สวรรค์นักช้อปแดนภารตะ

ดินแดนภารตะไม่ได้มีแค่โบราณสถาน เว้าโค้งของปราสาทราชวัง หรือธรรมชาติบนเทือกหิมาลัย
แต่ยังมีอะไรอีกหลายอย่าง ดึงดูดคนรักสีสันและความสนุกสนานให้หลงใหล ติดหนึบราวกับถูกร่ายมนต์ ยิ่งบรรดานักช้อป-แฟนพันธุ์แท้แดนภารตะด้วยแล้ว รับรองว่าทำเอากระเป๋าแห้งได้เลยทีเดียว
เริ่มจากตลาดที่นักท่องเที่ยวมักไม่พลาดเมื่อมาถึงเมืองหลวงแห่งนี้ นั่นคือ Janpath Market ย่านชอปปิงกลางเมือง แม้จะอลหม่านไปด้วยรถราและฝูงชน แต่ก็ละลานตาไปด้วยสินค้ามากมาย ตั้งแต่เสื้อผ้าปัก งานหัตถกรรมไม้ โคมไฟ ทองเหลือง ผ้าปักลูกปัด “jootis” รองเท้าปลายแหลมด้านหน้า ส่าหรี ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน สีสันแสบตา นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเรียกน้ำย่อย สวรรค์นักช้อปแห่งนี้ยังมีสินค้าอีกสารพันเกินสาธยาย ทางที่ดีต้องมาดูให้เห็นกับตา
Janpath Market อยู่บนถนนสายหลักกลางเมืองนิวเดลี ตั้งอยู่ในย่าน Connaught Place ศูนย์กลางธุรกิจของเมือง ใกล้ๆ กันยังมี Palika Bazaar ตลาดใต้ดินใกล้สถานีรถไฟฟ้า Rajiv Chowk แต่ที่นั่นไม่แนะนำเพราะเต็มไปด้วยผู้คนมือไว ส่วนทางตะวันตกของ Janpath Market คือ ตลาดทิเบต ออกแรงเดินแค่เพียงไม่กี่ก้าวจะเจอกับสินค้าหน้าตาแตกต่าง เต็มไปด้วยข้าวของสไตล์ทิเบต ตั้งแต่ ภาพทังก้า, พระพุทธรูป, ธงและกงล้อมนต์ เครื่องประดับหินหลากสี ฯลฯ ในร้านค้าที่เรียงรายอยู่ริมถนน
ย่านการค้าแห่งนี้ก่อตั้งมาพร้อมๆ การเริ่มต้นตั้งเมืองหลวงใหม่ของประเทศอินเดียในปี 1931 วันนี้เป็นจุดที่นิยมมากที่สุดบนถนนสายนี้ กลายเป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมชมชอบสินค้า เสื้อผ้านานาชนิดสไตล์อินเดีย เส้นทางทอดยาว 1.5 กิโลเมตรล้วนแล้วแต่อัดแน่นไปด้วยร้านค้าเล็กๆน้อยๆ ร้านใหญ่ภายในตัวตึก สินค้าแบกกับดินสองข้างทาง
ส่วนสีสันของย่านนี้น่าจะเป็นซอยเล็กๆ อันร่มรื่นเรียงรายไปด้วยผ้าปัก ผ้าคลุมไหล่ ส่าหรีปักแบบอลังการ ชุดสวยๆมือสอง ตั้งแต่ชุดแต่งงานแบบอินเดีย ชุดสำหรับงานปาร์ตี้ หรือแม้กระทั่ง Salwar Kameez หลากหลายดีไซน์ ทำเอาฉันซึ่งเป็น “แฟนพันธุ์แท้แดนภารตะ” ลืมหายใจ เพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับสีสันแพรวพราว
ขอบอกว่า...การชอปปิงในย่านนี้ยังมีเรื่องราวมากมายชวนสนุกสนาน และการเจรจาต่อรองเป็นสิ่งจำเป็น เพราะบรรดาแม่ค้า-พ่อค้าแดนภารตะเหล่านี้ เขาตื้ออย่าบอกใครเชียว เรียกได้ว่าแค่คุณเผลอไปจับผ้าสักชิ้น ส่าหรีสักผืน อย่าคิดว่าจะเดินผละออกไปได้ง่ายๆ หากยังไม่ได้ควักสตางค์ เคล็ดลับอย่างหนึ่ง ต้องใจแข็งเข้าไว้ ชอบแค่ไหนก็อย่าทำตาโตเด็ดขาด เมื่อไหร่ที่ลูกค้าใจแข็งเดี๋ยวแม่ค้าจะใจอ่อนเอง เคล็ดลับนี้ใช้ได้ดีมานักต่อนักแล้วในย่านนี้ หากคุณเป็นคนช่างเลือก จุกจิกบ้างบางเวลาพวกเธอยินดี เพราะพ่อค้า-แม่ค้าเหล่านี้มีความอดทดเป็นเลิศในการดึงเงินคุณออกจากกระเป๋า นี่คือวิถีการค้าขายสไตล์อินเดีย
ผู้ที่ชื่นชอบการเจรจาต่อรองอาจหลงรักตลาดนี้ แต่ถ้าใครไม่มีภูมิต้านทานความวุ่นวาย มีทางเลือกฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กัน ที่นั่น มีสินค้าหัตถกรรมจากรัฐโอริสสา, รัฐเคราล่า พรมจากแคชเมียร์ ทองเหลือง-หน้ากาก จากรัฐกรรณากัฏ ภาพวาดงานจิตรกรรมจากรัฐพิหาร ผ้าปัก-ผ้าพิมพ์ลายสวยๆจากราชสถาน ผ้าปักฝีมือละเอียดจากรัฐคุชราต เครื่องประดับแบบโบราณทั้งเงินและทองคำ ฯลฯ เรียกว่ามาที่เดียวท่องทั่วประเทศอินเดีย อาคารหลังใหญ่นี้คนท้องถิ่นเรียกว่า “อินเดียนเอ็มโพเรียม” ร้านค้ารัฐบาลที่รวบรวมสินค้างานฝีมือคุณภาพดี ราคาเป็นธรรม ไม่มีการต่อรอง แถมติดแอร์เย็นฉ่ำให้นักช้อปสำราญใจ
แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลแล้วล่ะก็ ตลาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะย่านนี้มีทุกอย่างที่นักช้อปอยากได้ ครั้งหนึ่งของการเยือนเดลีในช่วง “เทศกาลดิวารี” เทศกาลปีใหม่ของคนอินเดีย ย่านการค้าแถว Karol Bagh คับคั่งไปด้วยฝูงชนที่มาจับจ่ายใช้สอยข้าวของรับเทศกาล ลองนึกภาพเยาวราชช่วงตรุษจีนดู แต่ที่นั่นวุ่นวายอลม่านมากกว่าหลายสิบเท่า
รถยนต์ แท็กซี่ ออโต้ริกชอร์ ประสานเสียงกันสนั่น ไหนจะเสียงพ่อค้าร้องเรียกลูกค้าแข่งกันอยู่ริมถนน บริเวณนี้มีร้านค้ามากมายนับพันๆ ตั้งแต่ร้านเพชร ร้านทองคำ ชุดสวยของดีไซเนอร์อินเดียแบบอลังการ ร้านส่าหรีปักราคาหลักหมื่นหลักแสน ร้านขายของมงคลที่ใช้ในงานพิธี กระเป๋า-รองเท้าประดับเพชรพลอย เครื่องประดับ รวมทั้งเป็นแหล่งเลือกหาชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว การ์ดอวยพรสีสด ลวดลายภารตะ ร้านอาหารก็มีจนนับไม่หวั่นไม่ไหว
Karol Bagh เป็นย่านที่อยู่อาศัยผสมกับย่านพาณิชย์ในเดลีตอนกลาง สถานที่แห่งนี้เป็นประจักษ์พยานแห่งความขัดแย้งและอิสรภาพ ในอดีตบริเวณนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมในเดลี จนกระทั่งค.ศ. 1947 เกิดการอพยบครั้งใหญ่ของชาวมุสลิมจำนวนมากไปยัง ประเทศปากีสถาน หลังจากแยกประเทศจากอินเดีย และเกิดการไหลบ่าเข้ามาของผู้ลี้ภัยจากตะวันตกในรัฐปัญจาบ ในจำนวนนี้หลายคนเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ รวมทั้งการเข้ามาอยู่อาศัยของชาวทมิฬและชาวเบงกาลี ที่นี่ยังมีชุมชนเบงกาลีที่เก่าแก่ที่สุดให้ได้เห็น ชาวเบงกาลีในเมืองนี้เกี่ยวพันอยู่กับเรื่อง “อัญมณี” จึงไม่น่าแปลกใจเมื่อเห็นร้านขายเครื่องประดับ อัญมณี ใหญ่ๆ ตั้งอยู่หลายร้านทั้งแท้และเทียม ทั้งหมดมีดีไซน์เฉพาะตัวหรูหราสไตล์อินเดีย
ถนนเครื่องประดับของที่นี่ เต็มไปด้วยเครื่องประดับเงินและอัญมณี เพชร ทองคำ จากช่างชาวเบงกาลีผู้ชำนาญ ฝีมือดีเป็นที่รู้จักและยอมรับทั่วประเทศอินเดีย คนอินเดียยังได้ชื่อว่าเป็นผู้บริโภคทองคำมากที่สุดในโลกด้วย ย่านนี้นอกจากจะมีของหรูๆ ให้น้ำลายสอแล้ว ยังเป็นตลาดขายส่งเสื้อผ้าที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
อีกย่านหนึ่งที่ชวนคุณมาชม รวมทั้งฉันไม่เคยพลาดเลยเมื่อมายังเดลี ตลาดข่าน หรือ Khan Market ตลาดรูปตัวยู ซับซ้อนสองชั้น มีร้านค้าอยู่เกือบ 200 ร้าน เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นหนึ่งในตลาดระดับ “ไฮเอนด์” ของเดลี เต็มไปด้วยชนชั้นกลางและเศรษฐีอินเดียที่มาช้อปปิ้ง รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกหนาตามากขึ้น เพราะเต็มไปด้วยร้านค้าทันสมัย มีดีไซน์
Khan Market ก่อตั้งขึ้นในปี 1951 ชื่อนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติ์ให้ Ghaffar อับดุลข่าน (1890-1988) ชาว Pashtun เป็นผู้นำทางการเมืองและจิตวิญญาณเป็นที่เคารพนับถืออย่างมากทั่วประเทศอินเดีย สมัยก่อนอาคารเหล่านี้คือที่พักอาศัย ได้รับการออกแบบโดยชาวอังกฤษ อาคารเป็นลักษณะผสมของอังกฤษและศิลปะสไตล์อาร์ตเดคโค ต่อมาเมื่อเศรษฐกิจเริ่มบูมครอบครัวเดิมย้ายออก ขายให้กับเจ้าของใหม่ดัดแปลงกลายเป็นย่านการค้ากลางเมืองอันเก่าแก่และยอดนิยมของชาวอินเดียและชาวต่างชาติที่อาศัยในนิวเดลี
ในปี 2010 มันได้รับการจัดอันดับที่ 21 ของโลกในฐานะย่านการค้าและถนนธุรกิจที่แพงที่สุด เพราะที่ดินในเดลีแพงยิ่งกว่าทองคำ ย่านนี้มีร้านค้าแบรนด์ดังทั้งของอินเดียและตะวันตกที่เรารู้จักกันดี แต่หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของตลาดนี้คือ ร้านหนังสือที่รวบรวมหนังสือที่น่าสนใจไว้มากมาย รวมถึงสินค้า ผลิตภัณฑ์อายุรเวท-เครื่องประทินโฉมต่างๆ ในรูปลักษณ์ทันสมัย
สำหรับแฟนพันธุ์แท้แดนภารตะ คงหนี้ไม่พ้นเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์อินเดียที่ตัดเย็บอย่างประณีต มีคุณภาพ ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ส่วนสนนราคาแพงระยับทีเดียว ของแต่งบ้าน งานร่วมสมัย มีให้เลือกซื้อหาหรือถ้าแค่ด้อมๆ มองๆ ก็เพลิดเพลินเจริญตา
ใครไม่ถูกกับอาหารอินเดียที่อุดมไปด้วยเครื่องเทศกลิ่นฉุน ใช้เวลา “ชิม-ช้อป” ใน Khan Market ได้แบบสบายๆ ที่นี่มีทั้ง Café แบบตะวันตก ร้านเค้ก ร้านบราวนี่ ร้านขนมหวาน ร้านอาหารยุโรป อิตาเลียน ร้านพิซซ่า อาหารว่าง อาหารจีน หรือแม้กระทั่งอาหารไทย ทุกร้านแต่งแบบกิ๊บเก๋ สมกับเป็นย่านเศรษฐีอินเดีย
แต่ขอบอกให้ลบภาพห้างสรรพสินค้าทันสมัยแถวๆ บ้านเราออกไปก่อน ไม่เช่นนั้นคุณอาจรู้สึกว่านี่ยังไม่ “เดิร์น” พอ แหม...ก็อินเดียเขาเป็นภาพสะท้อนความแตกต่างของสองขั้วได้อย่างชัดเจน เพราะเวลาที่คุณอยู่ในร้านหรู คุณจะได้เห็นชีวิตอีกด้านหนึ่งภายนอกกระจกนั่นเอง







