มหกรรม ‘ผ้าห่ม’ ถล่มเมือง

มหกรรม ‘ผ้าห่ม’ ถล่มเมือง

ว่ากันว่า “ผ้าห่มยิ่งแจก ยิ่งหาย” ไม่ใช่หายหนาว แต่หายไปไหนไม่รู้!?

แม้ตอนนี้เหล่าแฟชันนิสต้าจะบ่นเสียดายลมหนาวสุดขั้วที่เพิ่งโบกมือลาไป ทำให้อดประชันวินเทอร์คอลเลคชั่นชนิดจัดเต็ม แต่สำหรับเพื่อนไทยในอีกหลายจังหวัด ยังคงต้องทนอยู่กับภัยหนาวต่อไปอีกระยะหนึ่ง ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าจะได้เห็นหรือได้ยินข่าวคราวการแจกผ้าห่มไปอีกระยะเช่นเดียวกัน

และในทุกครั้งที่ลมหนาวพัดผ่าน คำถามที่มาพร้อมกันนั่นคือ.. บริจาคผ้าห่มอีกแล้วหรือ???

ไม่ว่าเพราะแจกซ้ำซ้อน พร่ำเพรื่อ ไม่ได้สำรวจพื้นที่ หรือกระทั่งวัสดุคุณภาพไม่ดี สลายไปกับไอร้อน! แต่เมื่อ “ผ้าห่มหายไปไหน?” ยังคงถูกถามอยู่เสมอ คำตอบจึงยังเป็นที่ต้องการ และหนึ่งในคำตอบนั้นเกิดขึ้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์

 

ซุกไว้ใต้ ผ้าห่ม

กรณีการร้องเรียนของชาวบ้าน จ.กาฬสินธุ์ หลังได้รับแจกผ้าห่มกันหนาวจาก อบจ.กาฬสินธุ์แต่ต้องพบปัญหา ผ้าห่มไร้คุณภาพ ผืนบาง และราคาสูงกว่าความเป็นจริง เมื่อต้นปี 2558

ด้วยยอดการสั่งซื้อมากถึง 100,000 ผืน ราคาผืนละ 200 บาท คูณแล้วก็เท่ากับ 20 ล้านบาทเหนาะๆ สำหรับการส่งอาวุธสู้ภัยหนาวให้ชาวบ้าน ทำให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จ.กาฬสินธุ์ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเขต 7 ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมทำการเปรียบเทียบราคา และพบว่า ผ้าห่มสเปคเดียวกัน ส่วนใหญ่ตามท้องตลาดขายเพียงผืนละ 140 บาทเท่านั้น

เขาเขียนมาว่าผืนละ 200 บาท แต่เราไปเดินซื้อในตลาด ไม่ต้องต่อเลยนะ ราคาแค่ 140 บาท เท่านั้น ยังไม่รวมว่า ถ้าซื้อมากๆ จะได้ลดราคาอีกเท่าไหร่ พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เอ่ย

และขยี้ประเด็นให้เห็นว่า "ที่ผ่านมาเป็นการจัดซื้อ (ผ้าห่ม) โดยไม่มีข้อมูลรองรับว่า มีคนต้องการกี่ครัวเรือน” ก่อนจะอธิบายถึงกรณีการตรวจทุจริตการแจกผ้าห่มภัยหนาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ในปีงบประมาณ 2558 ว่า มีการจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวในราคาแพงกว่าราคาตามท้องตลาดจํานวน 83 หน่วย จากทั้งหมด 101 หน่วย เป็นเงิน 10.61 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งงบที่แพงว่า คุณภาพของผ้าห่มจริงๆ

ขณะที่ “ภัยหนาว” ไม่เหมือนกับภัยอื่นๆ ที่ต้องช่วยเหลือทุกครัวเรือน เพราะบางครัวเรือนก็มีฐานะดีอยู่แล้ว สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่กลับได้รับแจกผ้าห่มทุกปี

ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี คิดแต่จะ แจกอย่างเดียว

“การที่เขาสั่งซื้อมาเป็นแสนผืน ก็บอกได้อยู่แล้วว่า เขาไม่ได้มีการสำรวจก่อนเลย” ผู้ว่าฯ สตง. เอ่ย และตอกตะปูย้ำอีกด้วยว่า ถึงจะพบปัญหาที่กาฬสินธุ์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า จังหวัดอื่นใสสะอาด โดยเชื่อว่า จังหวัดอื่นๆ ก็คงมีการตั้งงบฯ ซื้อผ้าห่มแบบที่หน่วยงานราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ทำ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขยายผลการตรวจสอบว่า จะมีการโกงมากน้อยแค่ไหน

และไม่ลืมเล่าตบท้ายถึงกรณีที่ไปเจอที่กาฬสินธุ์ว่า.. “เราไปตรวจเจอ บางบ้านมีกองอยู่เป็น 20 ผืน บางบ้านยังไม่ได้แกะพลาสติกของผ้าปีที่แล้วออกเลย บางที่ก็ยัดเยียดให้กันไปกลายเป็นของกำนัลจากคนคนนี้”

เจอแบบนี้ ใครเห็นเป็นต้องมีอึ้ง!

 

อลหม่าน งานแจกผ้าห่ม

“ปีนี้ผมยังไม่เห็น แต่ปีที่ผ่านๆมา ใช้ไม่ได้ เป็นผ้ามาคลุมใยอะไรไม่รู้ ใช้สักพัก ก็รวมกันเป็นก้อนๆ” ชัยธวัช จอมติ แกนนำชาวปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาด จ.เชียงราย เอ่ย

แม้หมู่บ้านเขาจะอยู่บนที่สูง ไกลจากตัวอำเภอที่หาซื้อสิ่งของกันหนาวได้สะดวกสบาย แต่ชาวบ้านก็ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง เขาจึงแสดงความกังวลต่อพื้นที่ที่ห่างไกลออกไปที่ขาดแคลนกว่ามาก

สำหรับชัยธวัช เขาเห็นว่า การ “แจกผ้าห่ม” เพื่อให้เข้าถึงผู้ที่ขาดแคลนจริงๆ ต้องมีการสำรวจครอบครัวที่ยากจน และต้องรวมไปถึงจำนวนคน และวัย ที่อาจมีความจำเป็นไม่เท่ากัน ต้องแจกให้ถึงที่ ไม่ใช่การฝากให้กัน และที่สำคัญ ผ้าห่มต้องกันหนาวได้

อย่างพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่อยู่ในประกาศเขตพื้นที่ภัยหนาวทุกปี ก็ยังเกิดปัญหาเรื่องความไม่ทั่วถึง ทั้งๆ ที่มีการแจกพร่ำเพรื่อมาตลอด

“ปีนี้ที่เขาประกาศแผนภัยพิบัติ ถ้าไม่ถึง 8 องศา (เซลเซียส) หน่วยงานห้ามซื้อแจก เมื่อก่อนมันไม่มีไง พอถึงหน้าหนาวเขาก็ตั้งงบประมาณกันไป ส่วนใหญ่ก็มีทุกที่ อยู่ที่ว่าจะให้หมู่บ้านละเท่าไหร่ 100 ผืน อะไรก็ว่าไป เฉลี่ยไปอย่างนี้ เขาไม่ได้ดูในเรื่องของความจำเป็น ผมว่า อาจจะมีส่วนเกี่ยวในเรื่องของฐานคะแนนเสียง ถ้าไม่ให้ ก็จะหาว่า อย่างนั้นอย่างนี้ ก็เลยแจกๆ ไป โดยไม่ได้ดูความจำเป็นหรอก” พงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ที่ปรึกษางานเครือข่ายการจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำสาละวิน ผู้อาศัยและทำงานในแถบจังหวัดแม่ฮ่องสอนเล่า

เมื่อเจอบ่อยเข้า ก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามถึง “วัฒนธรรม” ประจำหน้าหนาวที่หลายหน่วยงานชอบแจกผ้าห่มแบบ “เอาสะดวกเข้าว่า หาคนรับให้ได้” ว่า.. หรือที่แท้ก็แค่หวัง “ประโยชน์” โดยมีผู้ประสบภัยเป็นฉากหน้า

“รัฐเขาก็ตั้งงบประมาณ ทั้งปกครองเอง ทั้งอำเภอ อบต. หน่วยงานนู้น หน่วยงานนี้ ก็จะตั้งงบฯ เกี่ยวกับภัยหนาวไว้ แล้วก็ทำกันทุกปี แต่เรากลับไม่รู้ว่าเขาแจกกันยังไง แจกหรือไม่ หรือว่า ทำตามแค่แผนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มันก็อาจจะมีจริง แต่เมื่อไหร่จะมีการตรวจสอบทั้งหมด เพราะบางพื้นที่อาจจะตั้งงบฯ ไป แล้วจัดซื้อแค่ครึ่งนึง มันจะเป็นช่องทางหนึ่งของการทุจริตคอร์รัปชั่นไปหรือเปล่า” เขาตั้งคำถาม

ทั้งนี้ เกณฑ์ ‘8 องศา ตามที่พงษ์พิพัฒน์ เอ่ยมาข้างต้นนั้น เป็นผลจากการเข้าตรวจสอบโดย สตง. ในเคสที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และมีข้อเสนอแนะขอให้กระทรวงการคลังทบทวนความหมายของคำว่า “อากาศหนาวจัดผิดปกติ” ซึ่งเดิมทีกำหนดไว้ที่ อุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส เป็นเวลาติดต่อกันเกิน 3 วันจึงจะเข้าข่ายของ “ภัยพิบัติ” ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการจัดซื้อผ้าห่มเกินความจำเป็นได้

กระทรวงการคลังจึงประกาศแก้ไขหลักเกณฑ์ “การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน” ซึ่งผูกพันกับการตีความคำว่า “ภัยพิบัติ” ให้เป็น กรณีอากาศหนาวจัดผิดปกติมีอุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส และมีช่วงเวลาอากาศหนาวยาวนานติดต่อกันเกิน 3 วัน

เลยกลายเป็นว่า หนาวจัดรอบที่เพิ่งผ่านมานี้ ต้องมีจังหวัดตกเกณฑ์จำนวนไม่น้อย เพราะความหนาวไม่เข้าขั้น แต่ถ้าถามว่า เดือดร้อนไหม ไม่ต้องถามใคร เพราะถ้าการบรรเทาภัยนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจริง ก็คงไม่ต้องมีข่าวผู้เสียชีวิตในทุกๆ การมาเยือนของลมหนาว

 

หนทาง สู้ภัยหนาว

ในความเห็นของ พงษ์พิพัฒน์ เขามองว่า ถ้าจะแก้ปัญหาให้ตรงจุด “หน่วยงานในพื้นที่” ต้องเตรียมพร้อมให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องการสำรวจข้อมูล สภาพความเป็นอยู่จริงๆ ของชาวบ้าน ไม่ใช่ปล่อยให้ชาวบ้านได้รับผ้าห่มไปหนึ่งผืนแล้วแบ่งกันห่มห้าคน หรืออีกบ้านหนึ่งได้รับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะรู้จักกันกับคนให้ แถมได้มาก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร

จากที่พงษ์พิพัฒน์เห็นมา คนที่มักไม่ได้รับการบริจาคมักจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ คนที่ไม่กล้าขอรับบริจาค คนที่อยู่ห่างไกลจริงๆ และคนที่ไม่รู้จัก (แบบสนิทสนม) กับผู้ให้ นั่นหมายความว่า การแจกผ้าห่มต้องแฝงไปด้วยนัยยะอย่างอื่นมากกว่าความต้องการที่จะ “กันหนาว” ให้กับประชาชน

"มันต้องดูจากความจำเป็น ที่จริงไม่จำเป็นต้องดูว่าประกาศภัยแล้วค่อยตั้งงบฯ เบิก ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่าอาจจะต้องดูความจำเป็น ที่จริงมันก็รู้ว่าพื้นที่ไหนจำเป็นไม่จำเป็น อย่างเช่นพวกอบต.ท้องถิ่นเขาก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว เขาก็รู้ว่าพื้นที่ไหนมีความจำเป็น แต่อยู่ที่ว่าเขาจะให้ความสำคัญในตรงนี้หรือเปล่า” พงษ์พิพัฒน์แสดงความเห็น

ขณะที่ในบางหมู่บ้าน ก็ไม่ต้องรอการบริจาคจากที่ไหน เพียงแค่มี “สองมือ” และ “วัตถุดิบ” ในท้องถิ่นก็สามารถผลิตอุปกรณ์กันหนาวได้ไม่ยาก

“ไม่จำเป็นต้องมีคนมาบริจาค เราทำกันเองได้ ขอให้ขยันเป็นพอ” เจียงคำ ใยขามป้อม วัย 56 ชาวบ้านศาลา อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ บอก พร้อมเล่าว่า ที่หมู่บ้านเป็นพื้นที่ปลูกฝ้าย ชาวบ้านตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไปก็จะทอ “ผ้าห่ม” กันได้ทั้งนั้น และไม่ว่าจะฐานะดีหรือจน ก็มีผ้าห่มทอเองไว้สำหรับหน้าหนาวที่มีอุณหภูมิประจำทุกปีอยู่ที่สิบต้นๆ ที่ผ่านมาก็มีผ้าห่มที่บริจาคจากทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน แต่ก็ไม่ได้ผืนใหญ่ชนิดที่ห่มแล้วรับประกันความอุ่น

“เราเอาดอกฝ้ายมาตีให้มันฟูๆ มันดีกว่าผ้าห่มทั่วไปด้วย เพราะอยากได้หนาเท่าไหร่ ก็ตามใจเราเลย เพิ่มได้ทั้งขนาดและความหนา” เจียงคำเล่า

พร้อมยืนยันไม่ต่างจากคนอื่นว่า ที่ผ่านๆ มา อาจมีชาวบ้านที่เสียสละให้บ้านอื่นเพราะบ้านตัวเองพอมีอยู่แล้ว ก็จะช่วยเหลือคนที่ขาดแคลนจริงๆ ได้ส่วนหนึ่ง แต่หากหน่วยงานจะแจกผ้าห่มเพราะความลำบากของชาวบ้าน ก็อยากจะให้มีการสำรวจพื้นที่จริงๆ ก่อนแจกด้วย

เช่นที่ ชัยธวัช จอมติ แกนนำชาวปกาเกอะญอ ร่วมย้ำว่า “ที่ผ่านๆ มา อาจจะจำกัดจำนวนด้วยจึงมีปัญหา ถ้าระดับตำบลก็จะเฉลี่ยตามบ้านใหญ่เล็ก ทั้งที่ในเมืองเขาช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่า แต่กลับได้เยอะกว่า” เขาเปรย ก่อนจะตัดบท ถึงทางแก้ในส่วนของตัวเองว่า

..ชื้อเองสิ ไม่ง้อรัฐหรอก!

 

  หมายเหตุ

ประกาศจากกระทรวงการคลัง แก้ไขหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 ข้อ 5.1.14 จากกรณีอากาศหนาวมีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส และมีช่วงเวลาอากาศหนาวยาวติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้จ่ายค่าจัดซื้อเครื่องกันหนาวสงเคราะห์ราษฎรได้เท่าที่จ่ายจริง คนละไม่เกิน 240 บาท ทั้งนี้จังหวัดหนึ่งไม่เกินงบประมาณปีละ 1,000,000 บาท เป็นกรณีอากาศหนาวจัดผิดปกติมีอุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส และมีช่วงเวลานานติดต่อกันเกิน 3 วัน โดยกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป

#

พื้นที่ประสบภัยหนาว

พ.ศ. 2554 : 40 จังหวัด / 8,723,421 ครัวเรือน / 28,930,295 คน / ช่วยเหลือผ้าห่ม 4,321,528 ผืน

พ.ศ. 2555 : 14 จังหวัด / 1,395,798 / ครัวเรือน 3,441,561 คน / ช่วยเหลือผ้าห่ม 497,211 ผืน

พ.ศ. 2556 :  45 จังหวัด / 8,154,121 / ครัวเรือน 26,542,646 คน / ช่วยเหลือผ้าห่ม 1,271,027 ผืน

ที่มา รายงานสถานการณ์สาธารณภัยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

Tips

ไอเท็มสู้ภัยหนาว

สิทธิพล ชูประจง หัวหน้าโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา แนะวิธีการสำหรับผู้ต้องการบริจาคเครื่องกันหนาวให้กับผู้ขาดแคลนว่า ควรบริจาคครบชุดทั้งผ้าห่มและเสื้อกันหนาวขนาดใหญ่ พร้อมถุงเท้า และถุงมือ เพื่อให้สามารถป้องกันความหนาวได้จริง