พบแล้ว!บุคคลในภาพได้เข้าเฝ้าในหลวงอย่างใกล้ชิด

พบบุคคลในภาพได้เข้าเฝ้า "ในหลวง" อย่างใกล้ชิด เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมโครงการสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่
พบบุคคลที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิด เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ โดยเป็นเด็กที่พ่อ-แม่ตั้งใจถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ด้วยอายุน้อยจึงไม่ได้ตามเสด็จไป
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศตามหาบุคคลในภาพที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยในส่วนของภาพที่ 4 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันที่ 7 มิ.ย. 2522 ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ไปทรงเยี่ยมโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ป่าเด็ง-ป่าละอู ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ตามหาบุคคลดังกล่าวจนพบ และตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย มีการยืนยันชัดเจนตรงกัน โดยเด็กชายที่อยู่ในภาพ ปัจจุบัน คือนายอัตรภูมิ ภูมิประเทศ หรือชื่อเล่นว่า หม่อม ขณะนี้มีอายุ 36 ปี ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ อยู่ในอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ นายอัตรภูมิ และมารดา คือนางสุนีย์ ภูมิประเทศ อายุ 78 ปี ได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากนางสุนีย์ มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
นางสุนีย์ ภูมิประเทศ มารดา กล่าวว่า ตนและสามีซึ่งเป็นทหารผ่านศึกได้ย้ายครอบครัวจาก อ.
ท่ายาง จ. เพชรบุรี มาหาที่ดินทำกินที่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยขณะนั้นครอบครัวมีความยากจน กระทั่งปี 2522 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ณ หมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่-ป่าเด็ง-ป่าละอู โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จเยี่ยมราษฏร์ในพื้นที่โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ อ่างเก็บน้ำพุไทร จากนั้นมีหมายกำหนดการในเสด็จพระราชดำเนินยังเรือนพักรับรอง ที่หมู่ 1 บ้านเฉลิมเกียรติ ซึ่งครั้งนั้นสำนักพระราชวังได้เลือกบ้านของนางสุนีย์เป็นเรือนรับรอง แต่มีเวลาไม่พอ เมื่อเสด็จมาถึงจึงไม่ได้เสด็จลงมาประทับ
ครั้งนั้นนายขวัญแก้ว วัชโรทัย ได้ตามเสด็จด้วย เห็นบุตรชายจึงกล่าวว่า ลักษณะของบุตรชายควรเป็นลูกของผู้มีบุญ ให้ถวายบุตรชายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์เสด็จฯมาถึงตนและสามีได้เข้าเฝ้าฯ สามีจึงได้ถวายบุตรชายในวัยขวบเศษแด่พระองค์ท่าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสถามว่า ทำไมจึงถวายเด็กให้ ตนได้ทูลฯว่า ตอนตั้งท้องฝันว่าได้ถวายงานพายเรือให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นพระองค์ก็ถามว่า จะให้เอาไปเลยหรือไม่ ตนเห็นว่าบุตรชายยังเล็กยังกินนมแม่ เกรงจะสร้างความลำบากจึงขอเลี้ยงไว้ก่อน
พระองค์ตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นฝากเลี้ยงไว้ก่อน เลี้ยงเขาให้ดี อย่าไปไหน ให้อยู่ทำกินที่ห้วยสัตว์ใหญ่นี่
พร้อมกันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ยื่นพระหัตถ์ซ้ายมาลูบศรีษะบุตรชาย และในหลวงทรงเรียกบุตรชายว่า “หม่อม” โดยชาวบ้านที่มารับเสด็จ ในครั้งนั้นก็มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก จากวันนั้นทุกคนต่างก็เรียกบุตรชายว่าหม่อม
นางสุนีย์ กล่าวว่า วันที่ 14 พ.ย. มีเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาหาที่บ้าน พร้อมกล่าวว่ามีการยืนยันแล้วว่าบุคคลในภาพเป็นบุตรชายของตนเอง ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ลูกชายจะได้มีโอกาสถวายความจงรักภักดี ณ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งถือเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในชีวิต ที่ทุกคนในครอบครัวต่างเฝ้ารอคอยมานาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนได้สั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี และทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯประทับ ณ วังไกลกังวล ตนและครอบครัวจะไปรอเฝ้ารับเสด็จฯทุกครั้ง
นายอัตรภูมิ กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นบุคคลในภาพที่กระทรวงวัฒนธรรมตามหา และจะได้มีโอกาสในการถวายความจงรักภักดี ณ โรงพยาบาลศิริราช ที่ผ่านมา บิดา- มารดา ก็ได้เล่าเรื่องเรื่องที่อุ้มตนไปถวายในหลวงที่รถยนต์พระที่นั่ง ที่จอดหน้าบริเวณบ้าน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นบิดา - มารดา เล่าให้ฟังมาโดยตลอดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ลูบศรีษะ และตั้งชื่อให้ว่า หม่อม ถือเป็นมงคลสูงสุดแห่งชีวิต ครั้งนี้ถือเป็นความความหวังที่ตนเองและครอบครัวจะเฝ้าหวังมาโดยตลอดว่า จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯใกล้ชิดพระองค์ท่าน







