ขี่จักรยานเข้าปั๊ม มันส์ปรอทแตก

บนโลกของจักรยานยังมีความท้าทายรอให้นักปั่นได้ไปพิสูจน์อยู่เสมอ
แค่ประเภทของจักรยานที่แตกต่างกันก็นับเป็นประสบการณ์ใหม่เมื่อได้ลอง จักรยานเสือภูเขา (MTB) พาลุยไปได้ทุกที่ ทั้งป่า เขา น้ำตก ทางทุรกันดาร หรือแม้แต่กระโดดขึ้นฟุตบาทในเมืองใหญ่ แต่ความเร็วและแรงดุจนักแข่งก็คงต้องยกให้จักรยานเสือหมอบ (Road bike) ด้วยความเบา ท่าทางขณะขี่ และขนาดหน้ายางที่สัมผัสถนน ช่วยขับเร่งให้คุณไปได้ไกลและไวสุดๆ
นั่นเป็นแค่ประสบการณ์การขับขี่จักรยานที่นักปั่นส่วนมากจะได้สัมผัส แต่สำหรับความมันส์ที่มีความเฉพาะตัว เป็นจักรยานเฉพาะกลุ่ม อย่างจักรยานผาดโผน หรือ BMX คงมีไม่มากนักที่เคยลอง
ผมก็เช่นกันที่เคยขี่จักรยานมาทุกประเภท แต่ยังไม่เคยขี่ BMX จริงๆ จังๆ สักที ด้วยเหตุผลแบบขี้ขลาดว่ากลัวล้ม และอีกเหตุผลที่ดูดีกว่าคือไม่มีโอกาสได้ขี่
จนกระทั่งข่าวคราวจากชายแดนไทย-กัมพูชา เล็ดลอดออกมาผ่านสื่อออนไลน์หลายแห่งว่าบนพื้นที่ใกล้พรมแดนประเทศเพื่อนบ้าน กำลังมีโรงแรมที่เคยอยู่ในฝันของนักปั่นมาตลอด คือ โรงแรมสำหรับจักรยาน และที่เจ๋งไปกว่านั้น บนพื้นที่เดียวกันนี้มีสนามจักรยานสุดมันส์อยู่ด้วย
The Velo's Hotel & BMX Pump Track (โรงแรมเดอะเวโล แอนด์ ปั๊ม แทรค) ตั้งอยู่ที่ ถนนธนะวิถี อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งนับเป็นความแปลกใหม่เหลือเกินเพราะเดิมทีเมื่อพูดถึงอรัญประเทศ สิ่งที่หลายคนนึกถึงจะมีไม่กี่อย่าง คือ ตลาดโรงเกลือ, ชายแดนไทย-กัมพูชา, การข้ามแดนไปเล่นพนันที่คาสิโน หรือแม้แต่ความร้อนและแล้ง
การเกิดขึ้นของโรงแรมคาแรกเตอร์ชัดๆ แบบนี้ ถือเป็นการพลิกภาพจำของอรัญประเทศ เพราะแค่รู้ตัวว่ากำลังเดินทางไปที่โรงแรมนี้ แม้ไม่ได้ขี่จักรยานไปแต่ตลอดเวลาที่นั่งรถก็ตื่นเต้นมาก และดีกรีความตื่นเต้นก็พุ่งปรี๊ดอีกครั้งเมื่อมองเห็นสนามจักรยานเป็นลอนคลื่นตั้งตระหง่านอยู่กลางโรงแรม
อนุรักษ์ เทียนทอง กรรมการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว คือเจ้าของโรงแรมสำหรับคนรักจักรยานแห่งนี้ เขาเล่าว่า The Velo’s Hotel & BMX Pump Track เกิดขึ้นเพราะเขาก็เป็นนักปั่นจึงเข้าใจนักปั่น โดยเฉพาะจักรยาน BMX และอยากให้มีโรงแรมสำหรับนักปั่นจริงๆ แห่งแรกของประเทศไทย แต่ไม่ใช่ว่าแค่ทำโรงแรมธีมจักรยานแล้วจะจบ เพราะเขามองไปถึงการใช้สอยพื้นที่ให้ถูกใจชาวสองล้อ ทุกอย่างจึงเชื่อมโยงกันกับจักรยาน ตั้งแต่ห้องพักที่มองเห็นสนามจักรยาน ห้องพักบางแบบเปิดประตูเข็นจักรยานออกจากห้องปุ๊บก็ลงสนามซ้อมได้ทันที
ไม่แน่ใจว่าคนที่ไม่สนใจจักรยานจะอินกับที่นี่ไหม แต่สำหรับคนจักรยานอยู่ในเม็ดเลือดอย่างผม แค่ที่ล็อบบี้ก็ทำให้ร้อง “ว้าว” ได้แล้ว ตั้งแต่เก้าอี้ดีไซน์เก๋มีจานและโซ่จักรยานเป็นส่วนประกอบ จักรยานที่แขวนอยู่บนผนัง ไปจนถึงลายกราฟฟิกเกี่ยวกับจักรยานบนกำแพงทำให้ต้องถ่ายรูปรัวๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เท่านั้นไม่พอตั้งแต่ทางเดินไปยังห้องพักแบบ Deluxe Pool Access ออกแบบให้ได้อารมณ์นักแข่ง ที่หน้าห้องแต่ละห้องคือ Pit Stop (จุดพักรถ) ป้ายเลขห้องคือโซ่จักรยานขดเป็นตัวเลขบนแผ่นเหล็กดิบๆ เท่ๆ แน่นอนว่าเข้าไปในห้อง การตกแต่งคือจักรยานและจักรยาน
ห้องแบบนี้ด้านหลังจะเป็นสระว่ายน้ำรวมผ่านทุกห้อง หากร้อนๆ จากการเดินทางหรือจากขี่จักรยาน เพียงแค่เปิดประตูหลังห้องก็กระโดดลงน้ำเย็นฉ่ำได้เลย
ส่วนห้องอีกแบบที่ทำมาเพื่อนักปั่นสายจริงจัง ที่ต้องการซ้อมหรือแม้แต่มาแข่ง (ที่นี่มีจัดแข่งจักรยาน BMX ด้วย) คือห้องแบบ Bike Type ที่ตกแต่งแบบดิบ ดุ เหมาะกับสายเอ็กซ์ตรีมเป็นที่สุด ห้องแบบนี้จะอยู่ติดกับสนามจักรยาน เปิดประตูปุ๊บเข้าสนามได้ปั๊บ ในห้องมีที่แขวนจักรยานเก๋ๆ ด้วย
มาถึงพระเอกของที่นี่กันบ้าง คือสนามจักรยานที่เรียกกันว่า Pump Track (ปั๊ม แทรค) หลายคนสงสัยว่ามันคืออะไร เพราะปกติภาพที่คนทั่วไปเห็นในข่าวกีฬาบ้าง ถ่ายทอดการแข่งจักรยาน BMX (ประเภท Racing) บ้าง สนามแข่งจักรยานประเภทนี้มักจะเป็นทางซูเปอร์ครอส ส่วนมากเป็นทางดิน มีเนินใหญ่ๆ มีลูกระนาด มีเนินกระโดดใหญ่ๆ คล้ายสนามมอเตอร์ไซค์วิบาก ซึ่งอันที่จริงสนาม Pump Track คือต้นตระกูลของสนามเหล่านั้น เพราะนี่คือพื้นฐานของนักปั่นขาลุย
จักรกฤษณ์ ทองอ่อน หรือ อาจารย์แดง อดีตโค้ชจักรยาน BMX ทีมชาติไทยให้ข้อมูลว่า
“ตอนนี้ Pump Track กำลังเป็นกระแสดังที่สุดเลยทั่วโลก เพราะ Pump Track เป็นพื้นฐานของกีฬาจักรยานทุกประเภทก็ว่าได้ จริงๆ ไม่ใช่ว่า BMX หรือ เสือภูเขาเท่านั้นที่ปั๊มได้ เสือหมอบก็ปั๊มได้แค่ลดอานลง จะได้พละกำลัง ได้การทรงตัว ได้ความอ่อนตัว ได้การคำนวณ ได้ฝึกแรง ได้หมดเลย ทุกวันผมมาปั๊ม และอีกอาทิตย์หนึ่งผมไปแข่ง 70-80 กิโลเมตร ผมก็ขี่กับเขาได้ โดยที่ผมไม่ได้ไปฝึก Endurance (ความอดทน) ไม่ได้ไปฝึกบนถนนมากมาย แค่ไปขี่ก่อนแข่งให้ชินกับรถแค่นั้น เราก็ได้ขึ้นโพเดียมบ่อยๆ สำหรับเด็กๆ ที่มาซ้อมปั๊มที่นี่จะได้ประโยชน์มาก การควบคุมรถดีมาก เวลาเข้าโค้ง การกด การกระโดด ได้หมดเลย”
สำหรับที่นี่เป็นสนามแบบ Pump Track มาตรฐานระดับโลกเพียงแห่งเดียวในเอเชีย มีความยาวทั้งสิ้น 400 เมตร มี 90 เนิน...อย่าเพิ่งคิดว่าระยะทางสั้นเหลือเกิน เพราะในการปั่นแบบปั๊มนี้ ลายสนามที่ตัดกันไปมาคล้ายใยแมงมุมหกเหลี่ยม (บางทีอาจมองว่าคล้ายล้อจักรยาน) บวกกับเนินเล็กๆ ต่อเนื่องตลอดเส้นทาง ก็ขี่เลี้ยวไปเลี้ยวมาได้ไม่ซ้ำลายเดิมอย่างน่าประหลาดใจ อาจารย์แดงยังบอกเลยว่าแค่ให้วนไปวนมาในนี้ก็ไม่มีสิ้นสุดแล้วนอกเสียจากคนขี่จะหมดแรง
สนามแบบนี้ค่อนข้างอันตรายจึงต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกกันน็อค ถุงมือแบบเต็มนิ้ว รองเท้าผ้าใบ หากมีสนับต่างๆ ก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่วนเทคนิคการขี่ก็สมชื่อสนามว่า Pump Track คือต้องปั๊ม ปั๊ม และปั๊ม
ปั๊ม คือ การกดแฮนด์ลงเมื่อลงเนิน เนินถี่และต่อเนื่อง การกดแฮนด์ก็ต้องสลับกับปล่อยให้เด้งขึ้น คล้ายการปั๊มที่สูบลมยาง เพียงแต่ต้องไม่เกร็ง กดให้แรง (เพื่อเพิ่มความเร็วตอนไหลลง) และปล่อยแขนตามจังหวะที่รถสวนขึ้นมา โดยต้องยืนทิ้งน้ำหนักไปที่ด้านหน้า (เพื่อเพิ่มความตอนไหลลงและรักษาสมดุลขณะรถเชิดหน้าขึ้นเนิน)
ในทีแรกเสียงดังจากข้างสนามตะโกนเข้าหูผมว่า “อย่าเกร็งแขน ปล่อยตามสบาย” ใช่แล้วครับ ครั้งแรกของใครๆ ก็ย่อมเกร็งเป็นธรรมดา แต่พอลองปั๊มๆ ผ่านไปทีละเนิน จนครบรอบสนาม กลับรู้สึกว่าต้องลองอีก ลองอีก ซ้ำอีกหลายๆ รอบ บอกความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ ว่าอะไรมากกว่ากันระหว่าง ‘มันส์’ กับ ‘กลัว’ ทว่าเมื่อเลือกที่จะลงในปั๊มในสนามนี้แล้ว เนินต่อเนื่องแบบนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะหยุดกะทันหัน
แค่ลองประคองความกลัวให้อยู่นิ่งๆ ในใจ แล้วกดแขนปั๊มเนินไปเรื่อยๆ รับรองว่าแม้จะแขนขาสั่นแต่มันส์พะยะค่ะ







