คนคุมคิว 'คาราบาว' ชุมพล ฉุยฉาย

เบื้องลึกของการทัวร์แบบไม่สิ้นสุดของวงดนตรีประวัติศาสตร์ของไทย กับบทเรียนระดับ Best Practice ที่ต้องยกนิ้วให้
ในยุคที่วงการดนตรีเปลี่ยนไป รายได้หลักของอาชีพศิลปินนักร้องนักดนตรี มาจากการเดินสายแสดงสด ไม่ว่าจะเป็นวงดังระดับแนวหน้า หรือศิลปินเกิดใหม่ และหนึ่งในคิวงานที่แทบไม่มีว่างเว้น ว่ากันว่า วงนี้มีคิวเล่นสดกันเกือบทุกวัน นั่นคือ วงดนตรีที่มีอายุ 30 ปี มีเพลงดังคุ้นหูคนไทยทุกหัวระแหง อย่าง คาราบาว นั่นเอง
"ตอนนี้ สิ่งที่เป็นหม้อข้าวดูแลกระดูกสันหลังของศิลปินทุกคนได้นะ ก็คือโชว์ " ชุมพล ฉุยฉาย หรือ ไก่ ในฐานะผู้จัดการคิวทัวร์คอนเสิร์ตวง คาราบาว และพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ได้เผยถึงเบื้องลึกของธุรกิจดนตรีเดินสาย ที่เคยถูกปรามาสเมื่อสิบปีก่อน ว่าเป็นการทำงานที่อาจจะไม่ยั่งยืน ทว่าวันนี้ ได้สะท้อนให้เห็นการยืนหยัดของวงคาราบาว ในวิถีดนตรีสด "เข้าถึงทุกบ้าน" ทั่วไทย แม้ภาวะธุรกิจดนตรีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากผลกระทบของเทคโนโลยี และพฤติกรรมคนฟังเพลงที่เปลี่ยนไป
ยุคนี้เป็นยุคที่ศิลปินต้องกลับมาพึ่งงาน "โชว์" เดินสายแสดงสด ซึ่งดูจะเป็นทางรอดทางเดียวไปแล้วหรือเปล่า คนฟังไม่ซื้อแผ่นเพลงแล้ว?
ก็ใช่ พอโจทย์บ้านเรามันเป็นอย่างนี้เสร็จปุ๊บ มันก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิด วิธีอะไรทั้งหมด จากเคยดาวน์โหลดดิจิทัล ดาวน์โหลดริงโทน มันก็ตายไปหมดแล้วตอนนี้ ทุกอย่างตอนนี้ คือถามว่าพวกสื่อดิจิทัลก็คงจะเหลือประปราย แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่เป็นหม้อข้าวดูแลกระดูกสันหลังของศิลปินทุกคนได้นะ ก็คือโชว์ คือเรื่องโชว์เท่านั้นที่สามารถมาเลี้ยงดูจุนเจือภายในของแต่ละองค์กร โชว์ตอนนี้มันเรื่องของโชว์เป็นหลัก ยกตัวอย่างอย่าง คาราบาว เมื่อสมัยสัก 10 ปีที่แล้ว คาราบาวเป็นผู้นำในเรื่องพวกนี้เป็นวงแรกนะ คือ เมื่อก่อนคนก็บอกว่าคาราบาวเดิน(สาย) มากเกินก็จะช้ำ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ไป(ก็จะหมดงานจ้าง)แล้ว ทั้งที่ว่า ตอนนี้ คาราบาวทำ(งาน)ลักษณะอย่างนี้มาเป็นเวลาสิบๆ ปีแล้ว แล้วถามว่าทุกวันนี้ ทำไมคาราบาวก็ยังยืนหยัดเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศไทยล่ะ
นั่นสิ คำถาม คือ ทำไม (จึงยืนหยัดได้)?
ก็เพราะว่า หนึ่ง เราจริงๆ แล้ว พูดกันตรงๆ ว่าเราไม่ได้มองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ว่าการที่ เรา (ทีมงานคาราบาว) จะเดินเหิน (เดินสายและทำธุรกิจดนตรี)กันอยู่อย่างนี้มันจะเป็นผลเสียหรือผลดี เพราะฉะนั้น มันยังมองไม่ออกอ่ะ แต่แค่ว่า คาราบาว มันเป็นองค์กรใหญ่ แฟนเพลงทั่วประเทศ มันมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเยอะ ซึ่งนโยบายที่ว่าเรากับพี่แอ๊ด (ยืนยง โอภากุล) คิดกันไว้ก็คือ เราต้องออกไปหาลูกค้า คือลูกค้าเขาไม่มีโอกาสมาหาเรา แต่ว่าเราสามารถไปหาลูกค้าได้ เพราะฉะนั้นเหมือนกับว่าไปพบท่านถึงบ้าน ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านๆ ก็คือ ไปพบกับลูกค้าถึงบ้านเลย นั่นแหละคือจุดเริ่มต้น แต่ถามว่ามันมาเข้ากับประเด็นนี้ได้ยังไง ที่มาเข้าประเด็นนี้ก็คือเรื่องวงการเพลงบ้านเรามันโดนแทรกแซงจากธุรกิจทาง...(จุดจุดจุด) เขาเรียก ธุรกิจที่ไม่ชัดเจนอ่ะ เราใช้คำนี้เลี่ยงๆ เอานะ
ธุรกิจที่ไม่ชัดเจน เช่นอะไร?
ก็อย่างพวกเทปผีซีดีปลอมทั้งหลายนี่แหละ คือสิ่งพวกนี้เป็นการทำลายวงการเพลงบ้านเราให้ตกต่ำจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นตรงนี้สิ่งที่พวกเราทำมา (เดินสายเล่นสด) เมื่อสิบปีที่แล้ว มันเลยได้ผลจนถึงทุกวันนี้ไง แล้วตอนนี้วงอื่นต่อๆไป เขาก็เริ่มทำตามเหมือนที่คาราบาวเดินอยู่ เหมือนคาราบาวเป็นแม่แบบให้กับทุกๆวง
ทุกวันนี้ไม่มีวงไหนที่ไม่รับงานหรอก จากเมื่อก่อนนี้พอหน้าแล้งรับงาน พอหน้าฝนหยุด ทำอัลบัมเพื่อที่จะออกไปหน้าแล้งใหม่ แล้วประกอบกับเมื่อสมัยก่อน ไม่มีผับไม่มีร้านที่สามารถจะให้เราไปหลบฝนได้ เพราะฉะนั้นมันเลยต้องใช้เวลานั้นฆ่าเวลาเพื่อทำอัลบัมขึ้นมาใหม่ แต่ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไป เมื่อมันมีผับมีอะไรขึ้นมาทดแทน ไม่จำเป็นต้องหยุดแล้ว หน้าฝนก็เล่นได้ พอหน้าฝนเราก็หลบเข้าร้านซะ หลบเข้าผับซะ แต่ถ้าเวลาหน้าแล้งก็เป็นเรื่องงานปกติทั่วไปที่ว่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานวัดงานอีเว้นท์(กลางแจ้ง)ทั้งหลายแหล่ สิ่งตรงนี้ คาราบาวเป็นผู้ริเริ่มนำร่องขึ้นมา มันก็เลยมาเข้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวงการเพลงบ้านเราทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น(งานศิลปิน)ต้องว่ากันด้วยโชว์ การโชว์ของศิลปินรับจ้างโชว์ต่างๆ เงื่อนไขก็ว่ากันไปตามแต่ละวงใครวงมัน ในส่วนที่พี่เมเนจอยู่ วงคาราบาว ผมก็มีวิธีการของผม (เช่น) ผมทำยังไง จึงจะได้ลูกค้า ได้งานเข้ามาให้วง สำหรับคาราบาวเนี่ยในหนึ่งปี 365 วัน คาราบาว มี 370 กว่าโชว์นะ เคยได้ยินมาใช่ไหมล่ะ
อันนี้เป็นที่เลื่องลือมาก?
แล้วมีวงเดียวด้วย(ที่ทำอย่างนั้น) กล้าพูดเลย แล้วเพราะอะไร เพราะสิ่งที่ผมต้องแมเนจ(Manage)ไง คือ หนึ่ง (ตาราง)เวลาการเล่น สอง พี่แอ๊ด พี่เล็ก พี่รี่(เทียรี่) ตัวศิลปินของคาราบาวทั้งหมดมีความรับผิดชอบทั้งนั้น สิ่งตรงนี้สำคัญ แล้วอีกอย่างถามว่า ประเด็นที่น้องถามทีแรกขึ้นมา คือเรื่องการแพ็คหรืออะไร ตรงนี้ในปีนี้เดี๋ยวผมก็ต้องเริ่มทำแล้ว โดยทางคุณบอย ซึ่งเป็นผู้บริหารวอร์นเนอร์ มิวสิค ไทยแลนด์ คนปัจจุบัน กับทีมงานวอร์นเนอร์ จะมาทำด้วยกัน
ก่อนที่จะมีเริ่มนโยบายแพ็คเกจ คุณจัดการรับงานของคาราบาวยังไงคะ แบ่งเกณฑ์งานไปเลย หรือว่า เป็นจัดคิวตามช่วงเทศกาล ?
ผมจะดูเนื้องานเป็นหลักก่อน เนื้องานมันจะเป็นตัวกำหนดเรื่องราคาค่างวด เท่าไหร่ก็ว่าไป แต่ถามว่าโดยพื้นๆสแตนดาร์ด(Standard)ทั่วไป ของผมก็มีราคาของผมอยู่ เขาเรียกว่าสัมผัสได้ทุกชนชั้น ไม่ว่าชนชั้นล่าง ชนชั้นกลาง ชนชั้นสูง ของผมนี่ถือว่าสัมผัสได้ทุกชนชั้น ราคาของผมก็จะมีสแตนดาร์ดของผมไว้ในราคาเท่านี้ เท่านี้ เท่านี้ อธิบายว่าอย่างนี้ดีกว่านะ ว่าสิ่งที่ทางคาราบาวไม่เคยเอาเปรียบคนดูเลย คือเรื่องเวลาการโชว์ เวลาการแสดง โชว์สองชั่วโมงเต็มทุกงาน ยกเว้นบางงานเจ้าภาพเขากำหนดรีเควสว่าแค่ชั่วโมงเดียวนะ นั่นก็คือเราต้องเล่นตามโจทย์ที่ทางเจ้าภาพเขากำหนดให้
ส่วนใหญ่ งานเล่นชั่วโมงเดียว จะเป็นงานอะไร?
งานอีเว้นท์ทั่วๆไป งานเลี้ยงบริษัท งานเลี้ยงลูกค้าแล้วแต่ตัวสินค้า
เส้นทางการเดินสายทัวร์ของคาราบาวล่ะ คุณกำหนดยังไง 370 โชว์ ใน 365 วัน ไปยังไง?
365 วันนี่ เริ่มต้นผมก็รับเรื่อยเปื่อยของผมไปก่อน คือ ตั้งแต่เดือนมกราไปเลย อย่างสมมตินะ ปีนี้ ปี 58 ผมก็ต้องเริ่มรับงานมาก่อนตั้งกะปี 57 แล้ว เพราะคาราบาวเป็นวงเดียวในประเทศไทยที่ต้องจองล่วงหน้า เป็นปีนะ ถ้าจองแค่เดือนเดียวสองเดือนไม่มีทางได้ตัว ยาก(ขอบอก) แล้วผมอาศัยว่า หางานจากสินค้าตัวอื่น มาแมเนจประกบ(ตาราง)ให้คิวมันลงตัว ผมจะไม่เน้นว่า เดือนนี้ต้องไปภาคกลาง เดือนนี้ไปภาคนี้ ไม่ใช่ คือ ทุกวันนี้งานมีตลอดทั้งปี ไม่สามารถที่จะไปกำหนดทิศทางของวง ว่าเดือนนี้จะไปภาคอีสาน เดือนกุมภาต้องไปภาคเหนือ เดือนมีนาต้องไปภาคใต้ไม่ใช่ มันอยู่ที่เราเป็นคนกำหนด
และสมมติเราจะรับงานภาคใต้ไว้ที่จังหวัดสงขลา เราจะคิดมาแล้วว่าแล้วเราจะเดินเหินอย่างไรต่อที่ไม่ใช่งานเดียวและโดดกลับ เราก็ต้องมาคิดต่อว่าเราจะหางานตรงไหน เรามีลูกค้าเรามีเพื่อนเรามีอะไรตรงไหนมันก็ต้องคิด แล้วอีกอย่างสิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ มันมีงานประจำปีทุกจังหวัด ทั่วประเทศเลย เราต้องจำให้แม่นว่าเดือนนี้มีงานจังหวัดไหน มกรามีจังหวัดไหน กุมภามีจังหวัดไหน วันไหนมีงาน ปีพี่จะจำได้หมดว่าอยู่ตรงไหน เราจะจัดวางได้
คุณบอกว่า ส่วนหนึ่งคือเราก็เข้าหาลูกค้าด้วย เราไม่ได้รอให้คนมาจองคิวอย่างเดียว?
ถูก ผมต้องรักษาพื้นที่ของผมไว้ ถามว่าชั่วโมงนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนตรงไหนรู้ไหม วงดนตรีเดี๋ยวนี้มันมีเยอะ วงดนตรีมันเกิดเยอะมาก เมื่อก่อนวงมันมีน้อย มันก็ทำงานง่าย แต่พอวงเยอะ เรา (คาราบาว)ในฐานะวงใหญ่เรือใหญ่มันก็ต้องกินน้ำลึก และก็ต้องมีวิธีการของเรา ถามว่าถ้าผมไม่ดิ้นรนขวนขวายนะ เดือนหนึ่ง มี(ลูกค้า)โทรมา(จองคิว) ไม่เกิน 6 งานหรอก
6 งานต่อ 1 เดือนก็ถือเยอะไหม?
สำหรับผมถือว่าน้อย แต่ที่ผมบอก ทำไมคาราบาวเล่นทุกวัน เล่นเหมือนวงประจำ เพราะสิ่งที่เราทำอยู่ อันนี้มันก็ต้องขอบคุณพวกน้องๆ ด้วย พวกโบรกเกอร์ (นายหน้าหาคิว) ที่เขาก็ช่วยเหลือเราในส่วนหนึ่ง แล้วก็ทางเจ้าภาพงานทั้งหลายแหล่ ที่เขาช่วยเหลือเรามาโดยตลอด คือคอนเนคชั่น(Connection) ไม่เคยทิ้งกัน ต้องเข้าใจคำว่าโบรคเกอร์ บ้านเราเนี่ย เขามีวงดนตรีอยู่ในมือไม่น้อยกว่า 20 วง อยู่ที่ว่า ณ ช่วงเวลานั้น เขาจะนำเสนอในอะไรยังไง แต่คาราบาว โชคดีคือ มันเป็นทั้งตัวเพลง เป็นตำนานนาน แล้วก็ตัวบุคคล(นักดนตรี)ก็เป็นตำนาน ที่ยังมีชีวิต การพรีเซนต์(Present)อะไรมันง่าย มันเป็นวงเดียวในประเทศไทยเลยนะผมว่า
สมาชิกวงยังแอคทีฟกันทุกคน?
พี่แอ๊ด (ยืนยง) ยังวิ่งอยู่เลย ออกกำลังกาย ถึงจะอายุ 60 แล้ว หกสิบก็ยังแจ๋วนะ
แล้วก็เรื่องการเดินทางของวงล่ะคะ?
เดินทางโดยรถยนต์ คาราบาวนี่น้อยครั้งจะบิน แทบไม่บินเลย ไปกันแบบบ้านๆ เลย คือ บุคลากรในวงมันมากเกิน คือ สมมติคาราบาวทั้งหมดในวงมันมี 25-26 ชีวิตอ่ะ แบบนี้ บินที สภาพปลวกเลยนะ เพราะฉะนั้นเราเลยเลือกวิธีการที่ว่าเราก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกับลูกค้าของเราด้วย เราก็ต้องรู้จักวางทริป(Trip) สมมติว่าทริปนี้น้องจ้างผมไปโชว์ขอนแก่นผมก็ต้องหางานในทางอีสานเพิ่มมาอีก 1-2 ที่ ออกไปทีก็ต้องมี 7-10 วัน เป็นแบบนี้ตลอด คือผมไม่สามารถวิ่งไปเล่นขอนแก่นปุ๊บแล้วพรุ่งนี้มากรุงเทพปุ๊บ แล้วมะรืนนี้ไปสงขลาผมทำไม่ได้ เราจะไม่เหมือนพวกลูกทุ่งและไม่เหมือนพวกวงสตริง (วงดนตรีป๊อป) คือ พวกนี้เขาจะขึ้นเครื่อง(บิน)เป็นหลัก แต่วงเพื่อชีวิตส่วนมากมันจะเดินทางกันเป็นคณะ แล้วอีกอย่างคือ เราไม่เคยไม่สร้างเงื่อนไขอะไรให้กับทางลูกค้ามาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าทั่วประเทศพึงพอใจในส่วนของวงเพื่อชีวิตทั้งหลาย ไม่เฉพาะคาราบาวเท่านั้นนะ
ทีมงานยี่สิบกว่าชีวิต รวมทุกคนในวง?
มีหลายหน้าที่ นอกเหนือจากเทคนิคเชี่ยน และคนขับรถก็มี คันใคร คันมัน คันของพี่แอ๊ดก็คนหนึ่ง คันของพี่เล็กก็คนหนึ่ง คันของพี่รี่ก็คนหนึ่ง ทั้งวงมีนักดนตรีมี 8 คนก็ มีรถ 8 คัน คนขับรถรวมกับนักดนตรี ก็เป็น 16 คน แล้วก็มีฝ่ายเสตจ (ทีมจัดเวที)อีก อย่างน้อยๆก็ 23 คนแล้ว เราขนอุปกรณ์พวกเครื่องทุกอย่าง แสงเสียงเวที เสียงพี่ก็มีซัพพลายเออร์(Supplier) ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ก็คือของเฮียอ้วน บอสเทค ไม่ทุกงาน แต่ 90% (ของงาน) จะต้องเป็นอย่างนี้ ในราคาแค่นี้ที่ผมกำหนดไว้ แต่ถ้าไปเจอแบบ งานเลี้ยงบริษัท เขาอาจจะมีซัพพลายเออร์ของเขาที่ทางพวกจัดอีเว้นท์ทั้งหลายทำไว้ เตรียมไว้ เราก็ไม่เป็นปัญหา คาราบาวเล่นได้ เราก็แค่เอาของเราไปบวกบางส่วน ราคาค่างวดก็ว่ากันไป ผมเป็นคนทำธุรกิจอ่ะ บางสิ่งบางอย่างถ้าเราจะต้องเสียไปกะอีแค่เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง มันเสียดาย เพราะฉะนั้นผมถึงบอก 'แมวสีไหนที่จับหนูได้' ผมเอาหมด แต่แค่ว่าเราก็แค่บอกสเปคเขาไป เราอาจจะขอพีเอ พวกมอนิเตอร์ พวกตู้กีตาร์ทั้งหลายเนี่ย ของเป็นสเกลอย่างนี้นะ อะไรแค่นี้ ทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่านักดนตรีทุกวงอ่ะไม่ว่าจะรุ่นใหม่รุ่นเก่าอยากเล่นเครื่องดีๆ แต่ต้องย้อนถามว่า ลูกค้าเขาจะสู้ราคาเราได้ไหม
จังหวะที่วงเล่น 370 ทัวร์ใน 365 วัน เป็นมากี่ปีแล้วคะ?
โอ้โห ลำพังที่ผมรับผิดชอบนะ 9 ปีแล้วคิวแน่นเอี๊ยด วันจันทร์อยู่ชัยภูมิ อังคารไปร้อยเอ็ด คิวยาวถึงธันวา บางที สองวันสองรอบ รอบแรกห้าโมงเช้าที่กำแพงเพชร ต่อรอบสี่ทุ่มอุตรดิตถ์ (ทำไมโหดจัง?) ไม่โหด เพราะว่าเราไม่สามารถปฏิเสธลูกค้าได้หรอก คาราบาวทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าไม่ได้พูดกันถึงเรื่องเงินแล้วนะ แต่ว่ามันเหมือนกับว่า เขาเรียกว่าเหมือนกับว่าย้อนรอยกลับไปว่าวันเวลามันก็ร่อยหรอลงทุกวัน อันไหนที่ทำแล้วเหมือนกับว่างานเพลงอยู่ตรงไหนก็จะไปพบคนฟังทุกที่
สมาชิกวงสามารถที่จะแอคทีฟตลอดเวลาได้ยังไง นี่คือสิ่งที่คนประหลาดใจ แม้แต่ศิลปินรุ่นใหม่เล่นสามวันครั้ง ร่างกายก็จะไม่ไหว?
รู้ไหมเพราะอะไร สิ่งที่คาราบาวยืนและทำอย่างนี้ได้ เพราะ ความรับผิดชอบ ความเป็นมืออาชีพ นักดนตรีเมื่อสมัยก่อน ไม่มีสื่อ ต้องดิ้นรนขนขวายด้วยตัวเองหมด อยู่มาถึงวันนี้ได้ทุกคน คือมันกลายเป็นตำนานหมดแล้วอ่ะ เด็กรุ่นใหม่มันแค่ว่า พอเห็นนาย ก. ดังแล้วอยากเป็นอย่างนาย ก. แต่พอมาเป็นแล้วก็ไม่รักษาความเป็นนั่นไว้ มันก็เลยไม่คงทน วงดนตรีสมัยใหม่เห็นไหมมันมาเร็วแล้วก็ไปเร็ว นี่แหละคือข้อเสียของเด็กรุ่นใหม่
อย่างคุณต้องดูแลวงในส่วนอื่นไหมคะ อย่างเช่นคือห้ามเจ็บห้ามตาย?
ในวงคาราบาวทั้งหมด ผมทำตั้งแต่สากะเบือยันเรือรบ แม้กระทั่งคิวส่วนตัวพี่แอ๊ด ผมก็เป็นคนดูแลทั้งหมด
การพาขบวนนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง มันไม่มีปัญหาอะไรเลยหรือคะ?
เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมจะบอกให้ฟัง เจ็ดสิบหกจังหวัดกับอีกสามสี่ร้อยอำเภอเนี่ย มันต้องอยู่ในหัว ไปทางไหนไปยังไง จังหวัดนี้ติดกับจังหวัดไหน อำเภอนี้ติดกับจังหวัดอะไร คือมันต้องมีความรอบรู้ที่ดีในเรื่องพวกนี้ คือต้องเป็นนักเดินทางที่ดีมาก่อน แล้วก่อนที่จะมาสามารถทำอย่างนี้ คือไม่รู้อะไรเลยเนี่ยมันจะทำลำบาก คือสิ่งที่เราเห็นกันเนี่ยมันเหมือนง่ายนะ ทุกคนเห็น โอ้โห อย่างนี้ใครๆ ก็ทำได้ แต่พอลองไปทำดูสิเรียบร้อยหมด
มีตอนที่คุณได้ปล่อยให้ทีมไปพักผ่อนบ้างไหม?
ไม่มี คือทุกคนเขารู้ว่าทุกคนจะต้องรักษาเนื้อรักษาตัวเองยังไง วงคาราบาวเนี่ย เขาจะไม่ใช้ชีวิตสะเปะสะปะฟุ่มเฟือย คือเขาจะรู้จักเวลา เวลานี้พักผ่อนก็ต้องพักผ่อน ต้องไปทำอะไร คือความเป็นมืออาชีพ นี่แหละคือสิ่งที่รุ่นหลังๆ ต้องมาเรียนรู้ต้องมาดูเป็นแบบอย่าง คาราบาวมันเป็นบทเรียนบทหนึ่งที่ให้นักดนตรีที่อยากจะขึ้นมาดังอยากจะขึ้นอะไร ต้องมาศึกษาตัวพี่แอ๊ดอ่ะ ทำยังไงจะได้ยืนยงคงทนเหมือนพี่แอ๊ด ทำยังไงที่จะถึงและเป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศยาวนานเหมือนคาราบาว มาศึกษาดูเอง มันสอนกันไม่ได้
คาราบาวเริ่มโตมาตั้งแต่มันยังไม่มีร้านจนกระทั่งยุคของผับ?
เมื่อก่อนไม่มีร้านแบบผับบาร์มาจ้าง รู้ไหมผมทำยังไงกันอ่ะ ผมทำกันเองจัดกันเอง เล่าตัวอย่าง สมัยก่อนย้อนกลับไปเมื่อ20 ปีที่แล้วนะ มีคนว่าจ้างคาราบาวไปเล่นที่นครราชสีมา เล่นวันที่ 5 และวันที่ 7 มีคนจ้างไปเล่นที่อุดร ต่อวันที่ 9 มันมีคนว่าจ้างไปเล่นที่หนองคาย ไลน์มันจะเป็นแบบนี้ แล้วถามว่าไอ้ตรงกลาง (ระหว่างวันที่) สมัยก่อนไม่รู้จะไปไหน ถ้าปล่อยว่าง วงมันก็ยังมีค่าใช้จ่าย หนึ่งคือค่าโรงแรม ค่ากินอยู่ ก็เลยต้องหาวิธีการ จัดเองมั่ง บางทีทางเราก็ไปหุ้นกับเจ้าของเครื่องเสียง หรือ เจ้าของเวที หรือแม้กระทั่งหุ้นกับดีเจที่จัดวิทยุตามต่างจังหวัดอ่ะ เพื่อที่จะจัดงานโชว์ ไม่ให้คิวมันไม่โบ๋ตรงกลาง เข้าใจใช่ไหม จากวันที่ 5 เล่นโคราช วันที่ 6 เราก็หาที่ลงก่อนจะไปอุดร วันที่ 7 แบบนี้เป็นต้น แต่ว่าสมัยนี้สบายกว่าเยอะ เดี๋ยวนี้มันมีผับช่วย ผับต่างๆร้านต่างๆช่วยได้เยอะ
ผับเพื่อชีวิตมันเกิดช่วงกี่ปีมาแล้วคะ ?
ก็ราวๆ ยี่สิบปีได้แล้วนะ มันเริ่มๆจาก (ร้าน) "คนสร้างเมือง" แล้วก็มี ร้าน "บ้านนกฮูก" ตรงย่านคลองจั่น และก็ ร้าน ตะวันแดง(สาดแสงเดือน) นี่เกิดทีหลัง มีร้านไม้แดง ด้วย แต่ยังไม่ได้แบบได้รับความนิยมชมชอบเท่าทุกวันนี้นะ แต่ตอนนี้เหมือนจะเป็นร้านหมูกะทะมาแรงกว่า(ฮา) ไอ้ตอนช่วงที่เกิด ผับเพื่อนชีวิต ใหม่ๆอ่ะ วงยิ่งขายดีใหญ่ เพราะว่ามันเป็นของแปลก เป็นปลี่ยนสถานที่เล่น เหมือนเปลี่ยนรสนิยมในการชม(คอนเสิร์ต)น่ะ มันจะเป็นคนดู คนละกลุ่มกับคนดูคอนเสิร์ตเอาท์ดอร์ สมัยก่อน พอเข้ามาเล่นในร้าน (คนดู) มันก็จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ที่มีงานมีการทำ อัตราเสี่ยงในการที่จะทะเลาะวิวาทก็น้อย คือน้อยๆๆ มาก แทบไม่มี(ตีกัน)เลยในร้านอ่ะ แฟนคาราบาวมีทุกกลุ่มนี่กล้าพูด แล้วทุกวันนี้ก็มีเจเนอเรชั่นใหม่ขึ้นมา เด็กๆรุ่นใหม่มันรู้จักพี่แอ๊ดหมดแหละมันยกมือชูนิ้วคาราบาวกันได้หมด
ก็วงดนตรีในผับทุกผับก็เล่นเพลงคาราบาว?
ใช่ ผมก็ยังไม่คิดว่าผมจะหยุดเมื่อไหร่นะ เพราะผมบอกวันหยุด(ของคาราบาว)ไม่ได้เพราะถ้าบอกวันหยุด เดี๋ยววงอื่นระริกระรี้ (ฮา)
พฤติกรรมของลูกค้างานทัวร์เปลี่ยนไปไหมจากยุคเล่นกลางแจ้งถึงยุคนี้?
ในส่วนของคาราบาวจริงๆ แล้ว มันต้องเริ่มจากตัวผมเป็นหลัก ถามว่าลูกค้าเปลี่ยนไปไหมมันก็มีเปลี่ยนไปบ้างแหละ คือหนึ่ง เลิกอาชีพนี้ไปบ้าง สองล้มหายตายจากกันไปบ้าง แล้วถามว่ามันต้องเอาตัวเราเห็นหลักให้ได้ก่อนว่าเราเนี่ยจะเอาลูกค้าหรือไล่ลูกค้า ใช่ป่ะ เพราะว่าถ้าหากเรายังเอาลูกค้าอยู่อ่ะ ไม่ว่าลูกค้าจะเกิดกลุ่มใหม่ขึ้นมา หรือว่ากลุ่มเก่าอยู่ เราก็แมเนจให้อยู่ในส่วนของเราได้หมด ร้านรวงเนี่ยเจ๊งไปแล้วก็มี เปิดใหม่ก็มี แต่ถามว่าผมก็ยังเอามาไว้ในโควตาของผมได้ เพราะว่าหนึ่ง คำว่า บริการหลังการขายมันก็ต้องมีบ้างล่ะ คือไม่ใช่ว่าพอเขาหางานมาแล้ว ตัด แล้วเราจะไปเล่นๆแล้วเลิก แต่บางทีถ้าลูกค้าใหม่ๆ ก็เออ เป็นไงบ้างวะ ดีไหม เฮ้ย ถ้าไม่ดียังไงเดี๋ยวลองใหม่นะ มันขาดเหลือ คือเรา ถ้าลูกค้าเก่าๆ มันไม่ได้อย่างนี้นะ แต่ถ้าใหม่ๆ ก็เออดีๆ เดี๋ยวหาวันดีๆ ลงใหม่ซิ อะไรอย่างนี้
จำได้ไหมว่า คาราบาวเล่นที่ไหนบ่อยสุด?
โรงเบียร์รามอินทรา เลียบทางด่วน เล่นเดือนเว้นเดือน (เป็นเหมือนร้านประจำเลย?) มันไม่เชิงร้านประจำหรอก เป็นว่าเขาเป็นสถานที่ที่ว่าจ้างคาราบาวมากที่สุด ตั้งแต่โรงเบียร์เปิดมาเลย กี่ปี จำไม่ได้ละ แล้วอย่างนี้เขาจะเดือนเว้นเดือนแล้วเขาจะทำอย่างนี้มาทุกปีนะ พอจะใกล้หมดปีมาละ ผมก็ดูเดือนให้เขาก็ไปลงโรงเบียร์รามอินทราเนี่ยเป็นที่เดียวในประเทศไทยที่จ้างคาราบาวมากที่สุด รองลงมาคือร้านแสงจันทร์ทุกสาขา ทั่วประเทศเลย ผมไปตรงไหนก็ได้ที่มันมีแสงจันทร์อ่ะ ผมก็ลงได้หมด คือเจ้าของมันเหมือนกับน้องรักกัน เขาก็ดูแลเรา(อุดหนุน)
พฤติกรรมคนดูต่างกันมากไหมยุคนี้กับยุคก่อน?
ตอนนี้วิธีการโชว์มันเปลี่ยนไป ย้อนหลังสักสิบกว่าปีที่แล้ว คาราบาวโชว์ไม่เหมือนทุกวันนี้นะ คือค่านิยมต่างๆอะไรมันก็ยังไม่โดนฝังเหมือนทุกวันนี้นะ วิธีการของคาราบาวเล่นไป เล่นไปคุยกับแฟนเพลงไป แล้วแต่ว่าวันนั้นพี่แอ๊ดเขาจะหยิบเพลงอะไรขึ้นมาเล่น อาจจะเข้าสถานการณ์บ้างเมืองหรือไม่หรืออะไรก็ว่ากันไป แต่ทุกวันนี้ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แล้ว เพราะว่าการบริโภคของลูกค้าเปลี่ยนไป ทุกวันนี้ต้องพูดน้อย หรือแทบไม่ต้องพูดเลย ยิ่งในร้านเนี่ยไม่ต้องพูดหรอก ใส่อย่างเดียว เพราะอะไรเพราะว่าคนเนี่ย เมื่อก่อนที่เรายังจับทางไม่ได้นะ พอไปพูดแล้วลูกค้าคือคนดูเนี่ยเขาก็ไม่ได้ฟัง ไม่ได้สนใจฟัง เขาก็พูดไปเสียงดังจ๊อบแจ๊บๆขึ้นมามันก็เสียสมาธิ คราวนี้ก็ลองใช้วิธีนี้แล้วมันได้ผล แล้วก็ทำไมรู้ไหม แล้วก็เป็นต้นแบบให้ทุกวง
จนตอนนี้ผมกำลังจะคิดมุขใหม่กับพี่แอ๊ดว่าจะ(ฉีก)หนีไปยังไงดี เพราะว่าเพลงพอร้องไปเพลงใหม่คนไม่เก็ทแล้ว คนชอบเพลงเก่าชอบเพลงอมตะ พอเอาเพลงใหม่ๆมานำเสนอมันเหมือนเป็นการยัดเยียดเขาเขาก็จะไม่ใส่ใจ คาราบาวก็เจอในลักษณะนั้น แต่พอร้องเพลงดังถึงจะเก่ายังไงแต่ก็โอเค เต้นได้ สนุกสนานร้องรำทำเพลงได้ โอเค เราก็เรียงใหม่ให้มันมีเมดเล่ย์(Medley)ยาวๆ คนมันจะได้เต้น เพราะเพลงคาราบาวดังๆ มันมากมายก่ายกองอ่ะ เพราะฉะนั้นอ่ะเล่นวันเดียวไม่จบอ่ะ มันก็ต้องหาวิธีการที่ยังไงที่จะมายัดให้ได้มากที่สุด ก็เลยเกิดการเมดเล่ย์(Medley)กันบ้าง ทุกวันนี้ต้องเป็นในลักษณะนี้นะ ถ้าแบบเอื่อยๆเรื่อยๆมาเรียงๆอ่ะเรียบร้อย คือมันเปลี่ยนวิธีอ่ะ คนมันเปลี่ยนวิธีการดูหมด
คนไม่รออะไร ไม่อยากฟังเพลงใหม่ด้วย ?
ไม่รอ ชั่วโมงนี้ผมกล้าพูดเลยว่า การที่แต่ละวงจะมีเพลงใหม่ขึ้นมาแต่ละเพลงเนี่ยนะ แล้วให้มันฮอตฮิตติดหูคนไทยเนี่ยนะ มันยาก ยกเว้นองค์ประกอบต้องครบ เนื้อดีดนตรีโดน นั่นแหละคือองค์ประกอบ แล้วหาเจอไหมล่ะ ก็ไม่เจอ ยกตัวอย่างล่าสุดตอนนี้ พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ทำไมกลับมาดังอีกล่ะ แล้วเพลงที่กลับมาก็เป็นเพลงเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอย่างเนี้ย ผมก็งงฉิบหายเลยเราถึงบอกว่าทิศทางวงการเพลงบ้านเราเนี่ยมันกำหนดยาก เราคิดว่าอันนี้ดีแล้วนะ แต่แม่งเราไปคิดจริงๆ เสือกเป็นการคิดเอง มันไม่ได้คิดไปกับเราด้วย มันก็เลยแบบตอบโจทย์ตอบตลาดไม่ถูก แล้วอีกอย่างพอเมืองไทย กฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์มันอ่อนแออย่างนี้นะ พูดกันตรงๆว่ามันยากมาก คือถ้าเกิดว่ามันอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ผมคิดว่ามันก็ต้องไปอย่างนี้ อีกเมื่อไหร่ล่ะกว่าที่บ้านเราจะเป็นเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมาเลเซีย มีเรื่องปลอมแปลง โทษถึงขั้นเด็ดขาด อะไรอย่างนี้เมื่อนั้นแหละวงการเพลงก็จะกลับมา ผู้ผลิตก็เริ่มมีกำลังใจ ค่ายใหญ่ๆเล็กๆน้อยๆตอนนี้เกลี้ยงเรียบเลยไม่เห็นหรอ เพราะอะไรเพราะมันเป็นอย่างนี้ จะไปโทษว่ามีดาวน์โหลด ริงโทน อย่าไปโทษ เพราะว่าหนึ่งก็คุณเป็นคนนำเสนอเรื่องพวกนี้กันเองอ่ะ เมื่อก่อนมีไหมล่ะดาวน์โหลดริงโทน แต่ตอนนี้ไม่มีดาวน์โหลดริงโทนกูก็ต้องไปหาช่องนี้มา ถามว่าพอมีช่องนี้มาปริมาณการขายเทปซีดีก็ลดลง
การที่จะทำศิลปินมาสักวงสักเพลงเนี่ย หรือศิลปินเก่าที่จะทำเพลงใหม่สักเพลง องค์ประกอบมันเยอะ มันไม่ง่ายเหมือนพวกสมัยก่อน เพราะฉะนั้นตรงนี้ที่ผมบอกว่าทุกวันนี้มันเลยย้อนกลับมาที่ว่าท้ายที่สุดแล้วมันก็ต้องมาว่ากันเรื่องโชว์ เมื่อก่อนเนี่ยทุกคนบอกว่าคาราบาวเดินทั่วแผ่นดินเละเทะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เน่าแล้ว ช้ำหมด นี่ยังพูดเลย ช้ำหมด เดี๋ยวก็เสร็จ คือของผมเนี่ยถึงจะแก่แต่ก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ไง เราจะเอายังไงกับลูกค้าของเรา ประกอบกับศิลปินในวงเขาให้ความร่วมมือที่ดีด้วยก็จบ ผมนี่ตั้งใจจะอยู่อีกสิบปีอ่ะ ผมจะไม่บอกว่าเลิก ถ้าผมบอกว่าเลิกปุ๊บจะมีวงแซม มันมี ผมเลยบอกไม่ได้ว่าผมจะเลิกเมื่อไหร่
พูดถึง พงษ์สิทธิ์ กลับมาดังอีกครั้ง ซึ่งอันนี้มันไม่ใช่อยู่ดีๆกลับมา?
คือปู พงษ์สิทธิ์ เขาก็ทัวร์ของเขาเป็นปกตินี่แหละ ที่ผ่านมา เขาก็เดินสายทัวร์ของเขาไปก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าคาราบาวแหละ แต่เผอิญชั่วโมงนี้ มันต้องย้อนกลับไปปีที่แล้ว พอดีจังหวะเพลงของเขาเพลงรักเดียวได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นมันก็เลยจุดติดเป็นกระแสขึ้นมา นี่คือเป็นการบ่งบอกว่าปีนี้ มันเป็นการบ่งบอกส่งสัญญาณว่าปีนี้เพลงเพื่อชีวิตเนี่ยจะกลับมาหมดแล้ว เมื่อก่อนหน้านี้มันจะหายไปเพราะว่ามันมีคาราบาวเป็นแค่หัวหอก แต่มันไม่มีแม่ทัพรอง แม่ทัพอะไรมาคอยเสริมไง แต่ตอนเนี้ยเรามีพงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ เข้ามาเสริมเป็นกำลังหลักนอกเหนือจากคาราบาวก็ยังมีพงษ์สิทธิ์ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ อย่างเนี้ยที่กลับมาในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เพราะฉะนั้นชั่วโมงนี้เราคิดว่าน่าจะเป็นเวลาทองของวงเพื่อชีวิตมั่ง สำหรับปีนี้นะ
คาราบาวเคยมีปัญหาที่ต้องแคนเซิลโชว์ไหม?
ไม่มี พูดกันตรงๆ นะ ปัญหาเรื่องนี้แทบไม่เกิดเลย ยกเว้น หนึ่งเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบมันก็อัตโนมัติอยู่แล้ว แต่เราก็หาวิธีการไปจัดใหม่ให้ อย่างกรณีถ้าเป็นคอนเสิร์ตทั่วไปตามต่างจังหวัด กรณีถ้าจะเล่นไม่ได้คือหนึ่งฝนตกหนัก ไม่สามารถทำการแสดงได้ พี่ก็หาเวลาย้อนกลับไปเล่นให้เขาใหม่ เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้ ของพี่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ในแง่ของโชว์จริงๆ ก็คือโชว์วงเหล่านี้มีเยอะอยู่แล้ว?
เยอะครับทั้ง พงษ์เทพ พงษ์สิทธิ์ ตอนนี้โชว์เยอะ ผมเนี่ยตอนนี้เป็นทั้งคาราบาวและพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ผมว่านะ รุ่นใหม่ขึ้นมาเนี่ย ยังไม่ใช่ของจริง วงเพื่อชีวิตทุกวงนะ ไม่ว่าจะเป็นคาราบาว พงษ์เทพ พงษ์สิทธิ์ พี่หงา พี่เผือก วงพวกนี้แต่งเพลงเอง คือเพลงเพื่อชีวิตอ่ะ มันเขียนไม่ได้ไกลตัวไง เป็นเรื่องใกล้ตัวตัวเองทั้งนั้น







