จากพลังจิตอาสา สู่ สหภาพ(นัก)ดนตรี

จากพลังจิตอาสา สู่ สหภาพ(นัก)ดนตรี

การรวมตัวของนักดนตรีนับร้อยชีวิตในคอนเสิร์ตการกุศล ได้จุดประกายให้หลายคนจินตนาการถึง 'องค์กรในฝัน'

ดังวาทะของนักคิดทั้งหลาย รวมทั้ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ...

"In the middle of difficulty lies opportunity" ใน 'วิกฤติ' ย่อมมี 'โอกาส' อยู่เสมอ

อย่างน้อยๆ วิกฤติครั้งสำคัญในชีวิตของ เอ๊ดดี้ ออโตบาห์น หรือ อัธพนธ์ มกรานนท์ กรณีไฟไหม้บ้านที่อยู่อาศัย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นโอกาสที่ทำให้เขาได้รับรู้ถึงน้ำมิตรของเพื่อนๆ ในวงการดนตรีที่หลั่งไหลไปให้กำลังใจอย่างไม่ขาดสาย จนพัฒนากลายมาเป็น คอนเสิร์ตการกุศล Life Goes On ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ ศกนี้ เวลา 15.00 - 22.00 น. ณ ลานอเนกประสงค์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

และจากวิกฤติครั้งนี้เช่นเดียวกัน เมื่อหลายๆ คนเห็นปรากฏการณ์ของ "มวลศิลปิน" ที่แสดงพลังจิตอาสามาขอขึ้นเวทีเพื่อแสดงดนตรีอย่างล้นหลาม โอกาสที่จะได้เห็นการรวมตัวของนักดนตรีเพื่อ "สถาปนาองค์กรของตัวเอง" ขึ้นมา ก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นอย่างรำไรในนาทีนี้

-1-

"จุดเริ่มต้นของงานนี้ มันมาจากเราสะเทือนใจกับข่าวของ เอ๊ดดี้ ซึ่งแต่แรกก็ต้องมาเจอกับความเจ็บป่วย (จากโรค Lupus) อยู่แล้ว แล้วไหนต้องมาเจอกับไฟไหมบ้านทั้งหลังอีก เลยรู้สึกว่าอยากลงมือทำอะไรสักอย่าง มีอะไรที่เราพอจะทำได้บ้างไหม มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนเกิดเหตุการณ์สึนามิ เลยคุยกับเพื่อนๆ ตกลงกันว่า เอาไงเอากัน ก็เลยตัดสินใจว่าจะจัดคอนเสิร์ตการกุศลขึ้นมา เพื่อหารายได้ช่วยเหลือ"

พัฒน์ฑริก มีสายญาติ โปรดักชั่นดีไซน์ในวงการภาพยนตร์ เจ้าของร้าน บราวน์ชูการ์ หนึ่งในแกนนำของงานนี้ เกริ่นถึงความเป็นมาให้ฟัง ก่อนจะขยายความต่อว่า เมื่อเป็นคอนเสิร์ตการกุศลที่เน้นการรับบริจาค โดยทุกคนที่มาช่วย ทั้งคนเบื้องหน้าอย่างนักดนตรี และเบื้องหลัง ที่ช่วยด้านบริหารจัดการ การตลาด และโปรดักชั่นต่างๆ แต่ละคนล้วนเต็มด้วยความบริสุทธิ์ใจ จึงปรารถนาจะให้มีระบบระเบียบในเรื่องของบัญชีรับ-จ่ายที่ชัดเจน เพื่อมิให้เกิดข้อครหาใดๆ ตามมา ตนจึงได้นำเรื่องเข้าปรึกษา ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เพื่อขออนุญาตดำเนินการในนาม มูลนิธิศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

"เมื่อทำในนามมูลนิธิฯ จุดมุ่งหมายก็ต้องขยายกว้างขึ้นกว่าเดิมไปโดยปริยาย เพราะไม่ใช่การช่วยเหลือเอ๊ดดี้คนเดียว แต่อาจจะขยายออกไปยังศิลปินรายอื่นๆ ที่ประสบภัย หรือมีความเดือดร้อน ซึ่งต้องมาพิจารณาหลักเกณฑ์กันอีกที อาจารย์โต้ง (ไกรศักดิ์) ท่านได้ต่อสายคุยกับปลัดกระทรวง อาจารย์อภินันท์ (โปษยานนท์) ซึ่งกรุณาอำนายความสะดวกในเรื่องการใช้สถานที่ของศูนย์วัฒนธรรม" พัฒน์ฑริก อธิบาย

เมื่อข่าวแพร่สะพัดไปทั่ววงการเพลงว่า กลุ่ม Life Goes On จะทำคอนเสิร์ตนี้ขึ้นมา ได้มีศิลปินจำนวนมากแสดงความจำนงขอแสดงดนตรี จนกลายเป็นกระแสที่แรงมาก เพราะประกอบด้วยนักดนตรีทุกแนว ทุกสไตล์ และทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์, โก้ มิสเตอร์แซ็กแมน, บิลลี่ โอแกน, เขียว คาราบาว, จิรพรรณ อังศวานนท์, วงบางกอกคอนเน็คชั่น, วงโซล อาฟเตอร์ ซิกซ์, โจ จิรายุส วรรธนะสิน, ก้อง สหรัถ สังคปรีชา, โอฬาร พรหมใจ และ นพอนันต์ ประยูรสุข ซึ่งมาในนาม ดิโอฬาร โปรเจ็คต์, มาโนช พุฒตาล, สุรสีห์ อิทธิกุล, ปุ้ม พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, วงคาไลโดสโคป, เป้ อารักษ์, โปรด ธนภัทร มัธยมจันทร์, วงแน็ปอะลีน (Nap. A. Lean), ป้อม ออโต้บาห์น, ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์, นรีกระจ่าง คันธมาส, เก่ง ณฐิฏา ศรียานนท์, วงมิสเตอร์ทีม, วงดิเอเวอร์เรจ ไทยแบนด์ (The Average Thai band ) โดยงานนี้ มี สมชัย ขำเลิศกุล อำนวยการจัดงาน , โรจ ควันธรรม อำนวยการประสานงาน และ จิรพรรณ อังศวานนท์ กำกับการแสดงดนตรี

ยังมีนักดนตรีอีกจำนวนไม่น้อยที่อาสาขอขึ้นเล่นดนตรีด้วย แต่นั่นเกินกว่าเวทีแห่งนี้จะรับได้แล้ว !

"ผมรู้สึกว่านี่คือปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก ในการรวมตัวของเหล่านักดนตรีที่พร้อมใจมาช่วยอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากผมเป็นเอ็ดดี้ ผมคงร้องไห้ทุกวัน.."

-2-

ในความเป็นจริง การรวมตัวของนักดนตรีเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ ในวงการเกิดขึ้นมาโดยตลอด ทั้งแวดวงเพลงสตริง หรือลูกทุ่งก็ตาม ดังกรณีล่าสุด ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศิลปินแห่งชาติ เพิ่งได้รับเงินบริจาคร่วมๆ 6 แสนบาทจากมิตรรักแฟนเพลงเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล

"มันก็มีหลายกลุ่มนะ อาจจะช่วยกันเงียบๆ ไม่เป็นข่าว หากมีเพื่อนคนใดตกทุกข์ได้ยาก อย่างกลุ่ม Friends For Friend หรือกลุ่มของอ๊อด ศรายุทธ (สุปัญโญ) อาจจะมีขายของ ประมูลของ ทำคอนเสิร์ต เรี่ยไรบริจาค" สมชัย ขำเลิศกุล นักกีตาร์ และโปรดิวเซอร์ นำเสนอมุมมอง เช่นเดียวกันกับ ธเนส สุขวัฒน์ นักดนตรี และมิวสิคกูรูคลื่นเอฟเอ็ม 106 เสริมว่า "การรวมตัวมีมานานแล้ว แต่มันกระจัดกระจายและไม่มีแกนหลัก แต่ในกรณีของ เอ๊ดดี้ กระแสค่อนข้างแรง ทุกคนเริ่มหันมามองตัวเองว่า ถ้าเป็นเราจะเป็นอย่างไร ทุกคนอยากช่วย ร่วมมือกันมากกว่าที่เคย"

"หากรับหมด เวลาแสดงอาจจะเลยไปเป็น 8 ชั่วโมงแน่ๆ " สมชัย ในฐานะผู้อำนวยการจัดงาน ตอกย้ำความแรงดังกล่าว

ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเล่นดนตรีในสหรัฐอเมริกา และได้รับบัตรสมาชิกสหภาพนักดนตรี สมชัย อธิบายเชื่อมโยงให้เห็นสภาพการดำรงอยู่ของนักดนตรีไทยกับนักดนตรีในอารยประเทศว่า มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลักๆ เพราะในประเทศไทย ขาดองค์กรที่ดูแลสวัสดิการและมาตรฐานทางวิชาชีพของนักดนตรี ซึ่งนิยมเรียกอย่างกว้างๆ ว่า สหภาพนักดนตรี นั่นเอง

"สมัยผมเล่นดนตรีที่สหรัฐ ผมต้องมีบัตรสหภาพ ถึงจะสามารถเล่นดนตรีได้ ซึ่งหน่วยงานนี้จะดูแลสมาชิกเป็นอย่างดี ทั้งตัวเรา และครอบครัว ในเรื่องสวัสดิการ เวลาว่างงาน หรือเจ็บป่วยต้องการการรักษาพยาบาล"

"แต่ในเมืองไทยเรา หลักๆ เรายังรวมตัวกันไม่ได้ แม้องค์กรที่มีอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ เรายังไม่สามารถเสนอเป็นร่างกฎหมายผ่านสภา เรายังไม่มีเงินที่จะมาผลักดันองค์กร ซึ่งด้านหนึ่งก็ต้องมาจากเงินบำรุงของสมาชิก หรือเงินที่หักจากสมาชิกเวลามีรายได้นั่นเอง ขณะที่ในสหรัฐ นักดนตรีเขาต้องพึ่งพาสหภาพ ต้องการสวัสดิการในยามที่เขาลำบาก หรือใช้เป็นตัวแทนต่อรองกับค่าตัว ค่าตอบแทน ใครไม่มีบัตร ก็ไม่มีงานเล่นดนตรี หรือต้องไปเล่นตามบาร์อีกประเภทหนึ่งที่ไม่อยู่ในความดูแลสหภาพ และแน่นอน อาจจะมีโอกาสถูกเบี้ยวค่าตัวเอาได้ง่ายๆ "

แต่กว่าจะไปถึง "องค์กรในฝัน" อย่าง "สหภาพนักดนตรี" ธเนส สุขวัฒน์ ซึ่งทำกิจกรรมจิตอาสาทางด้านดนตรีมานานกว่า 20 ปี ในนาม "กลุ่มตั้งใจดี" ที่ทำเพลงเพื่อธรรมะเป็นหลัก เห็นพ้องกับ สมชัย ว่า ความสำคัญอยู่ที่การรวมตัว ดังปรากฏการณ์ของคอนเสิร์ตครั้งนี้ และต้องผนวกกับการวางรากฐานที่ดีให้แก่วงการเพลง ซึ่งน่าจะต่อยอดให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ได้ในอนาคต

"เรารู้กันอยู่ว่า ในแวดวงนักดนตรี โดยธรรมชาติ พวกเราไม่มีค่าย" มิวสิคกูรู แห่ง เอฟเอ็ม 106 กล่าว และเพิ่มเติมว่า "ตอนนี้ ใครๆ ก็ออกมา หากมีการวางรากฐานดี ที่โปร่งใส ทุกคนให้ความไว้วางใจ เราก็สามารถต่อยอดได้ นั่นคือสิ่งที่ผมใฝ่ฝันและต่อสู้มาตลอด ผมเคยลงสมัครส.ส. และ ส.ว. เพราะต้องการเข้าไปผลักดันเรื่องนี้ในสภา และเวลานี้คือโอกาสที่เราจะผลักดันในเรื่องนี้ร่วมกัน"

-3-

โดยสถานะการดำรงอยู่ของสหภาพนักดนตรี ถึงที่สุดแล้วก็คือองค์กรวิชาชีพ เช่นเดียวกันกับองค์กรของแพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี หรือแม้กระทั่งสื่อ ซึ่งด้านหนึ่ง มุ่งกำกับดูแลด้านมาตรฐานวิชาชีพ ศีลธรรม และจรรยาบรรณ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ดูแลผลประโยชน์ สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการของสมาชิกเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ดี การจัดตั้งองค์กรในฝันของนักดนตรี อาจจะต้องใช้ความถนัดและความเชี่ยวชาญจากวิชาชีพอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะนักดนตรี เป็นอาชีพที่ข้องเกี่ยวกับงานสร้างสรรค์เป็นหลัก ในเรื่องนี้ จิรพรรณ อังศวานนท์ นักกีตาร์ และอาจารย์วิชาธุรกิจดนตรี คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มองว่า หากประเทศไทยจะมีสหภาพนักดนตรี ก็ต้องมีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ องค์กรถึงจะไปรอดได้

"ต้องเป็นคนที่บริหารเก่ง โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ต้องเป็นคนที่สามารถทำให้กองทุนที่มีอยู่เกิดดอกออกผล งอกเงยออกมาได้ เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย และเป็นสวัสดิการให้แก่นักดนตรี และในเวลาเดียวกัน การเก็บเงินค่าบำรุงจากสมาชิก ก็ต้องทำให้รู้สึกว่า เงินที่จ่ายไป ไม่ได้เป็นเบี้ยที่สูญเปล่า แต่เป็นเบี้ยที่อาจจะมีบางส่วนเปลี่ยนเป็นเงินออม หรือให้ความคุ้มครอง มีประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ซึ่งตรงนี้ต้องให้เงินเดือนคนที่บริหารอย่างเหมาะสม และเขาต้องมีคุณสมบัติในเรื่องจิตสาธารณะ เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก โดยลักษณะขององค์กรแบบนี้ ต้องดำเนินการแบบโปร่งใส และเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร"

ขณะที่ ธเนส ให้น้ำหนักในเรื่องการ Turn Pro ของนักดนตรี โดยสหภาพนักดนตรีต้องจัดให้มีการ "ออดิชั่น" หรือ "วัดความสามารถ" เพื่อใช้เกณฑ์ประเมินที่เหมาะสมในการจัดแบ่งประเภทนักดนตรี ให้ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ตามระดับความสามารถและทักษะ แม้ จิรพรรณ ไม่นึกหวังว่าจะไปได้ไกลขนาดนั้น แต่ก็เห็นว่านี่คือมาตรฐานที่พึงมี

"เรื่องนี้ ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยมากหน่อย อาจจะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรงงาน เช่น กระทรวงแรงงาน เป็นต้น" จิรพรรณ กล่าว ขณะที่ สมชัย เสริมว่า "ในความเป็นจริง ทุกครั้งที่นักดนตรีเล่นดนตรี และมีรายได้ ควรมีการหักเงินส่วนหนึ่ง เพื่อนำไปสมทบแก่สหภาพ เอาไว้เป็นเงินออมของคนนั้น ๆ ตอนชรา หรือตอนประสบความยากลำบาก คล้ายๆ กับหลักการเรื่องบำนาญ หรือ pension นั่นเอง ลักษณะแบบนี้ สหภาพนักดนตรีในต่างแดนเขาทำกัน"

เมื่อพูดถึงการต่อยอดการรวมตัวครั้งนี้ เป็นสหภาพนักดนตรี หลังจากคอนเสิร์ต Life Goes On พัฒน์ฑริก มีสายญาติ ตอบด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ว่า "นั่นคงต้องไปว่ากันอีกสเต็ปหนึ่ง แต่ถ้าจะทำก็ต้องรีบทำ อย่าลืมว่า นักดนตรีรุ่นใหญ่ในงานนี้อายุอานามก็ปาเข้าไป 60 แล้ว ความฝันจะมีสหภาพก็มีมานานหลายสิบปีแล้ว หากหมดรุ่นนี้ไป ก็ยังไม่แน่ใจว่า รุ่นใหม่ๆ สนใจที่จะมีสหภาพกันรึเปล่า"

บางทีนี่อาจจะเป็น 'โอกาส' อีกครั้ง ในจำนวน 'โอกาส' ที่มีอยู่ไม่มากนัก ในการจุดประกายคนดนตรีให้หันมารวมตัวกัน โดยปราศจากค่าย ปราศจากสีเสื้อ และปราศจากกำแพงใดใด เพื่อร่วมกันสร้างองค์กรในฝันของพวกเขา... ให้กลายเป็นจริง.