มูลนิธิศุภนิมิตรฯ ชี้แจงเงินอุปถัมภ์-ภาพในห้องตัดต่อ

ปมร้อนโซเชียลฯ ผอ.มูลนิธิศุภนิมิตรฯ ชี้แจงเงินอุปถัมภ์-ภาพในห้องตัดต่อ
จากกรณีที่มีการแชร์โพสต์ในเฟซบุ๊คอย่างแพร่หลาย ในเรื่องของเงินบริจาคของมูลนิธิศุภนิมิตร ว่าเงินที่บริจาคให้กับเด็ก ทางมูลนิธิฯไม่ได้นำเงินมอบให้กับเด็กที่ถูกอุปถัมภ์โดยตรง ซึ่ง เฟซบุ๊คชื่อ KANPAPAK VEEVER LUEKSUENSUKKOOM ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการอุปถัมภ์เด็กผ่านทางมูลนิธศุภนิมิตรฯว่าได้บริจาคเงินจำนวน 600 บาท ทุกเดือนเป็นเวลามานานกว่า 4 ปี 9 เดือน แต่เมื่อได้พบน้องที่อุปถัมภ์กลับกลายว่า เด็กไม่ได้รับเงินช่วย แต่มูลนิธิฯนำเงินไปพัฒนาชุมชนแทน
รวมถึงยังมีการแชร์จากโพสต์ในเฟซบุ๊ค ชื่อ Benjaporn ที่โพสต์ว่าเข้าใจมาตลอดว่า 7,200 ต่อปี จะได้เป็นค่าเทอมเด็ก ไม่ใช่ค่าสมุดปากกา ไม่เป็นไรศึกษาข้อมูลไม่ดีเอง คำถามต่อไปว่าแล้วที่เอาไปพัฒนาชุมชนช่วยยกตัวอย่างให้ฟัง จนท.ก็ยกตัวอย่างเด็กบ้านไหนยากยากจนก็จะส่งเสริมให้เลี้ยงปลาดุกหรือทำโรงเห็ดเพาพขาย และมีการส่งครูไปอบรมความรู้ ไหนค่ะแผนพัฒนาชุมชนส่งมาค่ะ พี่อยากเห็น จนท.เงียบ
จากประเด็นการแชร์ข้อความมากมายหลายคน จึงได้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งของเงินบริจาคของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย
นางจิตรา ธรรมบริสุทธิ์ ผอ.มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าจากกรณีที่มีการแชร์ข้อความในโซเชียลมีเดียกรณีเงินบริจาคไม่ไปถึงเด็กที่ได้รับการอุปถัมภ์ ทางมูลนิธิฯไม่ได้มีนโยบายที่จะนำเงินบริจาคจำนวน 600 บาทมอบให้กับเด็กโดยตรง ซึ่งจะมีในข้อมูลเอกสารที่ทางมูลนิธิได้ชี้แจงในเอกสารที่จะสมัคร โดยการดำเนินการของมูลนิธิจะนำเงินที่ได้รับการบริจาคมารวมกันเพื่อนำไปพัฒนาชีวิต เด็ก ครอบครัว และชุมชนเพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งที่มุ่งเน้นให้กับเด็กคือการศึกษา
“คนที่อุปการะเด็กในโครงการจะนำเงินให้มูลนิธิฯเป็นเงินเดือนล่ะ 600 บาท ไม่กำหนดระยะเวลาในการบริจาคจนกว่าที่ผู้อุปการะจะยกเลิกการอุปถัมภ์ สิ่งที่เด็กจะได้รับ อย่างแรกคือเรื่องของการศึกษา จะมีจนท.ไปพัฒนาโครงการในโรงเรียน และชุมชน นอกจากนี้เด็กจะได้รับประทานอาหารกลางวันฟรีทุกวัน ไม่เพียงแต่เด็กที่ได้รับการอุปถัมภ์แต่จะเป็นเด็กทุกคนในโรงเรียนที่เราสนับสนุนค่าใช้จ่ายจะได้ทานมื้อกลางวันด้วยเช่นกัน เงินของผู้อุปการะจะถูกนำมารวมเพื่อกิจกรรมของเด็กๆ ทางมูลนิธิยังได้มีการจัดซื้อชุดนร. อุปกรณ์การเรียน ให้กับเด็กที่มีผู้อุปการะ รวมถึงครอบครัวของเด็กจะได้รับผลประโยชน์เช่นกัน จะมีการส่งเสริมให้ปลูกผัก เลี้ยงปลา เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว สำหรับผู้ปกครองที่ไม่มีพื้นที่ เราได้จัดกลุ่มนำงบเข้ามาช่วยส่งเสริมเรื่องการสร้างอาชีพอย่างการเย็บผ้าเป็นต้น ให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งการดำเนินการต่างๆเป็นการนำเงิน 600 บาทที่ผู้อุปการะได้ส่งให้เป็นประจำทุกเดือนมาพัฒนาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด”นางจิตรา กล่าว
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยได้มีเด็กในโครงการอุปถัมภ์จำนวน 93,000 คน 44 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีโครงการพัฒนาทั้งหมด 80 โครงการ ซึ่งมีคนไทยเข้ามาอุปการะเด็กทั้งหมด 70,000 คน เป็นชาวต่างชาติ 23,000 คน ในทุกๆปีโครงการของทางมูลนิธฯจะมีการรายงานผลของเด็กให้กับผู้อุปการะในเรื่องของผลการเรียน รูปถ่าย หรือ จม.ที่เด็กเขียนถึงผู้อุปการะ
“ที่ผ่านมามูลนิธิฯยังไม่มีการส่งรายงานในการพัฒนาชุมชนแก่ผู้อุปการะซึ่งหลังจากนี้มูลนิธิฯจะนำเรื่องนี้รายงานเพิ่มเติมคู่กับรายงานผลของเด็กจะได้ไม่เกิดการเข้าใจผิดแบบที่เกิดขึ้นในโซเชียวมีเดีย ที่ผ่านมาที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเด็กที่ได้ถูกอุปถัมภ์ทำไม่มีลายมือในจม.ต่างกัน มีจนท.ของทางมูลนิธิฯเขียนให้หรือไม่ เรื่องนี้เด็กจะเป็นผู้เขียนเองโดยจะส่งให้ผู้อุปการะปีล่ะครั้ง ซึ่งบางครั้งผู้เขียนอาจจะเป็นผู้ปกครอง หรือ ครูเป็นผู้เขียนให้แต่ก็จะมีลายเซ็น กำกับในกรณีที่เป็นเด็กเล็กเท่านั้น หลังจากที่มีการโพสการแชร์ในโซเชียวมีเดียส่งผลให้ผู้อุปการะถอนตัวออกจากโครงการกว่า 200 คน” ผอ.มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าว
ผลสำเร็จจากการดำเนินการโครงการด้านการศึกษาทางมูลนิธิมีโครงการส่งน้องจบป.ตรีที่เด็กๆหลายไม่มีโอกาศได้เรียนต่อ ทางมูลนิธิจะมอบเงินทุนการศึกษาต่อปี เป็นเงินจำนวน 3 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาความอยู่ดีมีสุขของเด็ก ครอบครัว และ ชุมชน ในจังหวัดราชบุรี จังหวัดลำปาง และแม่ฮ่องสอน และมีโครงการพัฒนาชุมชนอีก 44 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเคยมีนักแสดงชื่อดังเป็นเด็กในความอุปการะของมูลนิธิฯตั้งแต่ชั้น ป.4 จนถึง ม.6 จนสามารถศึกษาชั้นป.ตรีและเข้าสู่วงการบันเทิง
ผลสำเร็จจากการดำเนินการโครงการด้านการศึกษาทางมูลนิธิมีโครงการส่งน้องจบป.ตรีที่เด็กๆหลายไม่มีโอกาศได้เรียนต่อ ทางมูลนิธิจะมอบเงินทุนการศึกษาต่อปี เป็นเงินจำนวน 3 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาความอยู่ดีมีสุขของเด็ก ครอบครัว และ ชุมชน ในจังหวัดราชบุรี จังหวัดลำปาง และแม่ห้องสอน และมีโครงการพัฒนาชุมชนอีก 44 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเคยมีนักแสดงชื่อดังเป็นเด็กในความอุปการะของมูลนิธิฯตั้งแต่ชั้น ป.4 จนถึง ม.6 จนสามารถศึกษาชั้นป.ตรีและเข้าสู่วงการบันเทิง
ประวัติความเป็นมาของมูลนิธิฯเริ่มจากปี ค.ศ.1950 ดร.บ๊อบ เพี๊ยส ผู้นำคริสตชนและนักข่าวชาวอเมริกัน ได้เดินทางเข้าไปในประเทศเกาหลีและพบเห็นความทุกข์ยากของประชาชน หญิงม่าย และเด็กกำพร้าจำนวนมาก อันเป็นผลมากจากภัยสงครามภายในประเทศขณะนั้น จึงระดมทรัพย์สิ่งของจากสมาชิกคริสตจักรต่างๆ ไปบรรเทาทุกข์ให้แก่คนเหล่านั้น และได้ก่อตั้ง‘ศุภนิมิตสากล’ (World Vision International Organization) ขยายเครือข่ายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ปัจจุบัน มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็น 1 ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกที่เป็นองค์กรร่วมพันธกิจกับองค์กรศุภนิมิตสากล ในการนำความช่วยเหลือไปสู่เด็กและผู้ยากไร้ของโลก กระทั่งปีค.ศ.1972
ศุภนิมิตสากล ได้เข้ามาดำเนินการในประเทศไทยด้วยการอุปการะเด็กกำพร้าที่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นได้เปิดหน่วยอุปการะเด็กยากไร้ขึ้นเป็นหน่วยแรกที่โรงเรียนอรุณประดิษฐ์ จังหวัดเพชรบุรี และขยายงานไปตามจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือและอีสาน







