ตามดูธารลาวาบนเขาใหญ่

ตามดูธารลาวาบนเขาใหญ่

การได้มีโอกาสไปถ่ายภาพประกอบและเขียนข้อมูลธรรมชาติศึกษาในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

ทำให้ผมได้มีโอกาสตามดูพื้นที่ของเขาใหญ่แทบทุกแง่มุม หนึ่งในนั้นคือร่องรอยของธารลาวาและร่องรอยภูเขาไฟระเบิดในอดีต ที่ปรากฏบนเขาใหญ่อย่างชัดเจนที่น้ำตกผากล้วยไม้และน้ำตกเหวสุวัต

ที่น้ำตกผากล้วยไม้ ผมไปสะดุดตาบางอย่าง เริ่มตั้งแต่ลานหินก่อนจะถึงตัวน้ำตกที่เป็นหินแข็ง ทว่ามีลายเป็นริ้วๆ ผิดจากลายหินทั่วไป ครั้นพอลองเดินตามดูเรื่อยๆ ตามริมลำธาร ก็ยิ่งเห็นบางส่วนบางพื้นที่เป็นชั้นๆ หยักคด เหมือนรอยของของเหลว หินบางก้อนรอยหยักคดนั้นเหมือนเป็นลายของไม้ แต่ปรากฏแข็งในรูปของหินที่ไม่ใช่ฟอสซิลไม้ ผมตามดูทั่วทุกชั้นหน้าผาน้ำตก ยิ่งตามก็ยิ่งเห็น ป่ายปีนลงไปถึงชั้นล่างสุดก็เห็นปรากฏการณ์ทางธรณีที่น่าทึ่ง แท้จริงก่อนที่ธารน้ำแห่งนี้จะเคยมีน้ำไหล มันอาจจะมีสิ่งอื่นมีเคยไหลเคลื่อนที่มาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้...ลาวา

กรมทรัพยากรธรณี เขาจะมีแผนที่ธรณีกาล แบ่งเป็นยุคๆ ตั้งแต่กำเนิดโลกแต่จับเอาช่วง 443.7 ล้านปี มาถึง 299 ล้านปี เรียกว่ายุคไซลูเรียน-ดิโวเนียน-คาร์บอนิเฟอรัส สรุปง่ายๆ ว่าเป็นยุคที่โลกกำลังจัดระเบียบ แผ่นเปลือกโลกนั้นขยับไปนี่ แผ่นโน้นมุดแผ่นนี้ พอขยับเข้ามาช่วง 299-251 ล้านปีก่อนที่เรียกว่ายุคเพอร์เมียน ถือเป็นช่วงที่โลกเริ่มนิ่งพอควร จึงเกิดเป็นอาณาจักรใต้ทะเลขึ้น มีพวกญาติหมึกที่เรียกว่า แอมโมนอยส์ หรือสัตว์เซลเดียวอื่นๆ พวกที่เรียกว่าคตข้าวสารก็อยู่ในอาณาจักรนี้ พอมาช่วงต่อยุคเพอร์เมียนจะเข้ายุคไทรแอสสิค เรียกว่ายุคเพอร์โมโทแอสซิก ยุคนี้แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดกันวุ่นวายไปหมด พอเข้ายุคไทรแอสิก (ช่วง 251-199.6 ล้านปีมาแล้ว) ก็เริ่มเป็นยุคที่มีไดโนเสาร์ แต่ไดโนเสาร์มาครองโลก เรียกว่าเริ่มเข้ายุคทองก็ช่วงจูราสสิค (199.6-145.5 ล้านปีก่อน)

แผ่นดินอีสานบ้านเรานี่มีไดโนเสาร์ตั้งแต่ตัวเล็กเท่าไก่ จนใหญ่ปานสะพานลอย เดินกันยั้วเยี้ยไปหมด ในน้ำ บนอากาศ บนเขาใหญ่เองผมก็เคยเขียนเรื่องเดินป่าไปดูรอยเท้าไดโนเสาร์ไปแล้ว แต่พอมายุคครีเทเชียส(145.5-65.5 ล้านปี)ยุคที่ไดโนเสาร์บูมมาก เหมือนคนเราตอนนี้แหละ พัฒนาการมาเต็มที่ แต่ก็ดันเกิดห่าฝนอุกาบาตถล่มโลกซะจนไดโนเสาร์สูญพันธุ์ซะอย่างนั้น พอเข้ายุคพาลีโอจีน(65.5-23 ล้านปี) กับยุคนีโอจีน (23-2.6 ล้านปี) ช่วงนี้แหละครับที่แผ่นธรณีสองแผ่นคือแผ่นธรณีทวีปอินเดีย เคลื่อนมาจากทางใต้มาชนกับแผ่นธรณีทวีปยูเรเซีย ทำให้แผ่นดินยกตัวสูงขึ้นกลายเป็นที่ราบสูงโคราชและเกิดรอยแยกรอยเลื่อนเต็มไปหมด

ถ้าจะบอกว่าเขาใหญ่ที่อยู่บนที่ราบสูงโคราชก็เกิดช่วงนี้ก็คงไม่ผิด แล้วช่วงนี้เริ่มเกิดบรรพบุรุษของคนและสัตว์ในปัจจุบันอีกหลายชนิด ในยุคตั้งแต่ 2.6 ล้านปีมาจนถึงปัจจุบันนี่แหละครับ เป็นยุคที่ธรรมชาติขัดเกลาให้เป็นเขาใหญ่ในปัจจุบัน มีการผุพัง มีน้ำกัดกร่อน จนทำให้บางส่วนเป็นร่องเขา หุบห้วย เป็นหน้าผา น้ำพัดพาตะกอนบ้าง เศษหินเศษกรวดสารพัดไปทับถมกลายเป็นภูมิประเทศแบบต่างๆ มีภูเขายอดราบ มีภูเขาที่เอียงลาดไปด้านหนึ่งแล้วมีหน้าผาตัด ล้วนแล้วเป็นกระบวนการผุพัง กัดกร่อนทั้งสิ้น หิน ดิน เถ้าภูเขาไฟ สารอินทรีย์หรืออนินทรีย์ทั้งหลายที่ถูกกัดกร่อนกลายเป็นพื้นดินล้วนก่อเกิดเป็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์มีต้นไม้และพืชพันธุ์สารพัน และสัตว์ป่าเกิดขึ้นมากมายอย่างที่เห็น

ผอ.นิวัติ บุญนพ ผู้อำนวยการส่วนประสานงานและสนับสนุนทางวิชาการ ศูนย์สารสนเทศทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี อธิบายให้ฟังเพิ่มว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ที่บริเวณเขาใหญ่ที่เดียวที่มีการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 245 ล้านปี แต่มันเป็นแนวภูเขาไฟอายุเดียวกันยาวต่อเนื่องมาจาก สปป.ลาวทางด้านเหนือต่อลงมายัง จ.เลย เพชรบูรณ์-พิจิตร ลพบุรี สระบุรี นครราชสีมา(เขาใหญ่) นครนายก เลี้ยวไปทางตะวันออกผ่านสระแก้ว แล้วลงทิศใต้ไปสุดที่เกาะช้าง จ.ตราด

ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการปะทุเป็นแนวภูเขาไฟโบราณข้างต้นในประเทศไทยได้นั้น เป็นเพราะการเคลื่อนที่ชนกันของแผ่นอนุทวีปฉานไทยและแผ่นอนุทวีปอินโดจีนในช่วงเวลาดังกล่าวนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันแผ่นอนุทวีปทั้งสองได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นทวีปใหญ่ที่ชื่อแผ่นทวีปยูเรเชีย เขาใหญ่นั้นเคยเป็นบริเวณที่มีการระเบิดของภูเขาไฟดึกดำบรรพ์ เมื่อประมาณ 245 ล้านปีที่แล้วมา มีการไหลบ่าของธารลาวาขึ้นมาปิดทับหินเดิมคือหินปูนที่เคยเกิดในทะเล อายุ 255-299 ล้านปีก่อนหน้า ที่เราเห็นบริเวณผากล้วยไม้คือ หินภูเขาไฟที่ชื่อหินไรโอไลต์ ที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวาชนิดที่มีความหนืดค่อนข้างสูง เพราะมีองค์ประกอบของซิลิกา (SiO2) มาก ไหลมา พอเย็นลงก็เป็นหินจึงทิ้งร่องรอยการไหลของลาวา (Flow banding) เห็นจนทุกวันนี้

ถ้าไปที่น้ำตกเหวสุวัตท่านผู้อ่านจะเห็นว่าหินย่านน้ำตกมันมีกรวดฝังในเนื้อหินมากมายเต็มไปหมดนั่นเป็นเพราะช่วงที่ภูเขาไฟระเบิดนั้นมันจะปะทุผ่านชั้นหินไรโอไลท์ พอแรงดันภูเขาไฟมันปะทุออกมาก็พาหินไรโอไลท์พวกนี้แตกกระจายพ่นขึ้นไปในอากาศปนกับลาวาไปด้วย แล้วก็ตกลงมาผสมปนกันกับลาวาร้อนๆ พอเย็นลงก็จะตรึงหินกรวดเหลี่ยมพวกนั้นไว้ปนกับเนื้อหินลาวา ถ้าเราลองสังเกตจะเห็นว่าหินกรวดพวกนี้ก้อนใหญ่ๆ จะอยู่ชั้นล่างๆ ส่วนบนๆ ขึ้นมาจะเป็นก้อนเล็กๆ ก็เพราะอีตอนที่มันระเบิดแล้วตกลงมาไอ้ก้อนใหญ่ก็ตกมาก่อน ส่วนไอ้ก้อนเล็กก็ตกตามลงมาแค่นั้นเองที่เหวสุวัตนี่จะชัดเจนมาก

จริงๆ ถ้าท่านผู้อ่านได้มาฟัง ผอ.นิวัติ อธิบายโดยมีอุปกรณ์ง่ายๆ ประกอบ จะทำให้เราเข้าใจเรื่องธรณีและสนุกกับมันมากทีเดียว นี่ผมเขียนยังถ่ายทอดมาได้เพียงนิดเดียวด้วยซ้ำ แต่ไม่มีอะไรยากเกินเรียนรู้ครับ

ธรรมชาติที่สวยงามได้ไปเห็นเราก็สำราญใจ ยิ่งถ้าได้ความรู้ด้วยเหมือนได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีสีสันทั้งกลิ่นหอมน่ารับประทาน ไปเขาใหญ่คราวหน้า ลองดูร่องรอยยุคภูเขาไฟที่ผากล้วยไม้กับที่เหวสุวัตนะครับ สนุกเกินคาด เชื่อผมสิ...