ครั้งหนึ่งในชีวา...ได้ร่วมชักพระเมืองใต้

ช่วงเทศกาลออกพรรษา ผมไปเห็นประเพณีมาหลายที่ในบ้านเรา
ทั้งงานแห่ปราสาทผึ้งที่สกลนคร งานไหว้บูชาพระธาตุพนม งานสลากภัตของทางเหนือ งานตักบาตรเทโวที่อุทัยธานี ดูบั้งไฟพญานาคที่หนองคายก็ไป ไหลเรือไฟนครพนมก็ไม่พลาด เรียกว่าอะไรดังๆ ไปตามดูหมด มีก็แต่ทางใต้นี่แหละที่ไม่เคยลงไปช่วงนี้ อย่างประเพณีชักพระ คงไม่แปลกอะไรถ้าเราเป็นคนภาคใต้คนหนึ่ง แต่จะเป็นประเพณีที่แปลกขึ้นมาทันทีถ้าเราเป็นคนจากภูมิภาคอื่นที่ได้มาเห็นประเพณีแบบนี้ และจะประทับใจยิ่งขึ้นถ้าได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประเพณีชักพระของภาคใต้สักครั้ง
ผมเลือกเอาพื้นที่พัทลุง- สงขลา เป็นพื้นที่เข้าร่วมงาน ก่อนถึงวันชักพระ ผมก็ตระเวนถ่ายรูปวัดวาอารามต่างๆ ในเมืองพัทลุงที่สวยๆ เสียแต่ว่าช่วงที่ผมไป ฝนตกเยอะไปหน่อย บางที่ต้องกางร่มถ่ายรูป ฟ้าเลยไม่ค่อยใส รูปวัดวา
อารามต่างๆ ในเมืองพัทลุงที่สวยๆ เสียแต่ว่าช่วงที่ผมไป ฝนตกเยอะไปหน่อย บางที่ต้องกางร่มถ่ายรูป ฟ้าเลยไม่ค่อยใส รูปวัดวาอารามต่างๆ ออกมาไม่เด่น แต่ผมรับปากท่านผู้อ่านว่าจะลงไปเที่ยววัดในพัทลุง เอารูปเอาเรื่องมาเขียนเล่าให้ฟังอีกที
งานชักพระปักษ์ใต้ ก่อนจะลงมาดูก็เคยเห็นแต่ในหน้าข่าว ในทีวีบ้าง แต่พอลงมาจริงๆ มันให้บรรยากาศกันคนละแบบเลย ประเพณีนี้เขาจะทำหลังวันออกพรรษา 1 วัน ตรงกับแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ก่อนหน้าที่ผมไปตระเวนถ่ายรูปตามวัดก็เห็นการเตรียมการของแต่ละวัดแล้ว เขาจะตีโพนเรียกคนมาช่วยกัน เอาเรือพระออกมาตกแต่ง ออกมาจัด ซึ่งแต่ละวัดจะมีเรือพระ เรือพระที่ว่านี้ก็ทำเป็นลักษณะคล้ายเรือ บางที่มีล้อเลื่อน บางที่ก็ไม่มี บรรทุกบุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ มีการตกแต่งที่สวยงาม ประกวดประชันกัน
เรือที่ตกแตงเพื่อประกวดกันนี่จะวิจิตรบรรจงมาก ใช้สีสันสะดุดตา เวลาที่ถูกลากไปตามถนนราวกับสวรรค์วิมานเคลื่อนที่ไปบนดิน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการตกแต่งเรือพระคือ ลูกต้มหรือเหนียวต้ม ก็เป็นข้าวเหนียวปรุงรสผัดจนเกือบสุกแล้วห่อด้วยใบกะพ้อ(หรือใบมะพร้าว ไม่แน่ใจ) เป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายกระจับ นึ่งหรือต้มจนสุก แล้วเอามาห้อย หรือแขวนใส่เรือพระ นัยว่าเป็นเหมือนการถวายภัตตาหารพระ
พอถึงวันชักพระ ชาวบ้านก็จะอัญเชิญพระพุทธรูปในวัดขึ้นเรือพระ แล้วช่วยกันลากไปให้เรือพระเคลื่อนที่ ผ่านไปหน้าบ้านใครก็จะออกมาเอาลูกเหนียวต้มห้อยเรือแล้วก็ช่วยกันลากเรือพระไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นเรือที่มีล้อก็จะง่ายหน่อยลากง่าย แต่ถ้าเรือพระดั้งเดิม จะเป็นเหมือนเลื่อนไม้ เมื่อบนเรือ มีทั้งบุษบก มีพระพุทธรูป มีคนตีโพนขึ้นไปอยู่ บางทีมีพระสงฆ์ด้วย มันจะพาลลากไม่ไป แต่ดีหน่อยตรงที่คนใต้เขายังศรัทธาและให้ความสำคัญกับการลากเรือพระอย่างมาก ด้วยเชื่อกันว่าการลากเรือพระ เหมือนเป็นการมีส่วนช่วยในการออกโปรดสัตว์ของพุทธองค์ (ซึ่งความหมายนี้ ถาม 10 คนก็อาจจะตอบไม่เหมือนกัน แต่มาในแนวๆ นี้แหละ)
คนที่มาลากพระจึงถือว่าได้กุศลแรง นักท่องเที่ยวหรือคนต่างถิ่นอย่างผมไปจะช่วยกันลากพระด้วยก็ได้ แล้วได้เห็นความสามัคคีของชาวบ้านที่ออกมาช่วยกัน บางทีเรือพระลำอื่นไม่เคลื่อนที่ ก็เฮละโลไปช่วยกันลาก ผมก็พลอยสนุกไปกับการลากเรือพระช่วยกันนี่แหละ ทั้งร้อนและเหนื่อยแต่อิ่มใจ สนุกไปกับเขาด้วย
เขาจะลากเรือพระไปรวมกันที่ใดที่หนึ่ง แต่ก่อนอาจจะเป็นวัดใดวัดหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้จะเป็นสวนสาธารณะบ้าง ที่ว่าการอำเภอบ้าง แล้วคนในชุมชนก็จะมาร่วมฉลอง เดินชมความงามของเรือพระ หรือทำบุญกับเรือพระของวัดต่างๆ บางที่เขาฉลองกันทั้งคืน โดยอาจมีการตกแต่งไฟ มีมหรสพ มีการแสดงเพื่อเป็นการสมโภชเรือพระก็ว่าไป แต่ที่ไหนที่ไม่มีแบบนี้ พอเอามารวมกันที่ใดที่หนึ่งแล้ว เย็นๆ ก็จะลากเรือกลับวัด ระหว่างทางก็มาช่วยกันชักลากอีกครั้ง เห็นว่าบางที่ประเพณีนี้กินเวลาถึง 3 วัน ช่วงเทศกาลดังกล่าวใครที่ลงไปทางใต้อาจเห็นเรือพระกำลังถูกลากจูงระหว่างทาง ก็ชะลอรถหรือจะลงมาร่วมลากสักระยะก็ได้ครับ
ที่สงขลา สนามข้างๆ เขาตังกวน หน้าสรรพกรภาค ริมทะเล เรือพระนับร้อยๆ วัด ที่จัดแต่งไว้บนกระบะรถปิ๊กอัพเล็กๆ จะมาจอดเรียงรายให้คนเข้ามาทำบุญ โดยการหยอดเหรียญลงบาตร พระท่านก็ประพรมน้ำมนต์ คนเยอะมาก เดินกันจนแน่น ทั้งๆ ที่ไม่มีการแสดงอะไร เรือพระเหล่านี้ก็ไม่ได้ตกแต่งสวยงามอะไร แต่ที่คนแน่นเพราะเขามาทำบุญกัน คนมาจากทุกสารทิศ รถติดในเมืองสงขลาเชียวละ สะท้อนให้เห็นว่าเขายึดมั่นศาสนาเพียงใด แต่เรือพระที่ประกวดกันจะอยู่อีกถนนหนึ่ง เรือพระที่สวยงามจอดเรียงรายให้ผู้คนมาทำบุญและมาถ่ายรูป คึกคักอย่างมาก
ที่ตรัง เรือพระที่นั่นจะเอามาฉลองถึงตอนกลางคืน ตกแต่งไฟสวยงามวิจิตรบรรจงอย่างมาก ผมไม่เคยเห็นประเพณีแบบนี้มาก่อน การแข่งโพนที่ผมเขียนไปก่อนหน้านี้ก็เป็นผลพวงมาจากการลากเรือพระที่มีโพนมาตีให้จังหวะการลากเรือ โพนแต่ละวัดเมื่อมาเจอกันก็ประลองเสียงซะเลย ส่วนลูกต้มนั้นเขาก็เอามาขว้างใส่กัน เรียกว่าการซัดต้ม จับมาเป็นคู่ๆ ห่างกันสัก 3-4 เมตร แต่ละฝ่ายผลัดกันขว้างใส่กัน ที่ว่ามาทั้งหมดนี่แปลกใหม่สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นอย่างผมที่เป็นคนภาคกลาง ดูตื่นตาตื่นใจไปหมด แต่สำหรับคนใต้โดยสายเลือด ช่วงนี้ไม่ว่าจะไปทำมาหากินอยู่ที่ไหนก็จะต้องพาลูกพาหลานลงไปร่วมงานชักพระที่บ้านเกิดให้ได้
มีคนบอกผมว่าที่สุราษฎร์ธานีนั้นเขามีการลากเรือพระทางน้ำ เรือพระเป็นเรือจริงๆ ลอยในน้ำได้ โดยมีเรือเข้าร่วมนับร้อยๆ ลำ แล้วเห็นว่าเป็นที่ที่งานชักพระคึกคักที่สุดในภาคใต้ ปีนี้ผมมาเห็น มาร่วมประเพณีชักพระที่สงขลา-พัทลุงถือเป็นการชิมลาง ปีหน้าผมว่าจะไปดูความยิ่งใหญ่อลังการของประเพณีชักพระที่สุราษฎร์ฯดูบ้าง
การออกไปให้เห็น ไปเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้เราเข้าใจกัน แล้วจะรักกันมากขึ้น สำหรับผมการได้ร่วมมาชักพระครั้งนี้ ออกจะอิ่มอกอิ่มใจ ได้ทำบุญ ได้เรียนรู้ประเพณีของพี่น้องร่วมชาติที่ผูกพันกับศาสนาอย่างลึกซึ้งแล้ว ปีหน้าช่วงเทศกาลออกพรรษา สงสัยต้องขอจองภาคใต้อีกสักปี ท่านผู้อ่านไปด้วยกันกับผมไหมครับ




