ทัวร์สลัม ธาราวี

เมื่อเอ่ยถึงมุมไบ เมืองท่าและศูนย์กลางทางการค้าของประเทศอินเดีย
หลายคนมักนึกถึงชุมชนสลัมที่มีคนอยู่อย่างแออัดและบ้านเรือน รวมถึงถนนที่มีแต่ความสกปรกและสิ่งปฏิกูล
แต่มีสลัมแห่งหนึ่งนามว่า “ธาราวี” เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ขนาดเจ้าฟ้าชายชาร์ลส รัชทายาทแห่งราชวงศ์อังกฤษ และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิล คลินตัน ก็ยังเคยมาเยือนที่นี่แล้ว สลัมแห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในอินเดียและติดอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว ว่ากันว่า สลัมแห่งนี้เป็นจุดน่าสนใจที่สุดของมุมไบเลยทีเดียว
ธาราวีมีพื้นที่มากกว่า 500 เอเคอร์ และเริ่มมีชื่อเสียงเพราะภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่องสลัมด็อกเมื่อปี 2551 นำเรื่องราวของธาราวีไปใช้เป็นฉากหลัง
ชื่อเสียงของธาราวีทำให้หลายคนสนใจและทำให้เกิดธุรกิจทัวร์พาเยี่ยมชมชุมชนแออัดแห่งนี้ จริงอยู่ สลัมแห่งนี้อันตรายเกินกว่าจะเดินชมคนเดียวได้ แต่ความงามของธาราวีไม่ได้อยู่ทั่วไป แต่อยู่ที่ตรอกซอกซอย บ้านหลังเล็กหลังน้อยต่างๆ ที่คนอินเดียนับหมื่นคนที่หาเช้ากินค่ำและยากจนพากันอาศัยอยู่มากกว่า
ทัวร์ที่จัดขึ้นนี้เพื่อลบภาพพจน์ด้านลบของสลัมและผู้อาศัย เพื่อทำให้เห็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กภายในพื้นที่ นอกจากนั้นยังเป็นการนำคนที่มีความแตกต่างกันทางเชื้อชาติ ศาสนาและสังคมมารวมกันเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกันให้มากขึ้น เงินที่ได้จากการทำทัวร์นี้ก็จะนำมาพัฒนาชุมชน กำไรหลังหักภาษีแล้วก็จะนำไปบริจาคให้ชุมชนที่ยากจนอื่นๆ ของมุมไบ
ลูกทัวร์จะได้เรียนรู้ว่า ในสลัมแห่งนี้มีอุตสาหกรรมขนาดย่อมที่น่าสนใจหลายชนิดด้วยกัน เช่น การปั้นหม้อดิน การเย็บปักถักร้อย การรีไซเคิล การทำขนม โรงงานสบู่ การย้อมหนัง แต่ละงานใช้พื้นที่ไม่มากนัก รายงานล่าสุดประเมินว่า สามารถสร้างรายได้ประมาณ 665 ล้านเหรียญ
ทัวร์จะพาไปสัมผัสกับความเป็นอยู่จริงๆ ของคนและการที่พวกเขาสามารถอยู่รวมกันได้อย่างดี ทั้งๆ ที่มาจากหลายส่วนและต่างศาสนากัน ที่นั่น คุณจะเห็นวัดฮินดู มัสยิดและโบสถ์อยู่ปะปนกัน ลูกทัวร์หลายคนรู้สึกเหมือนกำลังเดินผจญภัยเพราะตามซอกหลืบของสลัมแห่งนี้ มีอะไรที่พวกเขาไม่คาดคิดและไม่รู้จักซุกซ่อนตัวอยู่ นอกจากนี้ พวกเขาจะสนุกสนานไปกับการหลงทางภายในนั้นอย่างแน่นอน
แต่มุมไบก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นอีก นักท่องเที่ยวอาจมาเที่ยวที่ธาราวีในตอนเช้า ทานอาหารกลางวัน (มีทั้งอาหารมังสวิรัตและธรรมดาให้เลือก) และในตอนบ่ายก็ไปเที่ยวที่อื่นๆ ได้
ทัวร์แบบนี้ต้องการการซักถามจากลูกทัวร์อย่างมากเพื่อสร้างความเป็นกันเองและสนิทสนมกัน แต่นโบยบายอย่างหนึ่งคือ ไม่ควรให้ทิปแก่ไกค์เพราะไกด์พวกนี้ได้รับอย่างดีและได้รางวัลเมื่อลูกทัวร์พอใจและประเมินพวกเขาอย่างดี
กริชนา ปูจาริ เจ้าของบริษัททัวร์ริอัลริตี้แอนด์แทรเวล กล่าวว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากการทัวร์สลัมในบราซิล เขาจึงจับมือร่วมกับเพื่อนชาวอังกฤษ นิค ฮามิลตัน ตั้งบริษัทขึ้นเมื่อปี 2548
“ตามธรรมดาแล้ว คนมักจะคิดว่าสลัมต้องคู่นี้ ความยากจน ยาเสพติดและความอันตราย สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือมีอุตสาหกรรมขนาดย่อมอยู่ภายในนั้นด้วย”
เขาเล่าว่า เมื่อเขาไปที่ธาราวีครั้งแรก เขาก็มีความรู้สึกด้านลบเช่นเดียวกัน แต่การค้าขายในนั้นทำให้เขาประหลาดใจและนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้กริชนาทำธุรกิจนี้ โดยทัวร์ของเขาจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ในตอนแรก คนที่อยู่ในธาราวีไม่เห็นด้วยที่มีการจัดทัวร์ภายในธาราวี กริชนาเล่าว่า เมื่อเขาไปเซอร์เวย์กับคริส คนในนั้นพากันต่อว่า ว่าทำไมพาคนต่างชาติมาที่สลัม คุณน่าจะพาไปที่อื่นที่มีความเจริญมากกว่านี้
“พวกเขาไม่ชอบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาถ่ายรูปพวกเขาและสลัม แล้วนำไปเผยแพร่ เพราะโลกก็จะคิดว่า อินเดียเป็นประเทศยากจน” กริชนากล่าวในตอนแรกนั้น เขาไปที่นั่นบ่อยมากและตั้งชั้นเรียนภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ ในสลัมด้วย
“สิ่งท้าทายประการแรกคือ การพยายามให้คนในพื้นที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวมาทัวร์นี่นั่น ผมใช้เวลากว่าเดือนเพื่อรู้จักคนในพื้นที่และบอกถึงประโยชน์และความจริงใจของพวกเราในการทำทัวร์”
นิค กล่าวว่า จริงอยู่การทำทัวร์สลัมอย่างนี้สามารถสร้างความขัดแย้งได้ แต่ก็พร้อมจะรับผิดชอบ ทัวร์ของเขาเป็นทัวร์ให้ความรู้เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสลัมและสร้างภาพพจน์ใหม่ๆ ให้กับสลัม ทัวร์ของพวกเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในพื้นที่ นักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเล็กๆ ไกด์ทัวร์ต้องเป็นคนในพื้นที่และมีการสนับสนุนให้มีการพูดคุยกับคนในพื้นที่ในระหว่างทัวร์
กริชนา เล่าว่า ลูกทัวร์คนแรกเป็นสาวจากออสเตรเลีย ซึ่งมาทัวร์เมื่อ 24 มกราคม 2549 เธอชอบทัวร์มากและเธอเปลี่ยนทัศนคติเก่าที่ว่า สลัมเป็นที่อันตราย เมื่องานมีอุปสรรค เขามักจะนึกถึงคำพูดของเธอในวันนั้น







