'ยูเนสโก' ประกาศจ.ภูเก็ต เมืองสร้างสรรค์อาหารโลก

'ยูเนสโก' ประกาศจ.ภูเก็ต เมืองสร้างสรรค์อาหารโลก

"ยูเนสโก" ประกาศยกย่องให้ภูเก็ตเป็น 1 ใน 18 เมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหารของโลก เป็นเมืองแรกของไทยและอาเซียน

จังหวัดภูเก็ตนอกจากจะมีชื่อเสียงในด้านความสวยงามของหาดทรายชายทะเล และความโดดเด่นของ สถาปัตยธรรมของเมืองเก่าที่เรียกว่า “ชิโนโปรตุกิส” แล้ว ล่าสุดได้รับการประกาศจาก “ยูเนสโก” ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร หรือCity of Gastronomyประจำปี2558โดยเป็น 1 ใน 18 เมืองทั่วโลก เป็นเมืองแรกของไทยและอาเซียน หลังจากมีความพยายามมากว่า3ปี โดยทีมงานของนางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และการสนับสนุนของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และผู้อยู่เบื้องหลังอีกจำนวนมาก

นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า จากการที่เทศบาลนครภูเก็ตได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) เพื่อผลักดันเมืองภูเก็ตให้เป็นเมืองแห่งอาหารในเครือข่ายเมืองวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของ ยูเนสโก (Unesco) เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2554 หลังจากนั้นก็ได้มีการสมัครเข้ารับการคัดเลือกตามขั้นตอน โดยว่าจ้างมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ อาทิ การรวบรวมข้อมูลองค์กรพื้นฐานต่างๆ การจัดประชุมประชาคม เป็นต้น และเป็นที่น่ายินดีว่า เมื่อวันที่11ธันวาคม2558เทศบาลนครภูเก็ต ได้รับหนังสือจากมาดามอิริน่า บูโคว่า (Irina Bokova)ผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโก แจ้งว่า คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของยูเนสโกได้พิจารณาและมีมติให้จังหวัดภูเก็ตเป็นสมาชิกใหม่เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก สาขาวิทยาการอาหาร (Gastronomy)และอนุญาตให้เทศบาลนครภูเก็ตสามารถใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์ของยูเนสโก เพื่อการประชาสัมพันธ์ด้านอาหารได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดรายละเอียดของร้านอาหารที่จะสามารถจะนำชื่อและตราสัญลักษณ์ดังกล่าวไปติดตั้ง โดยจะมีการประกาศให้ทราบในเร็วๆ นี้

“การสมัครเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร ยูเนสโกนั้น เทศบาลนครภูเก็ตมีความตั้งใจที่จะดำเนินการเพื่อชาวภูเก็ตทั้งจังหวัด ไม่ว่าจะอยู่ในเขตหรือนอกเขตเมือง ด้วยความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม มีความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนาและเป็นเมืองที่เจริญอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของความสามัคคี สงบ สันติสุขมายาวนานกว่า150ปี ภายใต้ร่มบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ดังเช่นคนในเขตย่านเมืองเก่าที่เทศบาลนครภูเก็ตมีนโยบายสนับสนุนการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรม มีทั้งชาวบาบ๋า เพอรานากัน ชาวมุสลิม ชาวฮินดู ชาวคริสต์ บนพื้นฐานของความเป็นชาวไทยทั้งมวล ตลอดจนวัฒนธรรมด้านอาหาร เสื้อผ้าและสถาปัตยกรรม ที่แสดงออกถึงความหลากหลายที่ผสมผสานกันจนงดงาม หล่อหลอมจนเป็นรากฐานให้คนรุ่นหลังได้นำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อเกิดรายได้ จนได้รับการยกระดับเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาอาหารดังกล่าว”

นางสาวสมใจ กล่าวด้วยว่า จุดเด่นที่ยูเนสโกได้เลือกภูเก็ตเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร มีอยู่ด้วยกัน 5 ประการ คือ1.ความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมอาหาร ที่เกิดจากพหุสังคม2.อาหารภูเก็ตเป็นองค์ประกอบสำคัญในทุกเทศกาล พิธีการ ความเชื่อ วิถีชีวิตในครอบครัว และยังใช้ประกอบการต้อนรับแขกบ้านเมือง3.อาหารท้องถิ่นภูเก็ตหลายประเภทมีอัตลักษณ์หาทานที่อื่นไม่ได้ มีสูตรลับเฉพาะที่ถ่ายทอดผ่านคนในครอบครัว และหลายอย่างเป็นวัตถุดิบที่มีเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำเป็นต้องอาศัยการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงอยู่อย่างยั่งยืน4.ความเข้มแข็งและความร่วมมือจากภาคเอกชน ภาครัฐและสถาบันทางวิชาการในภูเก็ต ทำให้มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนพื้นฐานวิทยาการด้านอาหารหลากหลายอย่าง เช่น การจำหน่ายอาหารท้องถิ่นแปรรูปเป็นของฝาก ของที่ระลึก การจัดบริการอาหารในร้านอาหารหรือโรงแรม เทศกาลอาหารชนิดต่างๆ รวมถึงการเข้ามาแลกเปลี่ยนของอาหารนานาชาติ ทำให้เกิดการเพิ่มมูลค่าสินค้า เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจแก่เมืองและประชาชน 

และ5.ชาวภูเก็ตมีน้ำใจ อัธยาศัยดีงาม (Thai Hospitality)ยินดีร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์กับเมืองอื่นๆ ในเครือข่าย หรือต้อนรับด้วยเมืองที่มีภูมิทัศน์งดงาม บรรยากาศอบอุ่น“Good Food, Good Health, Good Spirit…in Phuket”กินดี อยู่ดี มีจิตงาม...ที่ภูเก็ต ซึ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากจุดเด่นในความมีน้ำใจ รอยยิ้มแบบไทย เราจำเป็นต้องมีนโยบายเปิดกว้างทั้งทางความคิดและกิจกรรม มีการเหย้าเยือนกับสมาชิกอื่นๆ จึงคาดว่านครภูเก็ตในอนาคตจะเป็นนครแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งศาสตร์และศิลป์ รวมทั้งจะเป็นนครแห่งการสร้างสรรค์และน่าอยู่อย่างยั่งยืน

ขณะที่ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า การได้รับเลือกเป็นเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกด้านอาหาร จะทำให้ภูเก็ตมีโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจการลงทุนต่อยอดจากธุรกิจการท่องเที่ยวไปได้อีกหลากหลายประเภท เช่น การเป็นเมืองที่ทุกท่านต้องมาชิมอาหาร มาซื้อของฝากประเภทอาหารที่เกิดจากนวัตกรรมใหม่ๆ มาชมมาอุดหนุนสินค้าจากแหล่งเกษตรกรรม ประมงที่เป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญในภูเก็ต รวมถึงต่อไปอาจมีสถาบันโรงเรียนเรียนรู้ด้านวิทยาการอาหาร เป็นต้น สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ที่ส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งในส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและประวัติศาสตร์วัฒนธรรม สอดคล้องกับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีที่ให้ส่งเสริมการค้าการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มจากเมืองท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้เข้าประเทศและทำให้ทุกคนอยู่ดีกินดี

สำหรับโครงการเมืองสร้างสรรค์ ยูเนสโก เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เคียงคู่กับการประกาศแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ โดยเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Culture)และยังผสมผสานความทันสมัยในด้านการสร้างสรรค์หรือมีนวัตกรรมจากพื้นฐานอัตลักษณ์เดิม เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557กำหนดให้คัดเลือกจากเขตเมืองหรือมหานครที่เป็นแหล่งรวบรวมวิทยาการและมีพื้นฐานพอที่จะขับเคลื่อนทั้งในส่วนเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development )แบ่งเมืองสร้างสรรค์ออกเป็น7ประเภท ประกอบด้วย1.เมืองแห่งวรรณกรรม (City of Literature) 2.เมืองแห่งภาพยนตร์ (City of Film) 3.เมืองแห่งดนตรี (City of Music) 4.เมืองแห่งหัตถกรรมและศิลปะท้องถิ่น (City of Crafts and Folk Arts ) 5.เมืองแห่งการออกแบบ (City of Design) 6.เมืองแห่งศิลปะสื่อประชาสัมพันธ์ (City of Media art) 7.เมืองแห่งวิทยาการอาหาร (City of Gastronomy)ปัจจุบันทั่วโลกมีเมืองที่ได้รับประกาศเป็นเมืองสร้างสรรค์ รวม116เมือง เฉพาะด้านวิทยาการอาหารมีเพียง18เมือง และภูเก็ตเป็น 1 ใน 18 เมืองดังกล่าว