“เต่าดำ” นิลกาฬแห่งพงไพร

คล้ายๆ กับการตามหา “ช้างเผือก” ในป่ากว้างอยู่เหมือนกัน สำหรับการเดินทางมาเยือน “น้ำตกเต่าดำ” ที่ตั้งอยู่กลางป่าลึกในจังหวัดกำแพงเพชร
เพราะไม่ใช่แค่รู้จุดหมายแล้วจะไปถึงได้ง่ายๆ แต่ต้องอาศัยทั้ง “เวลา” และ “หัวใจ” เพื่อให้ได้พบในสิ่งที่ต้องการ
ชื่อเสียงของน้ำตกเต่าดำมีทั้งเรื่องความสวยงามของสายน้ำ และความหฤโหดในการเดินทาง เพราะระยะทางแค่ 34 กิโลเมตรจากอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า เราต้องใช้เวลาเดินทางมากถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
น้ำตกเต่าดำ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า จังหวัดกำแพงเพชร จากที่ทำการอุทยานฯ ต้องอาศัยรถกระบะสมรรถนะดี หรือรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ เนื่องจากสภาพเส้นทางเป็นภูเขาที่สูงชัน และคดเคี้ยว ถนนจะเริ่มตั้งแต่ลาดยางสภาพดี ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นถนนดินที่มีคอนกรีตเทเป็นทางยาวในลักษณะที่เรียกว่า “อกแตก” คือเป็นคอนกรีตรองรับแค่ล้อ สองข้างเป็นทางคู่ขนาน ตรงกลางจึงเป็นร่องที่เรียกว่าอกแตก บางช่วงของเส้นทางจะต้องผ่านลำธาร แน่นอนว่า ไม่มีสะพานคอนกรีตดีๆ แต่จะมีแค่แผ่นไม้ 2 แผ่นเท่านั้นที่รองรับรถทั้งคัน การขับขี่จึงต้องใช้ความชำนาญสูง
เส้นทางจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเข้าป่าลึก ผ่านบ้านโละโคะ, บ้านป่าคา และบ้านป่าหมาก ซึ่งเป็นชุมชนของชาวไทยภูเขาเผ่าม้งและปกาเกอะญอ ซึ่งอาศัยมาตั้งแต่ยังไม่มีการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ชาวบ้านกลุ่มนี้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ที่อุทยานฯ อนุญาต ซึ่งพืชผักที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นข้าวโพด มะละกอ พริก ข้าว แต่ที่เห็นมากๆ คือ ฟักแม้ว หรือมะระหวาน หรือซาโยเต้ ซึ่งให้ผลผลิตดี และรายได้ก็ดีมากๆ(เกษตรกรรายหนึ่งบอกว่า รายได้เดือนละแสนเลยทีเดียว)
จริงๆ แล้วแต่ก่อนชาวบ้านจะปลูกพืชเชิงเดี่ยวกันมากทำให้มีการรุกป่าเรื่อยๆ กระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานโครงการพระราชดำริ “สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านป่าคา” ขึ้นเพื่อให้ความรู้ด้านการเกษตรและส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกร ทำให้ชาวบ้านได้รับการพัฒนาทั้งอาชีพและคุณภาพชีวิต จนปัจจุบันมีการปลูกพืชที่หลากหลาย และไม่ต้องทำลายป่าด้วย
ภายในสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านป่าคามีแปลงทดลองปลูกพืชหลายชนิด ทั้งเสาวรส กาแฟ อโวคาโด กะหล่ำ สตรอว์เบอร์รี่ ฟักแม้ว หม่อน ฟักทอง ข้าว ดอกไม้ ฯลฯ นักท่องเที่ยวสามารถแวะไปเที่ยวชมได้ หรือจะค้างคืนที่นี่ก็มีทั้งบ้านพักและจุดกางเต็นท์ให้บริการ ซึ่งที่ตั้งของสถานีฯ จะอยู่บนเส้นทางก่อนถึงน้ำตกเต่าดำประมาณ 3 กิโลเมตร
กระแทกกระทั้นพอสมควรกว่าจะถึงบริเวณจุดจอดรถและจุดกางเต็นท์ที่น้ำตกเต่าดำ ซึ่งปลายทางจริงๆ ต้องใช้วิธีการเดินไปอีกประมาณ 300 เมตร ระยะทางอาจดูธรรมดา แต่ถ้าหากได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้แล้วจะรู้ได้ทันทีว่า ลึกและชันเหลือเกิน
มันน่าจะชันเกินกว่า 60 องศา แต่โชคดีที่ว่า เจ้าหน้าที่เพิ่งพัฒนาทางเดินขึ้น-ลงให้เป็นทางปูน(ประมาณ 625 ขั้น) มีราวบันไดให้จับแบบถนัดมือ เราจึงไม่ต้องลุ้นว่าจะลื่นตกเขาหรือเปล่า แต่ถึงจะเป็นบันไดปูนก็หนักเอาการ เดินลงมาถึงน้ำตกด้านล่างได้ขาก็สั่นพั่บๆ
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน สายน้ำสีขาวที่กำลังกระโจนลงมาจากภูผาตกกระทบก้อนหินสีดำขลับเบื้องหน้า เป็นภาพที่ชวนชื่นฉ่ำดีจริงๆ
สมชาย วิเชียรกัลยารัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า บอกว่า ชื่อ “เต่าดำ” มีที่มาจาก 2 ทาง คือ แต่ก่อนที่นี่มีเต่าดำ หรือเต่าหก ที่มีกระดองสีดำอยู่มาก คนจึงเรียกน้ำตกเต่าดำตามสัตว์ที่พบในบริเวณนั้น ส่วนอีกทางมีที่มาจากก้อนหินบริเวณน้ำตกที่มีสีดำ และมองบางมุมจะคล้ายกับเต่า จึงเรียกชื่อน้ำตกเต่าดำตามสภาพที่เห็น
ตามข้อมูลของอุทยานแห่งชาติระบุว่า น้ำตกเต่าดำมีทั้งหมด 3 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงกว่า 200 เมตร โดยมีไฮไลท์อยู่ในชั้นที่ 2 ซึ่งสามารถมองเห็นม่านน้ำตกที่ทิ้งตัวลงมาด้านล่างได้อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำบริเวณนี้ได้ ไม่เป็นอันตราย แต่ส่วนมากแค่บันทึกภาพก็อิ่มใจแล้ว
สายน้ำสีขาวกับแผ่นผาสีดำขลับสวยงามราวกับตกอยู่ในชั่วโมงต้องมนต์ นี่อาจเป็นเสน่ห์ของน้ำตกเต่าดำที่ทำให้ใครมาแล้วก็หลงรัก และอยากกลับมาอีกหลายๆ ครั้งเมื่อมีโอกาส







