สะพานไม้ สะพานมอญ สะพานแห่งความสามัคคี

สะพานที่เปรียบเสมือนทางเชื่อมสัมพันธ์ของสองฟากฝั่งไทย-มอญ ถูกตัดขาดด้วยแรงพิโรธของธรรมชาติภายในชั่วพริบตา
เหตุจากพายุฝนที่ถาโถมอย่างหนักหน่วงนานกว่า 3 วันเมื่อกลางปีที่แล้ว ปริมาณน้ำจึงสะสมท่วมท้น น้ำจากทุ่งใหญ่ไหลบ่าลงสู่แม่น้ำซองกาเรียพร้อมกับเศษซากต้นไม้ที่ถูกพัดพามาเกาะติดอยู่ใต้สะพานมอญ ทางน้ำที่เคยไหลผ่านคล่องตัวถูกขวางกั้น และเมื่อความแรงของน้ำบรรจบกับแรงต้านใต้สะพานหนักขึ้นเรื่อยๆ หลักยึดที่เคยแข็งแกร่งช่วยพยุงตัวให้สะพานจึงพังทลายลง สะพานขาดออกไปกว่า 30 เมตร สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในพื้นที่เมื่อข่าวสะพานไม้ขาดสะบั้นแพร่สะพัดออกไป ในเย็นวันนั้นเชื่อว่าทุกคนถึงกับใจหายกับภาพตรงหน้า สะพานที่เปรียบเสมือนทางเชื่อมสัมพันธ์ของสองฟากฝั่งไทย-มอญ ถูกตัดขาดด้วยแรงพิโรธของธรรมชาติภายในชั่วพริบตา
สะพานมอญ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2529 โดยหลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ด้วยแรงพลังแห่งความสามัคคีของชาวมอญที่ลงแรงร่วมใจกันคนละไม้คนละมือ จนสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกะเรียที่มีความยาวกว่า 850 เมตรสำเร็จในที่สุด สัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสองเชื้อชาติมอญและไทยจึงถูกเชื่อมกันนับแต่นั้นมา ด้วยสะพานไม้ที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก และได้รับการบัญญัติชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานไม้อุตตะมานุสรณ์ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคุ้นหูเคยปากว่า ‘สะพานมอญ’
แม้ในวันนั้นสะพานไม้เชื่อมสัมพันธ์จะถูกตัดขาด แต่ความผูกพันของคนไทยและคนมอญยังคงแข็งแรง ในความเสียหายกลับมีภาพความรักและความสามัคคีผุดพรายขึ้น ชาวบ้านต่างหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้กันและกันด้วยการช่วยกันนำเรือมารับ-ส่งข้ามฟาก ทั้งยังช่วยกันระดมทุนจากทุกบ้านเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับทำแพลูกบวบตามภูมิปัญญาพื้นบ้านของคนมอญ ใครไม่สันทัดแรงงานเชิงช่างก็ช่วยกันเข้าครัวทำกับข้าวออกมาเลี้ยงทีมงานอย่างอิ่มหนำ ด้วยเหตุนี้ด้วยระยะเวลาแค่เพียงไม่ถึงสัปดาห์ชาวมอญและไทยก็มีแพลูกบวบเป็นสะพานเชื่อมประสานได้อีกครั้ง และยังเป็นแหล่งพักผ่อนแห่งใหม่ของชาวบ้านและเด็กๆ ยามเย็นเมื่อแสงอาทิตย์อ่อนแรง บ้างออกมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ บ้างกระโดดเล่นน้ำดำผุดดำว่ายอย่างสรวลเสเฮฮา ภาพความสะเทือนใจจากความเสียหายเริ่มจางลงไปได้บ้าง
กระนั้นชาวบ้านและนักท่องเที่ยวยังคงเฝ้ารอสะพานมอญกลับคืนฟื้นสภาพใหม่อีกครั้ง สะพานไม้แห่งนี้เสมือนจิตวิญญาณและสัญลักษณ์ประจำเมืองสังขละบุรี แต่ละสัปดาห์ไม่ว่าน้ำแห้งหรือน้ำหลาก สะพานมอญยังคงทอดตัวยาวทำหน้าที่เพิ่มความสะดวกในการสัญจรอย่างงดงาม ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเยี่ยมเยือน เก็บบันทึกความทรงจำเป็นภาพถ่ายเวลาใด สะพานมอญยังคงสวยงามในทุกฤดูกาล
ภาพวิถีชีวิตคนมอญในชุดประจำชาติ เดินสวนไปมาพร้อมกับเทินของไว้บนหัว พระสงฆ์เดินบิณฑบาตรผ่านสายหมอกบนสะพานไม้เก่าแก่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวเป็นอันดับสองของโลกยังคงอยู่ในความทรงจำอย่างชัดเจน
แม้ทุกอย่างจะดำเนินผ่านไปตามวันเวลา ทว่า กว่า 1 ปีกับการบูรณะสะพานอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในพื้นที่สังขละบุรีกลับไม่มีทีท่าว่าจะประสบความสำเร็จ ด้วยปัญหาความไม่ลงตัวของทางการและผู้รับเหมา เป็นเหตุให้ต้องยุติการว่าจ้าง ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกปล่อยให้ค้างคา ซากปรักหักพังยังคงปรากฎดังเดิม แต่ด้วยพลังแห่งความสามัคคี ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้น
ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 และชาวบ้านต่างร่วมแรงร่วมใจรวมพลังกันมาซ่อมแซมซากแห่งความปวดร้าวให้ฟื้นคืนสภาพกันเอง ไม่เพียงแค่เด็กหรือคนหนุ่มสาวผู้มีพละกำลัง ผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งมีความรู้เรื่องสะพานต่างพากันมาช่วยดึง ตอกค้ำฐานรากที่อยู่ในน้ำ ทหารนั่งเรือยางช่วยกันประกอบเสาไม้ ทั้งต้องงัดไม้ที่ชำรุดเสียหายและไม้ค้ำยันที่ไม่ได้มาตรฐานออก เพื่อเสริมไม้ใหม่เข้าไปแทน พระสงฆ์องค์เจ้าต่างมาคอยดู ช่วยส่งแรงใจอยู่ตลอดวัน
แม้ว่าเครื่องไม้เครื่องมืออาจจะไม่ครบครัน แต่ใครมีสิ่งใด ใครพอจะแบกอุปกรณ์อะไรติดไม้ติดมือมาได้ ทุกคนต่างพร้อมใจช่วยกันหามาด้วยความเต็มใจ สายฝนที่ตกโปรยปรายนอกจากจะไม่ได้เป็นอุปสรรคสำคัญยังเป็นเหมือนน้ำทิพย์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น เป็นแรงใจให้ทุกคนช่วยกันซ่อมแซมสะพานแห่งรักและมิตรภาพให้กลับคืนในเร็ววัน เสียงที่เปล่งออกมาเป็นสำเนียงมอญดังเจื้อยแจ้วสนุกสนาน แสดงให้รู้ถึงพลังใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้านผลัดกันมาช่วยดู ช่วยเป็นกำลังใจอยู่ไม่ห่างทุกวี่วัน
ยิ่งเร่งมือ ยิ่งลงแรง ยิ่งเพิ่มความฮึกเหิม ถึงจะต้องพบกับอุปสรรคจากการวางเสาแต่ละต้นให้แข็งแรง โดย 1 ต้นเสาต้องใช้เวลานานกว่า 1 วันก็ตาม ก็ไม่มีทีท่าถึงความอ่อนแรงอ่อนใจให้รู้สึกท้อถอย กลับเป็นพลังที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า ด้วยความหวังที่มีอยู่ลึกๆ ว่าหากสามารถช่วยกันซ่อมสะพานมอญให้เสร็จทันวันทอดกฐินของชาวมอญ ซึ่งเป็นวันเดียวกับการครบรอบ 8 ปีการจากไปของหลวงพ่ออุตตมะ พระผู้เป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาของชาวมอญได้นั้น หัวใจของพวกเขาคงแช่มชื่นมากที่สุด
ตะปูตัวสุดท้ายถูกตอกลงบนพื้นทางเดินของสะพานในช่วงเย็นวันกลางสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม ชาวบ้านสองฟากฝั่งเดินข้ามไปมาได้อีกครั้งบนสะพานแห่งความทรงจำ ทหารและชาวบ้านช่วยกันทาสีบนพื้นสะพานและเสาไฟด้วยความครื้นเครง ชีวิตอันชื่นมื่นถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อสะพานมอญฟื้นคืน ภาพวิถีชีวิตเดิมๆ ที่เคยผูกพันโลดแล่นอยู่บนสะพานอีกคราด้วยความสุข
สะพานไม้กลับมาคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติ เสียงชัตเตอร์ดังอย่างต่อเนื่องเพื่อบันทึกทุกรายละเอียดที่ปรากฏบนสะพาน เป็นภาพถ่ายแห่งความทรงจำ ภาพที่คุ้นเคยของคนรัก พ่อแม่ลูกที่โพสต์ท่าถ่ายภาพอย่างมีความสุขในมุมต่างๆ ภาพความทรงจำเก่าๆ บนสะพานอุตตะมานุสรณ์ย้อนกลับคืน แสงอาทิตย์กำลังจะจากลาแต่แสงแห่งความดีใจเกิดขึ้นในเย็นวันนั้น เพราะในเช้ารุ่งขึ้นคือวันที่พวกเขาเฝ้ารอ สะพานของพวกเขากำลังจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
บรรดาหญิงชาวมอญในชุดประจำชาติ โดดเด่นไปด้วยผ้านุ่งสีแดงปักดิ้นเป็นลวดลายงดงาม เสื้อขาวแขนยาวปักฉลุ หน้าตาที่ขาวไปด้วยแป้งทะนาคา เดินพร้อมกับเทินของไว้บนศีรษะ ฝ่าสายหมอกยามเช้าออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้ามายังสะพานแห่งศรัทธา ไอหมอกยามเช้ายังคงแผ่ปกคลุมบนสะพาน ทำให้มองเห็นไม่ถนัดนักเมื่อเดินสวนทางกัน นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างออกมาเลือกซื้อเลือกหาอาหารคาวหวานเพื่อรอใส่บาตร พระสงฆ์ 45 รูปเดินเท้าเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง เพื่อให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้ร่วมกันใส่บาตรจนหมดแถว
ช่วงบ่ายของวันสำคัญคึกคักครื้นเครงด้วยเสียงกลองยาวของทหาร ทั้งแม่แก่คนเฒ่า วัยรุ่นหนุ่มสาวปรากฏกายในชุดประจำชาติ บ้างถือกฐินต้นไม้ บ้างนำของถวายใส่ถาดเดินเรียงแถวตามขบวนเสียงกลองไปตามทาง ชายหนุ่มในชุดทะมัดทะแมงช่วยกันแบกองค์กฐินที่ประดับประดาด้วยธนบัตรที่ถูกพับเป็นรูปหงส์ สัญลักษณ์ของชาวมอญ ตลอดระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรมีแต่ภาพความสนุก ผู้คนเดินไปเต้นรำไปตลอดทั้งขบวนซึ่งทอดตัวยาวไปตามถนน เพื่อนำองค์กฐินไปที่เจดีย์พุทธคยา และนำแห่ทอดกฐินที่วัดวังก์วิเวการามในวันรุ่งขึ้น
หากความเสียหายไม่เกิดขึ้น คงไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า สะพานไม้เก่าๆ ที่ทอดกายตากแดด กรำฝน เป็นหนทางให้ผู้คนเหยียบย่ำโดยสะดวกนั้นจะมีคุณค่าในเชิงสัญลักษณ์และจิตวิญญาณได้ถึงเพียงนี้







