ลุ้น'หลินฮุ่ย'ตั้งท้อง ตรวจพบถุงหุ้มตัวอ่อนในมดลูก

ลุ้น"หลินฮุ่ย"ตั้งท้อง ตรวจพบถุงหุ้มตัวอ่อนในมดลูก พร้อมจัดทีมเฝ้าสังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด
ที่สโมสรแพนด้า สวนสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดให้มีการแถลงข่าวติดตามความคืบหน้าการตั้งท้องของหลินฮุ่ย โดยมีนายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์, น.สพ.ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย,รศ.น.สพ.ดร.สุดสรร ศิริไวทยพงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์ เธนุเวชวิทยา และวิทยาการสืบพันธุ์ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ร่วมแถลงความคืบหน้าการตั้งท้องของหลินฮุ่ย
รศ.น.สพ.ดร.สุดสรร ศิริไวทยพงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์ เธนุเวชวิทยา และวิทยาการสืบพันธุ์ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ความพยายามในการทำให้หลินฮุ่ยตั้งท้องได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการผสมเทียมให้กับหลินฮุ่ย และได้ติดตามประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจอัลตร้าซาวนด์ เนื่องจากการตั้งท้องของแพนด้ามีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จากในสัตว์หลายชนิด เมื่อผสมไปจะมีช่วงเวลาตกไข่มีการช่วงเวลาของการฝังตัวอ่อนที่แน่นอนตามช่วงเวลา
แต่สำหรับแพนด้าไม่สามารถที่จะกำหนดได้ว่ามีการตั้งท้องหรือไม่อย่างชัดเจน การตรวจท้องแพนด้าเพื่อหาตัวอ่อนจึงทำได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายเรื่องในการฝังตัวของตัวอ่อน จากประสบการณ์ที่พบแพนด้าบางแห่งตั้งท้องเพียง 2 เดือน แล้วคลอด บางแห่งตั้งท้อง 5-6 เดือนแล้วคลอด ซึ่งก่อนหน้าที่จะคลอดออกมาก็ไม่สามารถที่จะตรวจพบได้อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่จะตรวจพบก่อนการคลอดเพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้น
สำหรับการอัลตร้าซาวนด์ของหลินฮุ่ยจึงได้ทำการปรึกษากับทีมงานเพื่อหาช่วงเวลาที่เหมาะสมหลังทำการผสมเทียม จึงคาดว่าน่าจะประมาณ 80 วันหลังผสมเทียม ซึ่งได้ทางทีมงานได้ทำการอัลตร้าซาวนด์ครั้งแรกในวันที่ 81 หลังจากการผสมเทียมพบถุงหุ้มตัวอ่อนอย่างชัดเจน โดยมีขนาดกว้างยาวประมาณ 2.3X2.7 ซม. แต่ยังไม่พบตัวอ่อนภายในถุงหุ้ม โดยเปรียบเทียบภาพกับ เหมยเซียง (Mei Xiang) จากสวนสัตว์แห่งชาติสมิธโซเนียน สหรัฐ พบถุงหุ้มตัวอ่อน และตัวอ่อนขนาด ประมาณ 4 ซม. ช่วงประมาณ 115 วันของการตั้งท้อง
ทางทีมงานได้ทำการอัลตร้าซาวนด์ซ้ำในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันที่ 82 หลังการผสมเทียม พบว่าในตำแหน่งที่พบถุงหุ้มตัวอ่อนไปนั้นได้พัฒนาไปเป็นลักษณะคล้ายโครงสร้างของตัวอ่อน ขนาดกว้างยาวประมาณ 6.9X1.9 ซม. โดยยังไม่พบสัญญาณชีพ จากการตรวจนี้สามารถสรุปได้เป็น 2 กรณี คือกรณีพบถุงหุ้มตัวอ่อนในวันที่ 81 เป็นการฝังตัวช่วงต้นในมดลูกของหลินฮุ่ย โดยถุงหุ้มตัวอ่อนมีของเหลวภายในและไม่พบตัวอ่อน จากนั้นตัวอ่อนจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้พบโครงร่างคล้ายตัวอ่อน ซึ่งในกรณีแรกนี้ทำให้ค่อนข้างมั่นใจในการตั้งท้องของหลินฮุ่ย อย่างไรก็ตาม แพนด้ามีระยะการตั้งท้องที่แปรผันมาก ซึ่งหลังจากอัลตร้าซาวนด์หลินฮุ่ยในวันที่ 82 ตัวอ่อนอาจจะยังมีการพัฒนาที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้บอกไม่ได้ว่าการพัฒนาจะเป็นไปในทางใด ทั้งนี้ยังไม่พบสัญญาณชีพของตัวอ่อน แต่อาจจะคลอดลูกภายในเร็ววันนี้ หรืออาจะเหมือนกับแพนด้าทั่วโลก ที่อาจมีการดูดกลับของตัวอ่อนได้เช่นกัน
น.สพ.ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทำการผสมเทียมจนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา 82 วัน ทางทีมงานวิจัยแพนด้า องค์การสวนสัตว์ จึงได้เชิญ รศ.น.สพ.ดร.สุดสรร ศิริไวทยพงศ์ มาร่วมตรวจการตั้งท้องของหลินฮุ่ยร่วมกับทีมสัตวแพทย์ขององค์การสวนสัตว์ ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ โดยการสนับสนุนจากบริษัท ไอดีเอส เมดิคอล ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย)จำกัด จากเป้าหมายที่ได้ ตั้งไว้ว่าจะพยายามให้เกิดลูกแพนด้าตัวที่ 2 ในประเทศไทยภายในปีนี้ ซึ่งได้รับความร่วมมือด้วยดีจากหลินฮุ่ยมีการตกไข่ให้เห็นหลังจากที่แท้งไปเมื่อปีที่ผ่านมา ในขณะในช่วงที่ผ่านมาหลินปิงได้มีการคลอดลูกแฝดที่จีน และมีแพนด้าที่วอชิงตันดีซี ได้คลอดลูกแฝดแต่ตายไป 1 ตัว ทำให้ไทยมีความหวังว่า หลิยฮุ่ยจะมีการตั้งท้องในปีนี้
หลังจากนี้จะต้องลดความเสี่ยงด้านความเครียดให้กับหลินฮุ่ยทั้งหมด ทั้งนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับแพนด้าน้อยอย่างเต็มที่ สูตรอาหารที่จะให้หลินฮุ่ยกินได้ทำตามสูตรที่ทางจีนได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ยังให้หลินฮุ่ยออกไปในส่วนจัดแสดงตามปกติก่อน จนกระทั่งเริ่มมีพฤติกรรมใกล้คลอด เช่นมี พฤติกรรมการทำรัง การเลียอวัยวะเพศ และพฤติกรรมการเบ่งคลอด จึงจะเริ่มให้ออกโชว์ในส่วนจัดแสดง โดยจัดทีมงานเฝ้าติดตามพฤติกรรมของหลินฮุ่ยอย่างใกล้ชิด
นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางทีมงานได้ตั้งความหวังไว้ว่า หลินฮุ่ยจะมีการพัฒนาการฝังตัวของตัวอ่อน และจะให้กำเนิดลูกแพนด้าออกมา แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมีการติดตามพัฒนาการและพฤติกรรมของหลินฮุ่ย อย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจหาสัญญาณชีพของตัวอ่อนต่อไป ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะรีบแจ้งให้ทราบเพิ่มเติมในทันที







