โจอี้ แอเล็กแซนเดอร์ มหัศจรรย์แจ๊สเด็กอินโด

ปรากฏการณ์เด็กแจ๊สสายเลือดชวา
The New York Times สื่อยักษ์ใหญ่ประโคมข่าวการแสดงดนตรีของ โจอี้ แอเล็กแซนเดอร์ ที่ลิงคอล์นเซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์ก ตามคำเชิญของ วินตัน มาร์แซลลิส ส่งผลให้นักเปียโนแจ๊สเด็กดังแค่ข้ามคืน
บนเวที “โรสรูม” คอนเสิร์ต Jazz at Lincoln Center Gala-2014 โจอี้ แอเล็กแซนเดอร์ เด็กน้อยวัยเพียง 11 ปี ออกมาเดี่ยวเปียโนเพลง ’Round Midnight บทเพลง “บัลลาด” ที่ ธีโลเนียส มังค์ นักเปียโนแจ๊ส และ คูที วิลเลียมส์ นักทรัมเป็ต ร่วมกันแต่ง เพลงนี้บาง “เวอร์ชั่น” ใช้ชื่อ ’Round about Midnight ทางคอร์ดเดิม โดยเฉพาะท่อนแรก ธีโลเนียส มังค์ เขียนไว้ค่อนข้างยาก นักดนตรีส่วนมากเล่นไม่ได้ ไมล์ส เดวิส แก้ไขให้เล่นง่ายขึ้น
โจอี้เดี่ยว ’Round Midnight ต่อหน้าผู้ชมเต็มห้อง ต่างทึ่งในฝีมือเปียโนของเด็กคนนี้ เสียงปรบมือดังเกียวกราวจากผู้ชม พร้อมกันนี้ กลุ่มนักดนตรีบนเวทีหยุดเล่น นั่งฟังการเดี่ยวเปียโนของโจอี้อย่างจดจ่อ พร้อมกับลุกขึ้นยืนปรบมือให้ด้วยความชื่นชม ใบหน้ายิ้มแย้ม
แอลเลน มอร์ริสัน แห่ง Downbeat นิตยสารแจ๊สทรงอิทธิพล นั่งชมอยู่ในที่นั้นด้วย ถึงกับเอ่ยปากว่า “หากคำว่าอัจฉริยะ ยังมีความหมายกับความเก่งเหนือชั้น คงต้องใช้กับเด็กมหัศจรรย์คนนี้ เขาเล่นตามทางแปรของตนเอง ในเพลง ’Round Midnight ด้วยความเร้าใจ เก่งเกินวัยและเข้าถึงสไตล์เปียโนหลายทศวรรษ”
วินตัน มาร์แซลลิส นักดนตรียิ่งใหญ่แห่งวงการดนตรีแจ๊ส ผู้อำนวยการจัดคอนเสิร์ต เป็นผู้เชิญโจอี้มาแสดงในสหรัฐอเมริกา แสดงครั้งนี้ กล่าวถึงโจอี้ว่า “ไม่มีใครคิดว่าจะมีผู้เล่นได้ดีในวัยขนาดนี้ ผมชอบทุกอย่างที่เขาเล่น ลีลาการบรรเลง ความมั่นใจ ความเข้าใจในดนตรี”
โจอี้ แอเล็กแซนเดอร์ ศิลา เกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2003 ในเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย พ่อ เคนนี และแม่ ซารา ศิลา ทำธุรกิจท่องเที่ยวผจญภัย ทั้งคู่เป็นคริสเตียน พูดจานุ่มนวล มีมิตรไมตรี อ่อนน้อมถ่อมตน
เคนนี ศิลา เรียนจบด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยเพส ในนิวยอร์ก บนเกาะแมนฮัตตัน สหรัฐ หลังเรียนจบนำแผ่นซีดีแจ๊สกลับบ้าน เพราะซาราภรรยาเขาก็ชอบแจ๊สเหมือนกัน ด้วยความที่เคนนีเป็นนักดนตรีสมัครเล่น พอเล่นดนตรีได้ จึงไปซื้อเครื่องคีย์บอร์ดมาให้ลูกฝึกและสอนพื้นฐานที่บ้าน เสียงดนตรีแจ๊สในบ้านหล่อหลอมให้โจเซียห์ หรือโจอี้ ลูกชายวัย 6 ขวบ เกิดความสนใจดนตรี จำเพลงแจ๊สดีๆ จากแผ่นซีดีที่พ่อสะสม มีหลากหลายตั้งแต่ หลุยส์ อาร์มสตรอง จนถึงแจ๊สหนักๆ ของ จอห์น โคลเทรน และ ธีโลเนียส มังค์...
ซึมซาบแจ๊สเข้าไปทุกวัน หนูน้อยโจอี้เริ่มเล่นคีย์บอร์ดเพลงที่จำจากแผ่นซีดี และดูจาก Youtubeเพลงแรกที่จำมาเล่นได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน คือ Well You Needn’t ของ ธีโลเนียส มังค์ เป็นเพลงในรูปแบบ
A-A-B-A ยาว 32 ห้องธรรมดา แต่เนื้อหาในเพลงไม่ธรรมดา คาดเดาทางยากตามสไตล์ของมังค์ ท่อน A มีเพียง 2 คอร์ดสลับกันคือคอร์ด I7 ใช้ใน “บลูส์”แต่สำเนียงไม่ใช่ คอร์ดที่ตามมาใช้เป็น bII7 ซึ่งถือเป็นคอร์ดแทนคอร์ด “ดอมินันต์” ของคอร์ด I7 แนวทำนองกระทบกับคอร์ดนี้ มังค์เริ่มด้วย “เทนชั่น” (tension ) 13 ที่จังหวะแรก ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะจับเสียงทำนองสำหรับผู้ที่ไม่ได้ผ่านการเรียนรู้ ฝึกฝนมาก่อน ท่อน B ยากทั้งแนวทำนองและเสียงประสาน ใช้ระบบเสียงแบบ “โครมาติก” (Chromaticism) แค่แกะได้หรือลอกเลียนได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่นี่เด็กน้อยโจอี้ ซึ่งไม่ได้ผ่านการเรียนเปียโนหรือคีย์บอร์ดอย่างเป็นระบบ เล่นได้ด้วย มหัศจรรย์จริงๆ
ข้อสำคัญการให้ความสนใจเพลง Well You Needn’t ของเด็กวัยนี้ ต้องถือเป็นเรื่องพิเศษ เพลงของธีโลเนียส มังค์ ถ้าไม่ใช่คอแจ๊สตัวจริงมักปฏิเสธที่จะฟัง แม้แต่นักดนตรีแจ๊สทั่วไปยังไม่อยากแตะเลย เพราะเล่นยาก ฟังยาก แนวคิดทางดนตรีด้านการเล่นเปียโน และการประพันธ์เพลง มีความแปลกแหวกแนวจากผู้อื่นเสมอ
หากท่านอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับธีโลเนียส มังค์ ลึกๆ ลองหาหนังสือ “นักเปียโนแจ๊ส ชื่อดัง” (Renowned Jazz Pianists) หน้าปกมังค์ ของผมมาอ่าน อาจทำให้รู้จักศิลปินแจ๊สผู้นี้ดีขึ้น
จากกรณีโจอี้ จะเห็นได้ว่า การจะปลูกฝังให้ลูกสนใจดนตรี ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นที่โมสาร์ท บางคนมักไปจำขี้ปากฝรั่งมากล่าวอ้าง ถ้าเป็นดนตรีคลาสสิก เป็นผลงานของบาค ของเบโธเฟ่น หรือของใครก็ได้ ถ้าเป็นแจ๊ส เลือกคนที่อยากให้เด็กเป็น ข้อสำคัญ ต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่อุดมคติที่เลื่อนลอย เมื่อถึงระดับหนึ่ง เด็กก็จะต่อยอดด้วยตนเอง เช่นโจอี้ แม้ได้รับพรสวรรค์จากพระเจ้า เขามุศึกษาผลงานของนักดนตรีแจ๊สชั้นแนวหน้าอย่าง เฮอร์บี แฮนค็อก, แม็คคอย ไทเนอร์, บิลล์ เอแวนส์, แบรด เมลเดา, คลิฟฟอร์ด บราวน์... พ่อพาไป “แจม” กับนักดนตรีผู้ใหญ่ในเกาะบาหลี และกรุงจาการ์ตา หลังจากครอบครัวเลิกกิจการท่องเที่ยว ทำให้โจอี้ได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่ โจอี้ยังได้อยู่ใกล้นัดนตรีแจ๊สชั้นดีในอินโดนีเซีย
ตอนโจอี้อายุ 8 ปี เฮอร์บี แฮนค็อค ในฐานะทูตสันถวไมตรีของ UNESCO แวะไปเยือนกรุงจาการ์ตา โจอี้ได้แสดงฝีมือเปียโนต่อหน้า เฮอร์บี แฮนค็อค นักดนตรีแจ๊สที่ยืนอยู่แถวหน้าในวงการดนตรีแจ๊สตลอดมากว่าครึ่งศตวรรษ ผู้ผลักดันให้เกิด “วันแจ๊สสากล” โดยการสนับสนุนของ “ยูเนสโก”
ปีต่อมาโจอี้ได้รับรางวัล Grand Prix 2013 เอาชนะจากการแข่งขันดนตรีแจ๊ส ในโอเดสซา ประเทศยูเครน ซึ่งมีนักดนตรีแจ๊สทุกวัยเข้าร่วมแข่งขัน 43 คน จาก 17 ประเทศ โออี้แจ้งเกิดทันที
วินตัน มาร์แซลลิส หลังจากได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้คูคลิปโจอี้เล่นเปียโนเพลงของ จอห์น โคลเทรน, ธีโลเนียส มังค์ และ ชิค โคเรีย เมื่อดูจบ วินตันเขียนลงในเฟซบุ๊คยกย่องว่า โจอี้เป็น “ฮีโร่” ของเขา ตัดสินใจเชิญโจอี้มาแสดงที่ลิงคอล์นเซ็นเตอร์ เป็นการแสดงดนตรีครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาดังกล่าวข้างต้น เมื่อเดือนพฤษภาคม 2014
หลังจากนั้น เจน มูทูสซามี-อาช ช่างภาพ ภรรยาหม้ายของนักเทนนิสชื่อก้อง อาร์เธอร์ อาช เชิญโจอี้มาโชว์ฝีมือเปียโนแจ๊สที่ศูนย์ฝึกเทนนิสอาร์เธอร์ อาช มีผู้มาชมเนืองแน่น รวมถึงอดีตประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน เจนแนะนำโจอี้ให้รู้จักกับ กอร์ดอน ยูเอห์ลิง ที่ 3 ผู้ก่อตั้งศูนย์ฝึกเทนนิส “คอร์ตเซนส์” ผู้อนุญาตให้โจอี้และครอบครัวพักในสนาม “อัลไพน์” ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เป็นอันว่าโจอี้กับครอบครัวย้ายมาอเมริกา
โจอี้แสดงคอนเสิร์ตเพื่อเป็นเกียรติแก่ เฮอร์บี แฮนค็อค ที่ “อพอลโลเธียเตอร์” ใน ย่านฮาร์เล็ม นครนิวยอร์ก ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้โจอี้พร้อมด้วยนักศึกษาสถาบันดนตรีจูลลิอาร์ด ร่วมแสดงคอนเสิร์ตหาเงินเพื่อช่วยให้โจอี้อยู่ในนครนิวยอร์กได้ คอนเสิร์ตได้รับความสนใจจากสื่อระดับชาติอย่าง NBC News ปรากฏว่าประสบความสำเร็จ โจอี้ แอเล็กแซนเดอร์ ได้รับวีซ่า O-1 ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะผู้มีความสามารถเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
โจอี้ แอเล็กแซนเดอร์ ออกอัลบั้มแรก My Favorite Things กับแผ่นตรา “โมเตมา” มีสำนักงานอยู่ในย่านฮาร์เล็ม เป็นบริษัทใหม่ แต่กำลังมาแรง โดยมีเจสัน โอเลน เป็นโปรดิวเซอร์ กำลังมือขึ้นสามารถกวาด “แกรมมี่” มาหลายรางวัลแล้ว
อัลบั้มนี้มีทั้งหมด 9 เพลง เป็นเพลงที่โจอี้แต่งเพียงเพลงเดียวคือ Ma Blues เพลงนี้แต่งโดยได้แนวคิดจากเพลง Moanin’ ของ บ็อบบี ทิมมอนส์
นอกนั้นเป็นเพลงแจ๊ส Giant Steps ของ จอห์น โคลเทรน Lush Life ของ บิลลี สเตรย์ฮอร์น ’Round Midnight ของ ธีโลเนียส มังค์ และ คูที วิลเลียมส์ I Mean You ของ ธีโลเนียส มังค์ Tour de Force ของ ดิซซี กิลเลสปี เพลง “แสตนดาร์ด” My Favorite Things และ It might As Well Be Spring ของ ริชาร์ด รอดเจอร์ส และ แฮมเมอร์ สไตน์ ที่ 2 Over The Rainbow ของ แฮรอลด์ อาร์เลน
การเลือก Giant Steps มาเป็นเพลงแรก นับว่าโปรดิวเซอร์กล้าหาญมาก เพราะเพลงมีโครงสร้างเสียงประสานค่อนข้างซับซ้อน มี “การเปลี่ยนกุญแจเสียง” (Modulation) หลายคีย์ ในช่วงสั้นในจังหวะค่อนข้างเร็ว เป็นการท้าทายความสามารถในการด้นสด หรือแสดงปฏิภาณทางดนตรี (Improvisation) เท่าที่ฟัง โจอี้ทำได้ดีเยี่ยม เพลงอื่นๆ เล่นได้น่าฟังมาก
รู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จของโจอี้ แอเล็กแซนเดอร์ เด็กชาวเอเชีย เฉพาะอย่างยิ่งเป็นเด็กที่เกิดใน กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน สามารถไปผงาดในวงการดนตรีแจ๊สระดับโลกจริง







