตรของทางหลวงหมายเลข 12 มีถนนอยู่ช่วงหนึ่งที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุด(แห่งหนึ่งในประเทศไทย) นั่นคือเส้นทางเชื่อมจังหวัดพิษณุโลกไปยังอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตลอดสองข้างทางนั้นจะร่มครึ้มไปด้วยแมกไม้สีเขียวและทิวเขาน้อยใหญ่ จนใครๆ ก็ยกให้ถนนสายนี้เป็น Green Route สุดประทับของคนชอบขับรถ
เมื่อเป็นเส้นทางน่าเที่ยว ก็ย่อมมีแหล่งท่องเที่ยว จุดแวะ และที่พักน่ารักๆ เหมาะสำหรับนักเดินทางทุกวัย และหนึ่งในที่พักที่ชวนประทับใจก็คือ มาเดอ-เออ ภูธารา ที่ตั้งอยู่ ณ ริมลำน้ำเข็กในเขตอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก นั่นเอง
“มาเดอ-เออ เป็นภาษาอีสาน คือเวลาคนอีสานทักกันตอนกินข้าวก็จะชวน “มาเด้อ” คนตอบก็จะตอบว่า “เออ” คือมันเป็นคำที่น่ารักเลยเอามาใช้เป็นชื่อรีสอร์ท จริงๆ รีสอร์ทนี้เริ่มมาจากการที่คุณพ่อเคยทำงานโรงแรมมาก่อน หลังจากนั้นก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน โดยเริ่มทำที่ร้อยเอ็ด แต่พื้นเพของคุณพ่อเป็นคนพิจิตร เวลากลับบ้านระหว่างร้อยเอ็ดกับพิจิตรก็จะต้องใช้เส้นทาง route 12 เมื่อก่อนจะเป็นถนน 2 เลน มีกรมอุตุรึอะไรไม่แน่ใจเป็นที่ตั้งอยู่ตรงนี้ แล้วเขาประกาศขายคุณพ่อก็เลยซื้อไว้แล้วทำเป็นรีสอร์ทเลย” ธนิฏฐา กองสอน หรือ เน็ท ผู้บริหารวัยใสของมาเดอ-เออ ภูธารา เล่าให้ฟัง
เน็ท บอกว่า ครั้งแรกตั้งใจทำเป็นที่พักอย่างเดียว แต่พอเปิดให้บริการจริงๆ กลับมานักท่องเที่ยวสนใจแวะมาจำนวนมาก จึงเริ่มทำร้านอาหารแบบจริงจัง พ่วงด้วยร้านกาแฟรสดี ทำให้มาเดอ-เออ มีชื่อเรื่องอาหารการกินด้วย
สำหรับห้องพักเน้นออกแบบในสไตล์ลอฟท์ (Loft Style) คือเน้นงานสถาปัตยกรรมที่โชว์โครงสร้าง มีการจัดวางรูปทรงแบบอิสระ ที่สำคัญการให้สีสันจะเน้นความเป็นธรรมชาติ มีความดิบในเนื้อผิววัสดุ เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายจึงเน้นออกมาในรูปแบบปูนเปลือยเป็นส่วนใหญ่
เพราะเป็นรีสอร์ทขนาดน่ารัก ห้องพักในมาเดอ-เออ จึงมีเพียง 8 ห้อง แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ ห้องสแตนดาร์ด 4 ห้อง และห้องซูพีเรีย 4 ห้อง แต่ละห้องจะแตกต่างกันที่การตกแต่งภายใน ทว่า ความใกล้ชิดธรรมชาติมีอย่างเท่าเทียมกัน
“จุดเด่นของมาเดอ-เออ อยู่ที่บรรยากาศ คือเราจะอยู่ติดลำน้ำเข็ก ไม่ว่าจะเป็นระเบียงกินข้าว หรือห้องพัก แค่รูดม่านในห้องออกมา หรือนั่งกินอาหารอยู่ก็สามารถเห็นบรรยากาศได้เลย เพราะตอนสร้างเราต้องการให้เห็นบรรยากาศทั้งหมด ต้นไม้ใหญ่ที่นี่ทุกต้นไม่ได้ตัดเลย อย่างต้นหางนกยูงเราก็เอาไว้อย่างนี้ เราสร้างโครงสร้างให้มันอยู่ร่วมกันได้กับต้นไม้ที่มีอยู่
อีกเรื่องที่ลูกค้าชอบคือการบริการ นี่เป็นความตั้งใจของเราเลยว่าจะปลุกปั้นให้ดีที่สุด คือเราพยายามใช้คนพื้นที่ให้มากที่สุด ช่วยคนในพื้นที่ให้มีงานทำ หนึ่งคือลดปัญหาเรื่องบ้านไกล สองช่วยเด็กๆ ที่ไม่ได้เรียนต่อให้มีงานทำ”
เพราะใส่ใจในธรรมชาติแวดล้อม ทำให้เนื้อที่กว่า 2 ไร่ของมาเดอ-เออ เขียวครึ้มไปด้วยต้นไม้ และเย็นฉ่ำเพราะอยู่ใกล้ลำน้ำ
“เราเน้นขายธรรมชาติและขับรถเที่ยวตามเส้นทาง route 12 ก็จะมีแนะนำว่าไปไหนได้บ้าง ส่วนกิจกรรมของทางรีสอร์ท เรามีเรือให้ลูกค้าพายเล่นได้ มีเสื้อชูชีพให้ มารับเสื้อชูชีพแล้วไปพายได้เลย เป็นเรือพายธรรมดา พายไปพายกลับ ตรงนี้น้ำนิ่ง ไม่ใช่น้ำไหล พายได้ มีชาวบ้านมาหาปลา พายเรือเลยขึ้นไปหน่อยจะมีแก่งเล็กๆ เป็นคล้ายๆ น้ำตก คือก่อนที่เราจะกล้าเอาเรือลงเราสำรวจก่อนว่ามันไปได้มั้ย อันตรายมั้ย ซึ่งมันก็ไปได้จริงๆ
ถ้ามาในฤดูล่องแก่งเราก็จะมีแพ็คเกจล่องแก่งด้วย สำหรับห้องสแตนดาร์ดราคา 1,690 บาทต่อคน ส่วนห้องซูพีเรียราคา 1,950 บาทต่อคน อันนี้คือรวมที่พัก อาหาร 3 มื้อ อาหารว่าง 1 มื้อ และกิจกรรมล่องแก่ง แต่ถ้าไม่อยากล่องแก่งก็สามารถเที่ยวตามเส้นทาง route 12 ได้ เพราะมาเดอ-เออ อยู่กึ่งกลางระหว่างเขาค้อและเมืองพิษณุโลก ไปเขาค้อใช้เวลา 30 นาที จะเข้าเมืองพิษณุโลกก็ใช้เวลาเท่ากัน”
ในส่วนของการจัดงานเลี้ยง หรือประชุมสัมมนา ที่มาเดอ-เออ ก็สามารถจัดให้ได้ เพราะมีห้องประชุมที่จุคนได้ราว 60 คน หรือจะจัดปาร์ตี้ในสวน จัดงานฉลองแต่งงาน ก็สามารถรองรับได้มากถึง 400 คนเลยทีเดียว
หากใครผ่านมาเส้น route 12 ระหว่างหล่มสัก-พิษณุโลก แล้วอยากพักผ่อนสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่แวดล้อม มาเดอ-เออ ภูธารา เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย




