คารวะ ...ศิลปินอาจารย์ ชลูด นิ่มเสมอ

คารวะ ...ศิลปินอาจารย์ ชลูด นิ่มเสมอ

อาจารย์ชลูดเป็นหนึ่งในศิษย์รักและศิษย์เอกของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ประติมากรจากอิตาลีผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากรและวางรากฐานการศึกษาศิลปะ

ลูกศิษย์อาจารย์ศิลป์ พีระศรี

                อาจารย์ชลูด นิ่มเสมอ จบการศึกษาจากโรงเรียนเพาะช่างแล้วเข้ามาเป็นนักศึกษาที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากรในปี 2493 อาจารย์ชลูดเป็นหนึ่งในศิษย์รักและศิษย์เอกของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ประติมากรจากอิตาลีผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากรและวางรากฐานการศึกษาศิลปะสมัยใหม่ในไทย เหตุที่เป็นศิษย์รักและศิษย์เอกเพราะอาจารย์ชลูดเก่ง ขยันและรักศิลปะ อาจารย์ชลูดมักจะเล่าอย่างนี้เสมอ...เพราะอาจารย์ศิลป์รักศิลปะมาก ดังนั้นท่านก็จะรักลูกศิษย์คนเก่งที่ขยันและรักศิลปะ

จิตรกรรมภาพชีวิตไทย

                ในช่วงปลายทศวรรษ 2490 อาจารย์ชลูดเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการทำจิตรกรรมแนวใหม่ที่ผสมผสานระหว่างแนวประเพณีแบบจิตรกรรมฝาผนังไทยประเพณีกับจิตรกรรมสมัยใหม่ที่เน้นความเรียบง่ายและเรื่องราวในชีวิตประจำวันของคนธรรมดาสามัญ ผลงานเหล่านี้ส่งอิทธิพลให้กับวงการศิลปะในขณะนั้นเป็นอย่างมาก อาจารย์ชลูดเป็นศิลปินสมัยใหม่คนแรกที่นำเอาเทคนิคการปิดทองคำเปลวลงบนจิตรกรรมแบบงานไทยประเพณีมาใช้ในงานสมัยใหม่ ซึ่งต่อมาได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ผลงานที่ถือว่าเป็นชิ้นครูชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะสมัยใหม่ไทยคือภาพ สงกรานต์ ปี 2498

ศิลปินชั้นเยี่ยมและศิลปินแห่งชาติ

                อาจารย์ชลูดสร้างชื่อเสียงจากการส่งผลงานเข้าประกวดในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ เมื่อชนะรางวัลจนถึงเกณฑ์สูงสุดของการประกวด ในปี 2502 ท่านได้รับการยกย่องให้เป็น “ศิลปินชั้นเยี่ยม” สาขาจิตรกรรม หลังจากนั้นอาจารย์ชลูดก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นกรรมการตัดสินรางวัลให้กับการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ และเวทีการประกวดอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามมาอีกหลายงาน เช่น จิตรกรรมบัวหลวง ที่จัดโดยธนาคารกรุงเทพและอื่นๆอีกมากมาย อาจารย์ชลูดทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินการประกวดศิลปกรรมต่างๆ มาอย่างยาวนาน ท่านเพิ่งจะยุติบทบาทดังกล่าวไปไม่นานเนื่องจากปัญหาทางด้านสุขภาพ

                ทางด้านงานสอนในมหาวิทยาลัยศิลปากร อาจารย์ชลูดเข้ารับราชการสอนในคณะจิตรกรรมฯ ตั้งแต่ปี 2498 จนกระทั่งปี 2532 ปีสุดท้ายของการรับราชการ ท่านสร้างผลงานศิลปะและงานวิชาการจนได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ สาขาทัศนศิลป์ คนแรกของประเทศไทย ครั้นในปี 2541 อาจารย์ชลูดได้รับการยกย่องให้เป็น “ศิลปินแห่งชาติ” สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) และต่อมาได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศิลปากรถึงสองครั้ง

ภาพพิมพ์

                แม้ว่าศิลปะสาขาภาพพิมพ์ในไทยจะกำเนิดขึ้นในโรงเรียนเพาะช่างและต่อมาในมหาวิทยาลัยศิลปากรยุคที่ศาสตราจารย์ศิลป์เป็นคณบดี แต่อาจารย์ชลูดเป็นผู้ที่ได้บุกเบิกสร้างหลักสูตรและผลักดันจนทำให้เกิดสาขาวิชาภาพพิมพ์ขึ้นในคณะจิตรกรรมฯ เมื่อปี 2508 ซึ่งสื่อหรือเทคนิคดังกล่าวเมื่อได้รับการกระตุ้นและผลักดันให้นักศึกษาสามารถเลือกเรียนเป็นวิชาเอกและทำศิลปนิพนธ์ในสาขาดังกล่าวได้ ทำให้ศิลปะในสาขานี้ได้รับการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ภาพพิมพ์ในปลายทศวรรษ 2500 และทศวรรษ 2510 ได้เป็นหนึ่งในสื่อยอดนิยมของเหล่าศิลปินนามธรรม ลูกศิษย์สาขาภาพพิมพ์ของอาจารย์ชลูดหลายต่อหลายคนได้กลายเป็นศิลปินภาพพิมพ์ที่ยิ่งใหญ่ เช่น ทวน ธีระพิจิตร, อิทธิพล ตั้งโฉลก, เดชา วราชุน, พิษณุ ศุภนิมิตร และถาวร โกอุดมวิทย์

รื้อฟื้นไทยประเพณี

                ในปี 2519 อาจารย์ชลูดสร้างนวัตกรรมใหม่ทางการศึกษาศิลปะอีกครั้ง ท่านได้ก่อตั้งสาขาวิชาศิลปไทย เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้เน้นไปที่เทคนิคหรือสื่อแบบสาขาจิตรกรรม สาขาประติมากรรมและสาขาภาพพิมพ์อีกต่อไป แต่จุดเน้นกลับไปอยู่ที่ “แนวทาง” หรือ “รูปแบบ” ที่มีลักษณะไทย ผลผลิตที่ยิ่งใหญ่คือการสร้างกระแสการรื้อฟื้นไทยประเพณีในหลายมิติอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ผลผลิตที่น่าภาคภูมิใจตั้งแต่รุ่นที่ 1 คือลูกศิษย์ที่ชื่อ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และรุ่นที่ 2 ที่มี ปัญญา วิจินธนสาร เป็นดาวเด่น

คอนเซ็ปชวลแบบไทยๆ

                ในช่วงกลางทศวรรษ 2520 อาจารย์ชลูดได้ทดลองทำงานในแนวใหม่อย่างแนวคอนเซ็ปชวล (conceptual art) ที่มีทั้งการใช้วัสดุสำเร็จรูป (readymade objects) วัสดุเก็บตก (found objects) และร่างกายของตนเองมาเป็นสื่อในการทำงานศิลปะในพื้นที่กลางแจ้งที่ไม่ใช่หอศิลป์ แม้ว่าจะไม่ใช่ศิลปินไทยคนแรกที่ทำงานในแนวนี้ แต่นวัตกรรมใหม่ที่อาจารย์ชลูดบุกเบิกเป็นคนแรกๆคือ การนำเอาวัสดุพื้นบ้านไทยและเรื่องราวไทยๆแบบชนบทมาผสมผสานกับศิลปะแนวคอนเซ็ปชวล ซึ่งต่อมาในทศวรรษ 2530 ศิลปินดังระดับโลกอย่างมณเฑียร บุญมา (ในช่วงทศวรรษดังกล่าวมณเฑียรศึกษาในระดับปริญญาโทโดยมีอาจารย์ชลูดเป็นที่ปรึกษา) ได้พัฒนาต่อยอดการสร้างงานคอนเซ็ปชวลที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชนบทไทยจนกลายศิลปินที่บุกเบิกศิลปะจัดวาง (installation art) คนสำคัญของไทย

ศิลปินอาจารย์

            อาจารย์ชลูด นิ่มเสมอ เป็นทั้งศิลปินและอาจารย์ นอกจากความรู้ที่ได้ถ่ายทอดในขณะที่สอนและความรู้ที่อยู่ใน “องค์ประกอบของศิลปะ” หนังสือเล่มสำคัญของนักศึกษาศิลปะและศิลปิน (เขียนเมื่อปี 2531) สิ่งที่อาจารย์ชลูดสอนให้ลูกศิษย์ได้อย่างได้ผลมากที่สุดคือ การเป็นแรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินและการเป็นตัวอย่างของผู้ที่รักและอุทิศตนให้แก่ศิลปะ

ลูกศิษย์ทุกคนของอาจารย์ชลูดยืนยันได้ตรงกันว่า ศิษย์รักและศิษย์เอกของอาจารย์ชลูดคือลูกศิษย์คนเก่งที่ขยันและรักศิลปะเท่านั้น...รสนิยมเดียวกันกับศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีเลยทีเดียว

ศาสตราจารย์ชลูด นิ่มเสมอ เกิดเมื่อปี 2472 และถึงแก่กรรมเมื่อตอนเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2558 ในวัย 86 ปี