ปาร์ตี้ ดนตรี อีดีเอ็ม

ปาร์ตี้ ดนตรี อีดีเอ็ม

ว่ากันว่า มันคือ ป๊อปมิวสิค ของคนหนุ่มสาวยุคนี้ จุดประกาย สำรวจ ปรากฏการณ์ ปาร์ตี้ดนตรีนี้ มันคืออะไร

คำว่า EDM หรือ Electronic Dance Music ที่เริ่มแพร่หลายในกระแสคนฟังเพลง รวมถึงการจัดงานแสดงสด ในรูปแบบเฟสติวัล มีคนแห่แหนกันไปปาร์ตี้ร่วมกันกลางแจ้งมากมาย และมีงานจัดกันต่อเนื่องหลายงานในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา  และว่ากันว่า มันคือ ป๊อปมิวสิค ของคนหนุ่มสาวยุคนี้ จุดประกายสำรวจ ปรากฏการณ์ ปาร์ตี้ดนตรีนี้ มันคืออะไร

“EDM มันตื๊ดกว่า กอดคอเต้นรำ มันส์เป็นหลักน่ะ และมันเป็นอิเลคทรอนิกส์มากกว่า ไม่ได้เป็นเพลงที่เราต้องเรียนเต้นรำเป็นจังหวะ และมันมาฮิตและมันเป็นกระแสทั่วโลก” หัทยา วงษ์กระจ่าง ดีเจที่คร่ำหวอด และเป็นผู้บริหารคลื่นวิทยุในปัจจุบัน ได้ให้ความเห็นต่อกระแส EDM ที่กำลังฮิตไปทั่วโลกว่า

“จริงๆ จะบอกว่า มันมีมานานแล้วนะ มันก็เหมือน แดนซ์เฟสติวัล มันก็เลยดัง ที่ Tomorrowland Festival ที่เมืองบูม เบลเยี่ยม มีมาตั้งแต่ปี 2008 และดังมาก ตั๋วเข้าชมต้องจองข้ามปีเลยนะ ส่วนงานเฟสติวัลที่เข้ามาเมืองไทย เท่าที่เห็นคือมันเป็นการผสมผสานกัน ดนตรีที่เป็นไทยบ้าง และมีเมืองนอกบ้าง กระแสมาค่อนข้างจะเร็ว เหมือนสมัยก่อนเรามีดิสโก้ในเธค แล้วก็มายุคแดนซ์เฟสติวัล เป็นดนตรีเต้นรำของแต่ละยุค”

 ขณะที่ กระแสเฟสติวัลมาไทย เกิดขึ้นมากมายนั้น หัทยามองว่า มาตามกระแสทั่วโลก “การอิมพอร์ตจากต่างประเทศ มันใช้เครื่องมือไม่มากเท่าวง แม้จะมีแสงสีเสียงทางเมืองไทยก็มีอยู่แล้วครึ่งหนึ่ง ก็จัดได้ไม่ยาก และสนุกก็เลยฮิต สมัยก่อน อย่าง ดีเจ ก็ราคาไม่แพงการนำเข้าก็จะง่าย เมื่อเทียบกับการนำเข้าวงดนตรีร็อคนะ” หัทยา ว่า และมองถึงจุดเด่นที่ทำให้คนดูรุ่นใหม่ติดใจ

“คือมันไม่ใช่เทศกาลดนตรี มันกลายเป็น เทศกาลแห่งความสนุกสนาน เป็นอีเลคทรอนิกศ์แดนซ์มิวสิค เป็นวิธีการผสมผสานเพลงเข้าด้วยกัน อิมพอร์ตไม่ยาก ทางเรามีแสงสีเสียง ที่จะประกอบสร้างได้ไม่ยาก จึงเห็นคนจัดเยอะ อย่าง กฤษฎ์ (จัด Maya Festival เมื่อเดือนมีนาคม) และ วูดดี้ (S20 Festival ช่วงสงกรานต์) และก่อนหน้านั้นก็มี Ultra Festival มี 808 Festival มี Together Festival คิดว่า แนวอิเลคทรอนิกส์มีมานานแล้ว มันค่อยๆซึม และคนไทยเริ่มคุ้น EDM เป็นคำศัพท์ใหม่ๆ แม้จะมีมานานแล้ว เดี๋ยวนี้ค่าตัวอีดีเอ็มสูงมาก บางคนออกอัลบั้ม อย่าง เดวิด เกตตา อัชเชอร์ และฮาร์ดเวลล์ อย่าง กังนัมสไตล์ เป็นกึ่ง อีดีเอ็มนะ ทางเกาหลีมันใส่ เนื้อร้องติดหู และท่าเต้น” หัทยา อธิบาย

เจ มณฑล จิรา แห่ง Samutprakarn Sound ที่ผ่านงานผลิตดนตรีอิเลคทรอนิกส์ รวมถึงการเป็นมิวสิคัลไดเรคเตอร์ของเทศกาลดนตรีมาพอสมควร ได้ให้ความเห็นต่อปรากฏการณ์นี้ว่า

เฟสติวัลดนตรีอิเลคทรอนิกส์ มีมาตั้งแต่ยุค 80s จนถึงปัจจุบันในยุโรปและอเมริกา แต่อาจเป็นแค่อันเดอร์กราวน์ ขณะที่ EDM ไม่ใช่เลย

“เด็กๆทุกคนอยากไป การเสพดนตรีอีดีเอ็มมันแมสมากเพราะมันเป็นป๊อปมิวสิคแล้ว มันง่ายมาก มันรับประกันว่าสนุกแน่ ไม่ต้องรอให้อยู่ในที่ๆ ใช่หรือจังหวะหรืออารมณ์ที่ใช่จึงจะสนุก พูดได้เลยว่า 99 เปอร์เซนต์ฟังอีดีเอ็มแล้วสนุกได้เลย โดยเฉพาะคนที่เล่นยาด้วย”

“ความง่ายของเพลงคือ format มันมี extreme section มันมี จังหวะขึ้นลง มันมี ท่อนฮุคที่เพลงป๊อปมี สรุปมันมีทุกอย่างที่คนที่อยู่สภาวะ(ปาร์ตี้)ต้องการเลยล่ะ ไม่แปลกใจที่มันจะเป็นแมส” เจ มณฑล อธิบาย "มีพาร์ทในเพลงที่คนฟังจะจำได้และคุ้น เช่นเฮ่ย นี่มันเพลงของแคธี่ เพอรี่นี่ คุ้นแฮะ เย้และมีพาร์ทที่เป็น aggressive ให้ระเบิดอารมณ์ปลดปล่อยได้สุดๆ มีไพโรเทคนิค มีไฟ มีแสงสี สองชั่วโมงในปาร์ตี้ในนั้นมันมีจังหวะขึ้นๆ ลงๆ ให้เขาพักให้เขาเต้น ให้เขาร้องตามได้ ไปเรื่อยทั้งคืน สำหรับแฟนๆ มันคงสนุกมาก”

เทียบกับ แดนซ์อิเลคทรอนิกา ของยุค 90s แล้ว เจ มณฑล บอกว่า EDM ก็คือ ป๊อปมิวสิคของวันนี้ เหมือนวัยรุ่นยุคโน้นที่ฟัง Nirvana (วงกรันจ์ร็อค) ที่มีเพลงดังขึ้นมา ซาวนด์แปลกใหม่ คนก็ตามไปดู และทุกวันนี้ ดีเจที่เล่นอีดีเอ็มเขาก็รีเพลย์เพลงที่คนคุ้นเคย มีโปรดักชั่นใหญ่ๆ อลังการ" 

“พอคนเยอะ ทุกคนสนุก ปลดปล่อย ทุกคนปลดปล่อยกันได้”

แต่ดนตรีร็อคหรือคอนเสิร์ตร็อคก็ได้อารมณ์มันส์ไม่ใช่หรือเจ อธิบายความต่างว่า

“ถ้าพูดในทางเทคนิคนะ ฟรีเควนซี เรนจ์ ของอีดีเอ็ม มันได้มากกว่า ร็อคมิวสิค เพราะมันเป็นดนตรีที่เขาทำมาเพื่อขยับโคนลำพัง ซับเบส มันต่ำ จากเสียงเบาๆ ไปเสียงดังเลย ซึ่งนั่นมันยากสำหรับวงดนตรีสดที่เล่นสด แต่ย่านเสียงของอีดีเอ็มมันคอนโทรลได้มากกว่า ย่านเสียงต่ำมันต่ำได้มากกว่า”

สมเกียรติ อริยะชัยพานิชย์ หรือ สมเกียรติ ซี-มิกซ์ ศิลปินโปรดิวเซอร์ ที่ทำให้เพลงสไตล์รีมิกซ์และบีตดนตรีแดนซ์ป๊อปด้วยเสียงสังเคราะห์อยู่ในตลาดกระแสเพลงหลักของไทย ในยุคค่ายเบเกอรี่ มิวสิค ให้ความเห็นต่อสถานะใหม่ว่า

“มันเป็นดนตรีที่คนชอบจึงต้องไปที่นั่น เขาไปเพราะเขาชอบ และดีเจที่ทำเพลงเขาก็จงใจจะดึงคนมาหาเขา เช่น ออกเพลงไปสองเพลง เพื่อจะต่อกระแสปาร์ตี้ และเป็นเพลงที่เด็กๆ สมัยนี้ฟัง และเสียงมันดีมาก”

“มันเป็นดนตรีโชว์เสียง เครื่องเสียง เทคโนโลยี และในเมื่อมันเป็นปาร์ตี้ สีสันพร้อมคนจัดพร้อม และดีเจอีดีเอ็มเป็นคนดัง และพูดกับผู้ชมด้วย และมีไซด์คิก เป็นคนข้างๆที่คอยบิวต์คนฟังด้วย”

“มันเป็นซาวนด์ที่ครีเอทขึ้นมาให้ได้แอคทิวิตี้ตรงนี้(ปาร์ตี้) และมีเทคโนโลยีมีคนฟัง คนไปฟัง ช่วงปี 2008 มันเริ่มดังทียุโรปแล้ว และมาถึงอเมริกาปี 2011 ต่อมาด้วยเมืองไทยปีนี้มาแล้ว” สมเกียรติบอก และวิเคราะห์ดนตรีอีดีเอ็มว่า “ฟังๆแล้วมันจะมีท่อนไลท์และท่อนดรอป ที่มันจะท่อนปล่อยเสียงตื๊ดๆๆๆ ลากยาว เพื่อจะกลับมาใหม่ ซึ่งเมื่อก่อนดีเจจะไม่ทิ้งยาวแบบนั้น”

จูน-อนันต์ธนา เลไพจิตร คอเพลง EDM พูดถึงแนวดนตรีนี้ว่า มันเป็นร่มดนตรีใหญ่ที่มีแนวแยกย่อยไป และมีมานานพอสมควร แต่มันเป็นแมสมากขึ้น ในยุคที่เพลงอย่าง Summer โดยศิลปินดีเจ Calvin Harris และ เพลง Heroes ของ Alesso ดังทะลุมิติของนักฟังเฉพาะกลุ่ม

 และ จูน อนันต์ธนาในฐานะคนทำงานในแวดวงจัดอีเวนต์ เผยถึงประสบการณ์ส่วนตัว ที่ติดตามงาน EDM มาก่อนที่กระแสในเมืองไทยกับเฟสติวัลใหญ่ๆมาถึง บอกว่า “กระแสเฟสติวัลที่เกิดขึ้น บอกได้เลยว่าปี 58 เป็นปีทองของเฟสติวัลแนวนี้มากสำหรับเมืองไทย และที่มันฮิตเพราะ ลักษณะมันจะเป็นงานแบบ เพื่อนชวนเพื่อน ไปงานปาร์ตี้ พอไปแล้วมันโคตรมันเลย คนก็เลยยิ่งแห่กันไป และที่มันฮิตเพราะเพื่อนชวนเพื่อนก้อจริงค่ะ แนวเพลงที่ฟังง่ายขึ้น mass ขึ้น ทำให้จับต้องได้ง่าย ฟังง่าย คนก้อติดเพลงแนวนี้ได้ไม่ยากเหมือนแต่ก่อน”

จูน เชื่อว่า งานเฟสติวัล Waterzonic ที่สนามรัชมังคลา รามคำแหง เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จัดโดยคนไทยเองแบบไม่เป็นแฟรนไชส์เทศกาลใด นั้น เป็นจุดเริ่มของเฟสติวัลในสเกลที่มีคนนับหมื่น

และมีการบิวต์กระแส” และ การบิวต์อารมณ์ ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากในยุคของ ชุมชนไซเบอร์

 “ที่บอกว่า คนรุ่น Gen Me แห่กันมางานนี้ ก็ไม่แปลกเพราะ มันมีคอมมิวตี้ของคนที่สนใจปาร์ตี้ สนใจดนตรีแนวนี้ ไปแชร์กันในยูทูปในเฟสบุค ในหน้าแฟนเพจต่างๆ และคนรุ่นนี้เขารู้สึกว่า เขาจะตกเทรนด์ไม่ได้ ยังไงก็ต้องมา(งาน)ถ่ายรูป มาแชร์ มาเป็นส่วนหนึ่งของกระแสเขาก็มีความสุขแล้ว และมันจะต่อไปถึงคนที่สนใจไปฟังเพลงแนวนี้จริงๆมากกว่าแค่ตื๊ดๆ”

จูนยังให้ข้อสังเกตุ ในแง่ ของ การเสพดนตรี ว่า เฟสติวัลอีดีเอ็ม ทำให้คนเปลี่ยนโฟกัสจาก แค่ฟังเพลง ฟังศิลปินหรือแค่ไปคอนเสิร์ตมาเป็น การเสพโปรดักชั่น

สมเกียรติ  ก็มีความเห็นในเรื่องนี้เช่นกัน “ระบบเสียงที่มันสุดๆ มันเป็นเรื่องเทคโนโลยี มีแสงสีมากมาย มันเต็มที่ คนไปกันเยอะๆ นั่นละคือคำตอบ”

“มันหลายอย่างที่เราอภิเชท (appreciate) ได้ ไม่ว่าจะ production, lighting, sound system, mass system, advertisement, venue, ความสะดวกสบายของการซื้อเบียร์, line-up”  พนาคม สันตยานนท์ หรือ ฮิป แฟนเพลงอีดีเอ็มวัย 23 ที่ให้ความเห็นกับ “จุดประกาย” ว่า การเสพดนตรีในยุคดิจิทัลกับแนวที่ดูเหมือนจะเป็นเทรนด์ของยุคนี้

ฮิป เล่าถึง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดนตรีเสียงตื๊ดนี้ว่า “เอาจากเริ่มก่อน เมื่อก่อนเริ่มฟังจาก ferry corsten, tarmo vannes, armin, tiesto ยุค trance เริ่มเพราะ พี่สาวเค้าอินก่อน เค้ามีแฟนเป็นดีเจ แล้วก็เริ่มเล่น turntable เราก็ฟังเพลย์ลิสต์เดียวกับพี่ ตอนเริ่มฟังก็พวกนั้นเลย 132bpm และtechno บ้าง ผมเริ่มมาอิน ตอน มหาลัย เริ่มฟัง lounge พวก hotel cotes แนว electro funk เมื่อก่อนโหลด จาก beatport มา แต่ตอนนี้หันมาฟัง internet radio เช่น 8tracks, soundcloud, mixcloud ส่วน iTunes จะมีแต่เพลงเก่าๆ”

ขณะที่ประสบการณ์ในงานคอนเสิร์ตแนวนี้ ครั้งแรก ฮิปบอกว่า เป็นการได้ไปงานสดของศิลปินดีเจชื่อดังอย่าง เดดเมาส์ “ครั้งแรกเลย deadmau5 ครั้งที่มาครั้งแรก moonstar studio รู้สึกมันล้ำมาก แบบ futuristic ชอบ production มากพอๆกับ เพลง”

ฮิป เป็นหนึ่งในคอเพลงที่เน้นฟังและเน้นปาร์ตี้ โดยเฉพาะเฟสติวัลในเมืองไทย และมองว่าความฮิตมาจาก คนไทยเริ่มเข้าถึงดนตรีแนวนี้มากขึ้น แม้ว่าบัตรเข้างานจะค่อนข้างสูง แต่แฟนตัวจริงบอกว่า “คิดว่าบัตรไม่แพง แล้วคุ้มเพราะ งานนึงได้ดูหลายดีเจนะ” และแน่นอนเขายังต้องการฟังซ้ำและดูซ้ำกับศิลปินอีดีเอ็มอีกหลายคนที่ยังไม่มาเมืองไทย

มันก็คือการรวมตัว ซึ่งวัยรุ่นทุกยุค มันก็ต้องการแนวนี้อยู่แล้ว เมื่อก่อนก็ไปรวมตัวที่เทศกาลร็อค ตอนนี้ก็คืออีดีเอ็มเจ มณฑล ให้ความเห็น