เดอะเฮ้าส์ออนสาทร...ประสบการณ์ใหม่ในบ้านหลังเก่า

3 ปีเต็มกับการบูรณะภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร ในที่สุดบ้านหลังเก่าที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ย่านสาทรได้กลับมาเผยโฉมอดีตอันงดงามอีกครั้ง
เดอะเฮ้าส์ออนสาทร ตั้งอยู่แยกสาทรและนราธิวาส สร้างขึ้นเมื่อ 126 ปีที่แล้ว แรกเริ่มเป็นบ้านพักของหลวงสาทรราชายุกต์ผู้ริเริ่มขุดคลองสาทร ต่อมาในปี พ.ศ.2463 มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นโรงแรมโฮเทล รอยัล และเป็นที่ทำการสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทยในช่วงพ.ศ. 2491- 2542 ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ โรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพ
มองจากด้านหน้าคิดว่าอลังการแล้ว หากเมื่อเดินเข้าไปข้างในจะพบกับความยิ่งใหญ่ของอาคารโบราณที่ประกอบไปด้วยตึก 4 หลังเชื่อมต่อกันเป็นทรงสี่เหลี่ยมโดยมีสนามอยู่ตรงกลาง พื้นที่ร่มรื่นนี้เป็นที่ตั้งของ เดอะ คอร์ทยาร์ด บิสโตร กลางแจ้งสาหรับการรับประทานอาหารแบบอัลเฟรสโก้และจิบชายามบ่าย
ชั้นล่างเป็นที่ตั้งของ เดอะ ไดนิ่งรูม ร้านอาหารซิกเนเจอร์ และ เดอะ บาร์ มุมผ่อนคลายสำหรับดื่มสังสรรค์หลังเลิกงาน
ในขณะที่ชั้นบนจัดเป็นอัพสแตร์ส คลับเลานจ์ ที่มีทั้งการแสดงดนตรีและดีเจมาสลับสับเปลี่ยนนอกจากนี้ยังมีห้องจัดเลี้ยงสำหรับดินเนอร์ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวด้วย
หลังจากค่อยๆลงบันไดจากชั้นบนอย่างช้าๆเนื่องจากใช้เวลาชื่นชมลวดลายแกะสลักบนราวบันไดที่ละเอียดละออ เรากลับมาที่เดอะ ไดนิ่งรูม ห้องอาหารที่จะนำพาเราไปสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่จากฝีมือของ เชฟชาวตุรกี ฟาติห์ ทูทัค ผู้อำนวยการด้านอาหาร เดอะเฮ้าส์ออนสาทร
เชฟให้คำจำกัดความอาหารเอเชียสมัยใหม่ของเขาว่าเป็น “ฟันไดนิ่ง” โดยบอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาผ่านอาหาร ยกตัวอย่างเช่น
From My Childhood (350 บาท) เมนูอาหารที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากความทรงจำวัยเด็กขณะอยู่ในครัวกับแม่ที่กรุงอิสตันบูล เพราะในครัวมีแจกันดอกไม้เสมอ เขาจึงนำมะเขือยาว (วัตถุดิบพื้นถิ่นที่ชาวตุรกีนิยมรับประทานมีให้เลือกกว่า 600 สายพันธุ์ เชฟกล่าว) มาย่าง หั่นเป็นชิ้นบางซ้อนด้วยมะเขือยาวพูเร่ (นำทำให้สุกแล้วบดละเอียดลักษณะคล้ายซอสข้นๆ) กระเจี๊ยบสดย่าง ซอสมะเขือเทศเข้มข้น ประดับด้วยดอกไม้เล็กๆสื่อถึงดอกไม้ในแจกันของแม่ คลุมด้วยแผ่นเจลาติน เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่เล่าถึงสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมเขาในวันวานที่เป็นเหตุผลของวันนี้
Early Morning at Tsukiji Market (625 บาท) เป็นเมนูอาหารอีกจานหนึ่งที่เล่าถึงเส้นทางการทำงานครั้งอยู่ที่โตเกียว หลังจากเลิกงานตอนเช้ามืดเขามักจะแวะไปกินปลาดิบที่ตลาดปลาสึกิจิ ความทรงจำครั้งนั้นถ่ายทอดออกมาเป็นปลาทูน่าครีบสีน้ำเงินหมักด้วยซอสถั่วเหลือง มิริน สาเก แล่เป็นชิ้นยาวตกแต่งด้วยดอกชิโสะ ผงสาหร่ายที่นำไปย่างไฟให้กรอบก่อนนำมาบดละเอียด เสิร์ฟพร้อมอะโวคาโดพูเร และวาซาบิสดๆที่ขูดจากอุปกรณ์ทำด้วยหนังปลาฉลาม
เมนูไฮไลท์ต้องยกให้ Hunting (790 บาท) อาหารที่เล่าเรื่องราวถึงการไปล่าเป็ดที่เยอรมัน อกเป็ดย่างเตาถ่าน ราดซอสทับทิมสีแดงจัด ตกแต่งด้วยหัวหอมใหญ่หั่นเป็นเส้นยาวแล้วนำไปดองโรยด้วยผงถ่านที่เกิดจากการนำหัวหอมไปเผาแล้วบดให้ละเอียด
เป็ด เลือด และ เขม่าปืน คือสัญลักษณ์ที่บอกเล่าที่มาของอาหารจานนี้
อาหารทุกจานมีเรื่องเล่า เช่นเดียวกับบ้านหลังเก่าที่มีเรื่องราวและรายละเอียดที่ไม่ควรละเลย หัวเสาแกะสลักรูปหมูหมายถึงปีนักษัตรของหลวงสาทรราชายุกต์ โคมไฟสมัยใหม่ที่ออกแบบให้รับการโครงสร้างของอาคารเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมายที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สนทนาและซักถามกับเชฟที่ประจำอยู่ตรงเคาน์เตอร์ไม้ยาว ท่ามกลางบรรยากาศที่มีรสชาติของอาหารและศิลปะที่ผสานกันอย่างมีอรรถรส
หมายเหตุ : ห้องอาหาร เดอะ ไดนิ่งรูม เดอะเฮ้าส์ออนสาทร เปิดบริการทุกวัน 12.00 -14.30 และ 18.00 - 22.30 น. โทร. 0 2344 4000







