ซึ้งสาวปากเซ
สาวญวนลาวยุคใหม่สวยจริงๆ บางครอบครัว ลูกสาวมีโอกาสไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส เท่ากับว่าบางคนพูดได้ 5 ภาษาเลยทีเดียว
เดือนนี้ ผมได้มีโอกาสข้ามไปฝั่งลาว หรือชื่อเต็มๆว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวบ่อยครั้ง เนื่องจากมีเพื่อนที่เป็นคนลาวที่ไปอยู่ต่างประเทศ มาเยี่ยมเยือนบ้านของเขาและเชิญไปเที่ยวหากัน
นอกจากไปหาเพื่อนรักแล้ว ยังถือโอกาสไปเดินตามรอยเพลงที่ครูอาจารย์ในวงการลูกทุ่งได้แต่งไว้ และนักร้องดังๆ ขับร้องจนเป็นอมตะ สถานที่บางแห่งที่ไม่เคยรู้จัก ก็ทำให้อยากไปเยี่ยมเยือน บางแห่งเป็นสถานที่ธรรมดาๆ แต่พอมาผูกเล่าเรื่องเป็นเพลง ก็ทำให้น่าสนใจขึ้นมาทันที
คราวที่แล้ว ผมไปเวียงจันทน์ ได้ไปตามรอยเพลง “เดือนหงายที่ริมโขง” ที่ ครูสุรพล สมบัติเจริญ แต่งและร้องไว้ พอมาคราวนี้ เพื่อนชวนไปปากเซ แขวงจำปาสัก ซึ่งอยู่ลาวฝั่งใต้ ซึ่งผมไม่เคยไปมาก่อน จึงไม่รอช้าที่จะตอบตกลง
การไปปากเซ ถ้าไม่บินตรง ก็ต้องนั่งเครื่องไปลงที่อุบลราชธานี หลังจากนั้น หารถต่อไปที่ด่านช่องเมก ราวๆ 80 กิโลเมตร จากด่านช่องเมก ก็ต้องต่อรถไปปากเซ จำปาสัก อีกประมาณ 40 กิโลเมตร
ไม่แน่ใจว่า ระยะทางห่างจากอุบล ฯ-ปากเซ ไกลกันประมาณ 100 กิโลเมตรหรือเปล่า ที่ทำให้ปากเซ มีความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านพื้นเมืองมากกว่าทางเวียงจันทน์ที่คราวที่แล้วผมไปมาแล้วรู้สึกคล้ายๆ เหมือนกับไปจังหวัดทางภาคอีสานสักแห่ง เพราะเวียงจันทน์มีความทันสมัยคล้ายฝั่งไทยมาก นั่งร้านอาหารที่ไหนก็เปิดเพลงไทย จนคิดว่า อยู่ภาคอีสานเลยทีเดียว และร้านรวงต่างๆจากฝั่งไทยและต่างประเทศไปเปิดทำการกันมากมาย
สิ่งที่ชวนให้ผมหงุดหงิดคือในเวียงจันทน์ ผมพยายามหาร้านอาหารที่เปิดและวงดนตรีเล่นเพลงลาว ซึ่งหายากทีเดียว แต่เมื่อขอเพลง “ซังคนหลายใจ” ที่ท้าว ก. วิเศษ ร้องไว้เป็นต้นฉบับ นักร้องลาวก็ร้องให้ฟังอย่างเต็มใจ เพราะเป็นเพลงอมตะที่เชื่อว่า ทุกคนเติบโตมากับเพลงเหล่านี้
ตอนไปเวียงจันทน์ ผมเดินทางข้ามแดนที่หนองคาย โดยไปที่อุดรธานีก่อน จะต่อรถไป จ. หนองคายราวๆ 50 กิโลเมตร ฝั่งตรงข้ามเวียงจันทน์ คือ อ.ท่าบ่อ กับ อ. ศรีเชียงใหม่ หนองคาย ตอนนั้นก็นึกสงสัย เกี่ยวกับเพลงๆ หนึ่งที่ ครูดอย อินทนนท์ แต่งให้ ศรชัย เมฆวิเชียร ขับร้อง ชื่อเพลงว่า “ซึ้งสาวปากเซ” เพราะเพลงนี้ เอ่ยถึง อ. ท่าบ่อ และระบุว่า เป็น ท่าบ่อ หนองคาย จึงเริ่มภารกิจเดินตามฮอยเพลง “ซึ้งสาวปากเซ” ต่อเนื่องทันที
“คิดฮอดแอ๋มเด สาวญวนปากเซคิดฮอดอ้ายบ่
อ้ายคนท่าบ่อ นอนละเมอเพ้อใฝ่
ค่ำแลงนั่งแนมลำโขง ระรินเอื่อยไหล
สาวญวณลาวใหม่ได้แนมบ่เด๋
คิดฮอดแอ๋มเด อั๋นอยากข่วมเซไปยามขวัญจิต
พรหมแดนเขาปิด จึงต้องทนว้าเหว่
เดิกเดิกเมื่อโดนลมหนาว ร้าวใจอ้ายเด
คิดฮอดสาวเซเชื้อญวณในลาว
กรรมใด๋บันดาล ให้เรารักกันชอบกัน
ทั้งที่รัฐบาล มีอุดมการณ์ต่างกันเหมือนกล่าว
อ้ายอยู่หนองคาย สัญชาติไทยแต่เธอเป็นลาว
ปากเซแดง ท่าบ่อขาว แต่ใจเราก็รักกันได้
คิดฮอดเนื้อนวล สาวญวณเขตลาวอย่าลืมอ้ายก่อน
ถ้ารัฐผันผ่อน เปิดพรหมแดนครั้งใหม่
อยากให้สาวลาว ข้ามโขงสู่แคว้นแดนไทย
ร่วมรักกับอ้ายอยู่โขงฝั่งขวา”
เพลง “ซึ้งสาวปากเซ”นี้ มีจุดที่ถกเถียงกันหลายเรื่อง เป็นต้นว่า หนุ่มท่าบ่อ หนองคาย ที่อยู่ตรงข้ามกับเวียงจันทน์ แต่ไฉนไปจีบสาวปากเซ ซึ่งอยู่ตอนใต้ ใช้เวลาเดินทางนานมาก ด้วยระยะทางกว่า 650 กิโลเมตร
ถ้าจะพิจารณา คำว่า “คนท่าบ่อ” ที่อยู่จ.อุบล ฯ ก็มีเช่นกัน แต่เป็น บ้านท่าบ่อ อ.เมืองอุบล ฯ แต่ในเพลง “ซึ้งสาวปากเซ” มีคำว่า “อ้ายอยู่หนองคาย สัญชาติไทยแต่เธอเป็นลาว” ก็แสดงว่า เป็นท่าบ่อ หนองคายอย่างแน่นอน
ศรชัย บันทึกเสียงเพลง “ซึ้งสาวปากเซ” ราวๆ ปี 2520 หลังจากปี 2518 ลาวได้สถาปนาประเทศใหม่ชื่อว่า “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” หรือ สปป.ลาว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2518 โดยปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ตัดสัมพันธ์กับประเทศไทย
ผมชอบประโยคที่ครูดอยเขียนว่า “...ปากเซแดง ท่าบ่อขาว แต่ใจเราก็รักกันได้” นับเป็นวรรคทองของเพลงนี้ จนลืมที่จะไปคิดถึงข้อชวนสงสัยอื่นๆ ในเพลงจนหมดสิ้น
จะว่าไปแล้ว เรื่องระหว่างสัญชาติในวันนี้ ก็มีความเป็นไปได้ เพราะการเดินทางไปปากเซ คราวนี้ ผมได้พบกับเพื่อนคนลาว-เวียดนาม เกิดในปากเซ ที่ปัจจุบันเธอไปตั้งรกรากอยู่ที่ฝรั่งเศส และไม่ได้เดินทางกลับมาปากเซ เป็นเวลาถึงกว่า 40 ปี ครอบครัวของเธอเดินทางโดยรถบัสจากเวียงจันทน์มาปากเซ โดยใช้เวลาทั้งคืน (ปัจจุบันมีเที่ยวบิน เวียงจันทน์-ปากเซ ที่เคยเกิดอุบัติเหตุเป็นข่าวเมื่อสองปีที่แล้ว)
ที่ปากเซ แดนงามนี้ มีสาวญวนลาวใหม่อาศัยอยู่มากมาย เพราะมีชายแดนติดกับเวียดนาม ขอยืนยันว่า สาวญวนลาวยุคใหม่สวยจริงๆ (ขออภัย ที่ไม่อาจลงรูปสาวญวนลาวปากเซ ได้ เพราะความเป็นส่วนตัว ) และบางครอบครัว ลูกสาวมีโอกาสไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสด้วย เท่ากับว่า สาวปากเซบางคน พูดได้ 5 ภาษา คือ ไทย ลาว เวียดนาม อังกฤษ ฝรั่งเศส เลยทีเดียว
ปากเซ แขวงจำปาสัก ในวันนี้ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ต่างจากเวียงจันทน์ มีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติหลายแห่ง อาทิ น้ำตกหลี่ผี น้ำตกคอนพะเพ็ง ตาดฟาน ตาดเยื้อง ผาสัวม เฮือนชนเผ่า และ ปราสาทวัดภู มรดกโลก ฯลฯ
ในตัวเมืองปากเซ มีทิวทัศน์ริมน้ำโขงที่สวยงาม สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่น คือ คฤหาสน์หลังงามของชาวเวียดนาม ที่ทำธุรกิจหลายอย่าง และเจ้าของตลาด “ดาวเฮือง” ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักกันคือ กาแฟ”ดาว” โด่งดังมาถึงบ้านเรา คฤหาสน์สร้างแบบสถาปัตกรรมทางยุโรป เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งนำเข้าจากอิตาลี สวยงามหรูหราอลังการมาก
ยามราตรี ปากเซไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอย่างที่เวียงจันทน์ น่าเสียดายที่ผมไปพักที่โรงแรมแกรนด์ จำปาสัก เพียง 1 คืนเท่านั้น จึงไม่ได้เก็บบรรยากาศของปากเซมามากมายนัก
แต่ก็คุ้มค่าที่ได้ไป “ซึ้งสาวปากเซ” เห็น”สาวญวนลาวใหม่” ที่ใบหน้าสวยแบบธรรมชาติ ไร้ร่องรอยศัลยกรรม หน่วยก้านดีขนาดที่ขึ้นเวทีประกวดนางงามได้เลยทีเดียว.







