หุ่น...ที่เป็นมากกว่าหุ่น

หุ่น...ที่เป็นมากกว่าหุ่น

เตรียมพบกับเทศกาลหุ่นโลก หุ่นหลากสัญชาติ ไทยและเทศมากที่สุดในโลก แล้วคุณจะทึ่งกับการชัก เชิด เล่าเรื่องหุ่น

"ตอนนี้กิสเนสบุ๊คก็สนใจเทศกาลนี้ เพราะมีคณะละครหุ่นมากที่สุดมาเปิดแสดง แม้จะเคยมีการแสดงแบบนี้มาก่อน เป็นการรวมคณะหุ่นย่อยๆ เยอะมากในฝรั่งเศส แต่ไม่ใช่ระดับนานาชาติเหมือนครั้งนี้ " นิมิตร พิพิธกุล ประธานจัดงานเทศกาลหุ่นโลก ปี 2557 และประธานมูลนิธิหุ่นสายเสมาศิลปะเพื่อสังคม กล่าว

สิ่งที่นักการละครคนนี้กล่าว ไม่ได้เป็นงานที่โฆษณาเกินจริง แต่เป็นงานของคนรักศิลปะการแสดงหุ่น ซึ่งจะมีคณะหุ่นจากไทย (ประมาณ 61 คณะ) ทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา และประเทศอาเซียนมาเปิดแสดงกว่า 150 คณะ และสิ่งที่สำคัญคือ อยากให้คนไทยได้เห็นศิลปะการแสดงแขนงนี้ ซึ่งมีคณะหุ่นเปิดแสดงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้มีนิทรรศการของหุ่นประเทศต่าง ๆ การสาธิตเชิดหุ่นทั่วโลก การฉายภาพยนตร์ การสร้างหุ่นประเภทต่างๆ และการประกวดการแสดงหุ่น

ศิลปะการชัก&เชิด

หากอ้างจากการค้นคว้าและบันทึกโดย เอนก นาวิกมูล นักประวัติศาสตร์ไทย เขาแบ่งประเภทหุ่นไทยไว้ 5 ประเภท ได้แก่ หุ่นหลวง, หุ่นกระบอก, หุ่นวังหน้า ,หุ่นละครเล็ก และหุ่นชักหรือหุ่นสาย แต่ในต่างประเทศจะเรียกหุ่นทั้งหมดว่า พัปเพ็ต(Puppet) รวมไปถึงหุ่นมือ หุ่นนิ้วมือ หุ่นเงา หนังตะลุง หนังใหญ่ หนังบักตื้อ ฯลฯ

แล้วในเทศกาลหุ่นโลกครั้งนี้ คณะละครหุ่นไทยจะมีเทคนิคการแสดงอย่างไร เรื่องเล่าจากวรรณกรรมจะมีการดัดแปลงมากน้อยเพียงใด และหุ่นที่นำมาแสดง จัดเป็นหุ่นไทยประเพณี หุ่นไทยพื้นบ้าน หุ่นไทยร่วมสมัย หรือหุ่นผสมผสาน

ก่อนจะโหมโรง ร่วมในเทศกาลหุ่นโลกครั้งนี้ นิมิตร บอกว่า คนไทยไม่เคยรู้เลยว่า เรามีคณะหุ่นกว่า 60 คณะ เพราะที่ผ่านมาไม่มีการบันทึกประวัติศาสตร์ และการแสดงหุ่นที่๋ผ่านมาในกรุงเทพฯ ก็มักจะเป็นหุ่นที่อยู่ในเมืองเท่านั้่น ส่วนใหญ่เป็นหุ่นกลุ่มเดิมๆ ที่คนรู้จัก

"เราไม่เคยให้ความรู้คนดูเลยว่า การดูหุ่นพื้นบ้านจะดูอย่างไร ปัจจุบันหุ่นพื้นบ้าน มีการประยุกต์แล้ว มีการพูดภาษาท้องถิ่นควบกับภาษากลาง ดูไม่ยาก ส่วนใหญ่หุ่นพื้นบ้านนำเสนอเนื้อหาร่วมสมัย บางทีก็เล่นเรื่องการเมือง สังคม นั่นทำให้หุ่นพื้นบ้านอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่อยู่ในบริบทของท้องถิ่น ถ้าจะนำมาให้คนเมืองดู ก็ต้องประยุกต์"

คนจำนวนมากไม่เคยรู้เลยว่า แค่หุ่นกระบอกไทยก็มีตั้ง 12 คณะ หุ่นร่วมสมัย 13 คณะ แล้วยังหนังตะลุงอีกหลายสิบคณะ แล้วรู้จักหนังบักตื้อกันไหม

"หนังบักตื้อไม่ต่างจากหนังตะลุง จัดแสดงขึ้นเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมอีสาน" เจ้าของคณะหนังบักตื้อ ศ.คมศิลป์ จ.อุบลราชธานี กล่าว

นิมิตร บอกว่า บ้านเราเรียกหนังตะลุง หนังใหญ่ว่า หนัง จึงไม่ได้อยู่ในมหรสพที่เรียกว่าหุ่น แต่ในต่างประเทศจะถือว่าหนังตะลุง หนังใหญ่เป็นหุ่นประเภทหนึ่ง

การก่อเกิดของหุ่นแต่ละชนิด มีวิวัฒนาการยาวนาน และมีการผสมผสานระหว่างสัญชาติ ยกตัวอย่างง่ายๆ หนังตะลุงภาคใต้ มีต้นกำเนิดจากหนังตะลุงที่ชวา อินโดนีเซีย ซึ่งเรียกว่า วังวายอ ต่อมาแพร่หลายเข้ามาทางเมืองมลายู แและชาวไทยได้พบเห็นที่เมืองยะโฮร์ จึงได้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะกับรสนิยมของคนไทย

ส่วนหนังตะลุงอีสาน ก็เลียนแบบจากหนังตะลุงคณะที่มาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คณะหนังตะลุงภาคอีสานที่มีชื่อเสียงได้แก่ หนังบักตื้อ หนักบักป่อง บักแก้ว เรื่องที่นิยมเล่นกัน ก็คือ รามเกียรติ์ นางแตงอ่อน ฯลฯ

"หุ่นวายังในอินโดนีเซีย ซึ่งผมมีโอกาสไปชมในเทศกาลหุ่น เปิดงานด้วยการเชิดหุ่นร่วมสมัย ไล่มาถึงวายังพื้นบ้าน และปิดด้วยวายังประเพณี ปกติแล้วหุ่นวายัง คนเล่นจะอยู่หน้าจอ แล้วคนดูจะนั่งถัดไปข้างหลัง คนอินโดจะไม่มีใครดูหุ่นหน้าจอ พวกเขาจะดูหลังจอและรอบๆ " นิมิตร เล่าถึงการสร้างสรรค์หุ่นในอินโดนีเซีย และถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้คณะหุ่นไทย เปิดโอกาสให้คนดูได้นั่งข้างหลังจอบ้าง เพราะการนั่งอยู่หลังจอที่นายหนังชัก เชิด คนดูจะได้เห็นความวุ่นวายการเชิด ชัก และการแสดงดนตรีประกอบของคณะหุ่น ทั้งหมดเชื่อมโยงศิลปะหลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน

หลากเรื่องราวหุ่นไทย

"คนไทยมักจะเรียกหุ่นทุกประเภทว่า โจหลุยส์ ทั้งๆ ที่หุ่นโจหลุยส์คือ หุ่นละครเล็ก ซึ่งปัจจุบันมีหลายคณะ อาทิ คณะคำนาย คณะอักษรา ฯลฯ แต่เรายังมีหุ่นนิ้ว หุ่นเงา หุ่นสาย หนังใหญ่ ฯลฯ แม้กระทั่งหุ่นไจแอ่น ก็จะมาร่วมเดินพาเหรด " นิมิตร เล่า เพื่อให้เห็นว่า ในบ้านเรามีศิลปะการแสดงหุ่นมากมาย และมากกว่าที่หลายคนคิด

"ลักษณะเด่นของคณะเรา ที่ทุกคณะไม่มี ก็คือ เราเป็นหุ่นสัตว์ทั้งหมด " เกียรติสุดา ภิรมย์ คณะหุ่นเจ้าขุนทอง เล่า พวกเขาเป็นหุ่นคณะเดียวที่เกิดขึ้นจากรายการทีวี เนื่องจากตอนนั้นสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 อยากได้หุ่นมานำเสนอในรายการสอนภาษาไทยตอนเช้า จึงเริ่มทำหุ่นตั้่งแต่ปี 2534 ซึ่งเป็นตัวละครสัตว์แบบไทยๆ นำเสนอในรูปแบบนิทาน ผูกโยงกับเรื่องคุณธรรม และปัจจุบันได้มีการส่งต่อไปถึงคนรุ่นใหม่

นอกจากหุ่นสัตว์ ยังมีหุ่น mommy puppet ศิริจิตร จิตรถาวรกุล เจ้าของคณะ บอกว่า คณะละครหุ่นคุณแม่ เริ่มจากเล่านิทานให้ลูกฟัง พอลูกสนุก ก็นำไปเล่าให้เพื่อนๆ ของเขาฟัง แล้วขยายไปสู่ผู้ปกครอง

"หุ่นตัวแรกที่คุณแม่เย็บคือ คุณตามาริโอ้ ซึ่งเวลาเราทำหุ่น เราทำด้วยความสุข อยากทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก พอลูกมีความสุข เขาก็แบ่งปันให้คนอื่น เด็กๆ ที่มาดูก็มีความสุข ตอนนี้ลูกชายวัย 9 ขวบ ลูกสาววัย 7 ขวบเป็นคนเล่านิทาน คุณพ่อคุณแม่ก็เชิดหลังโรง ทุกครั้งที่เราแสดง เราก็ได้อยู่กันทั้่งครอบครัว "

ถ้าทำชีวิตให้ง่าย ความสุขก็เป็นเรื่องง่ายๆ ในการสื่อสารผ่านหุ่น บางคณะทำหุ่นตัวเล็กๆ แต่น่ารักจากผ้าขี้่ริ้ว นำมาเล่นกับเด็กยากจน

"เด็กที่มาแสดงส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้า เพื่อให้เด็กใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ปัจจุบันออกงานวัด งานกุศล เยอะมาก" ตัวแทนจากคณะหุ่นกระบอก ช.เจริญศิลป์ เล่า

ไม่ใช่แค่หุ่นน่ารักๆ เพื่อสื่อสารเรื่องราวไปถึงเด็กๆ ยังมีการใช้หุ่นสื่อสารเรื่องราวในสังคม อย่างคณะละครมะขามป้อม พวกเขาทำหุ่นเงา และพัฒนารูปแบบให้เป็นหุ่นร่วมสมัย ใช้เทคนิคสมัยใหม่ในการเคลื่อนเงาเหมือนแอนิเมชั่น

"เราเคยเล่นเรื่องนางผมหอม เล่าถึงแม่ที่เข้าไปในป่า ดื่มน้ำในรอยเท้าช้างแล้วท้อง คนในหมู่บ้านจึงไม่ยอมรับ จากนั้นเรานำประเด็นมาถกเถียงกัน นำเสนอประเด็นความรุนแรงในผู้หญิงและเด็ก เราก็ตีความว่า เธอถูกข่มขืนหรือเปล่า " ผิวน้ำ เฉลิมญาติ นักการละครอีกคน เล่าถึงการนำหุ่นมาสื่อสารประเด็นทางสังคม

นอกจากเล่าเรื่องเพื่อสื่อสารประเด็นทางสังคม และคุณธรรมความดีแล้ว ยังมีการทำหุ่นเพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างสรรค์ออกมาแล้ว ฝรั่งก็ชื่นชอบ ประเสริฐ สุวรรณวัฒน์ คณะหุ่นสาย คณะบ้านยิ้ม บอกว่า

ทางเรามีหุ่นสายสิบห้าตัวเพื่อแสดงฉากยกรบเรื่องรามเกียรติ์ ระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์

"เราเล่นเรื่องรามเกียรติ์ ฝรั่งชื่นชมนะ หรือเราทำพันท้ายนรสิงห์ ตอนเห่เรือกับต่อยมวย นำแม่ไม้มวยไทย 9 ท่าใส่ลงไปให้ฝรั่งชม โดยนำหุ่นกระบอก หุ่นสาย หุ่นมือมาแสดงร่วมกัน รอบๆ เวทีมวยใช้หุ่นมือ " ประเสริฐ ผู้สืบทอดหุ่นบ้านยิ้มจากคุณพ่อของเขา เล่า และบ้านของเขาได้กลายเป็นโรงเรียนแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อให้เด็กอายุ 3-5 ขวบหัดเล่นโขนจิ๋ว

หุ่นไทยไม่แพ้หุ่นต่างชาติ

ก่อนหน้านี้เทศกาลหุ่นโลก เคยจัดแสดงในโซนยุโรป ผ่านมาถึงอินโดนีเซีย ล่าสุดเดือนพฤศจิกายน จะจัดที่เกาะรัตนโกสินทร์ ประเทศไทย นิมิตร เล่าในฐานะนักการละครที่มีโอกาสร่วมในเทศกาลหุ่นหลายประเทศว่า เขาเคยบอกผู้จัดเทศกาลหุ่นว่า ถ้าอยากทำโมเดลเทศกาลหุ่นโลก แบบเดียวกับปราก สาธารณรัฐเช็ก ให้มาจัดที่เกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ

"ครั้งนี้ผมอยากให้คนไทยได้ดูหุ่นทุกประเภทที่อยู่ในประเทศไทย เป็นการรวมตัวครบทุกประเภท และมีคณะหุ่นในเมืองไทยมากที่สุด เดิมทีจะจัดพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พวกเขาได้ออกแบบมาแล้ว แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำออกมาหรูหรา ผมไม่อยากให้เอาเงินมาทิ้งเปล่าๆ ผมก็เลยเสนอให้มีการจัดทำสารคดีความยาว 15 นาที เพื่อบันทึกการแสดงหุ่นไทยทั้งหมดในประเทศเรา เพื่อจัดนิทรรศการให้คนดู ส่วนการแสดงจะเปิดแสดงตามจุดต่างๆ ย่านเกาะรัตนโกสินทร์" นิมิตร เล่าและโดยส่วนตัวแล้ว เขาชอบคณะหุ่นเล็กๆ ที่แสดงถึงวิธีคิด

"อย่างกลุ่มที่เล่นกับหิน stone by stone เริ่มจากพวกเขาไปเดินเล่นบนหาดทราย แล้วเอาสิ่งที่อยู่บนหาดทรายมาเล่นเป็นเรื่อง เป็นคณะละครที่ได้รับรางวัลเยอะ เปิดแสดงไปทั่วโลก ทั้งๆ ที่แสดงจากหินไม่กี่ก้อน เล่าเรื่องจากสิ่งที่มีอยู่ พวกเขารู้ว่า จะทำให้หุ่นมีชีวิตได้ยังไง ผมมองว่า การแสดงละครหุ่น ภาษาไม่สำคัญเลย ศิลปะทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน ทางยุโรปจะมีหุ่นสายเยอะ ทางเอเชียเป็นหุ่นหนัง เหมือนหนังใหญ่ หนังตะลุง ปกติศิลปะเอเชียจะเน้นการเล่าเรื่อง ทางยุโรปจะเน้นเทคนิคการแสดงหุ่น หุ่นบรูไน พวกเขาเริ่มจากเอากล่องบุหรี่มาตัดเป็นตัวหุ่น เล่นในครอบครัว ส่วนทางสิงคโปร์มีหุ่นนิ้ว "

นอกจากเล่าถึงศิลปะของหุ่น นิมิตรยังบอกว่า เขาอยากเปิดมิติใหม่ๆ ของหุ่นไทยในเทศกาลหุ่นครั้งนี้ เพราะการแสดงหุ่นสมัยใหม่จะเน้นไปที่ผู้เชิด คนเชิดอยู่หลังฉาก

"ผมมองว่า เป็นศิลปะที่น่าสนใจ ครั้งนี้ก็เลยอยากให้คนดูได้เห็นหลังฉาก เพื่อใกล้ชิดกับคนเชิด ได้เห็นเสน่ห์ของการเชิดหุ่น ผมตั้งใจทำอย่างนั้น แต่กำลังตกลงกันบางคณะ เพราะบางคนเกรงว่าจะรบกวนคนเชิด" นั่นเป็นการเชิดหุ่น

ส่วนการดูศิลปะการแสดง เขา บอกว่า บางคนดูการแสดงหุ่นไม่เป็น ต้องถามตัวเองก่อนว่า เราตั้งใจมาดูหุ่น เรื่องราว หรือความรู้สึกร่วม

"ปกติคนเชิดหุ่นจะมุ่งสมาธิไปที่ตัวหุ่น คนที่ดูไม่เป็นจะดูคนเชิด จริงๆ แล้วต้องดูชีวิตของหุ่น เวลาหุ่นสื่อสารความรู้สึกถึงกันและกัน ดูว่าหุ่นต้องการบอกอะไร ผมอยู่กับหุ่นมานาน ผมเห็นแววตา ผมเห็นคนเชิดที่ให้กับหุ่น ซึ่งในทางเอเชียคือการแสดงความศรัทธาเหมือนการแสดงความศรัทธาต่อรูปเคารพ มันมีพลัง "

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การแสดงหุ่นก็ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากหุ่นบางชนิดมีความวิจิตร จึงยากที่เยาวขนจะเข้าถึง นิมิตร บอกว่า เพราะหุ่นเหล่านี้ราคาแพง ทำให้คุณครูไม่อยากให้เด็กนำมาเล่น เกรงว่าจะเสียหาย

"ต้องตั้งคำถามว่า หุ่นตามประเพณีก็คืองานวิจิตรหรือเปล่า แล้วงานวิจิตรหมายถึงงานหรูหรา จนทำให้เด็กเข้าไม่ถึง ไม่มีส่วนร่วม ถ้าจะให้เด็กมีส่วนรวม เราจะตกแต่งหุ่นอย่างเรียบง่าย เพื่อให้เด็กเล่นได้ไหม เพื่อให้พวกเขาดูและเล่นกับหุ่นประเพณีได้อย่างมีความสุข"

.............................

หมายเหตุ : เทศกาลหุ่นจัดวันที่ 1-10 พฤศจิกายน 2557 ใช้พื้นที่บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ทั้งหมดจัดการแสดง ตั้งแต่บริเวณท้องสนามหลวง (ศูนย์กลางการจัดงาน) เชื่อมโยงกับสถานที่จัดงานอื่นๆ ได้แก่ โรงละครแห่งชาติ โรงละครวังหน้า หอประชุมมหาวิทยาลัยศิลปากร หอศิลป์ เจ้าฟ้าฯ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ดูรายละเอียดการแสดงได้ที่ www.harmonyworldpuppet.com