มุมใหม่...ไปเกาะห้อง

มุมใหม่...ไปเกาะห้อง

กลางเดือนมีนาคม ปี 57 ผมไปเที่ยวเกาะยาวน้อย ที่พังงามา แล้วนั่งเรือไปเที่ยวเกาะห้องด้วย

อันที่จริงผมไปหมู่เกาะห้องของกระบี่มาหลายครั้ง ก่อนสึนามิเป็นยังไงมาเดี๋ยวนี้ผมก็ยังว่าเกาะห้องสวยเหมือนเดิม ขอบคุณประเทศนี้จริงๆ แต่ทุกครั้งจะเป็นการนั่งเรือออกมาจากหาดนพรัตน์ธารา ฝั่งกระบี่ เพิ่งมีครั้งนี้เองที่ผมนั่งเรือมาจากเกาะยาวน้อย ซึ่งโปรแกรมการนั่งเรือมาเที่ยวหมู่เกาะห้องนั้น เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวหนึ่งของเกาะยาวน้อย ถ้านั่งเรือหัวโทงมาจากกระบี่ ใช้เวลาร่วมชั่วโมง แต่ถ้ามาจากเกาะยาวน้อย 15 นาทีเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะใกล้กันขนาดนี้ (ค่าเหมาเรือก็ใกล้เคียงกันคือ ราวๆ 2,000-2,500 บาท)

แต่การมาจากทางเกาะยาวน้อย ทำให้ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของ หมู่เกาะห้อง ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะเล็ก เกาะน้อย บ้างก็เป็นแท่งหินปูนไม่มีที่ราบ ไม่มีชายหาด บ้างก็เป็นเกาะที่มีหาดทรายเล็กๆ ที่ผมประทับใจคือเพิงหินใต้เกาะที่คอดกิ่วกลายเป็นเวิ้งถ้ำของเกาะอันตู มีหินย้อยออกมาสวยงาม แล้วจะเห็นเกาะชาบังที่เป็นเกาะหินปูนไม่มีหาด เด่นอยู่กลางทะเล สวยมาก

ที่เกาะอันตูนี้ คนเรือพาอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง ให้ดูหินรูปเต่าที่หันหัวไปทางเกาะยาวน้อย ซึ่งดูๆ ไป...ก็เหมือนจริงๆ แต่ที่ผมสนใจคือ คนเรือบอกว่าบนเกาะอันตูมี ถ้ำผี คือมีถ้ำที่ชาวเลจะนำคนตายมาไว้ในถ้ำนี้ ผมก็นึกว่าคงเหมือนเรื่องโลงผีแมนที่ผมกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ ก็เลยอยากดู คนเรือจึงพาอ้อมมาอีกด้านของเกาะ เห็นปากถ้ำอยู่สูงเพราะน้ำลง เรือต้องจอดเทียบ แล้วผมต้องขึ้นหลังคาเรือ แล้วค่อยๆ ตะกายแง่งหินขึ้นไป หลังจากนั้นจึงให้เขาเอาไม้ผูกสายกล้องถ่ายรูป แล้วแหย่ขึ้นไปให้ผม ดูเอาก็แล้วกันว่าเพียรพยายามแค่ไหนที่จะเอาเรื่องราวมานำเสนอท่านผู้อ่าน

ปรากฏว่าถ้ำที่ผมขึ้นไป เป็นเพิงถ้ำเตี้ยๆ สูงไม่เกิน 2 เมตร ไม่กว้างมาก มีหินย้อย มีเสาหิน ซอกหลืบอยู่พอประมาณ และไม่พบโลงไม้อย่างที่ผมคาดหวัง แต่มีโครงกระดูกของมนุษย์อยู่หลายร่าง จริงๆ ส่วนใหญ่เป็นกระดูกหน้าแข้ง กระดูกซี่โครง แต่ไม่เห็นหัวกะโหลก คนเรือบอกว่า แต่เดิมนั้นชาวเล หรือชาวมอแกน เมื่อมีคนตายเขาไม่ฝังบนดิน แต่จะเอามาไว้ตามหน้าผาหรือเพิงถ้ำแบบนี้ ปล่อยให้ศพเน่าเปื่อยเอง

หลังจากนั้นเรือก็มุ่งหน้าไปเกาะผักเบี้ย แต่ระหว่างทางเจอเกาะอะไรสักอย่างที่ผมดันลืมจดชื่อมา คนเรือบอกว่า มีการทำนาบนเกาะ ผมต้องย้ำว่า ทำนาเนี่ยนะ...แต่แกก็ยืนยันแบบนั้น ผมดูแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเป็นเกาะหินปูน ไม่ได้กว้างนัก แต่บนเกาะเห็นป่าไผ่และที่ลาดเอียงอยู่เหมือนกันถ้าทำนาจริง คงเป็นแค่นาไร่แบบหยอดเมล็ดมากกว่า

เกาะผักเบี้ยที่ผมไปวันนั้นคนมากมายมหาศาล เห็นว่าคนทยอยเที่ยวสลับกับเกาะอื่นๆ ไม่อย่างนั้นจะแน่นมาก ซึ่งต่างจากเกาะผักเบี้ยเมื่อหลายปีก่อน บางวันไปไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ส่วนเกาะเหลายาดิง หรือเกาะพาราได์นั้น ถ้าไปเช้าๆ ที่คนยังไม่มาก มันจะคือสวรรค์เลย สวย สงบ แต่ถ้าสายมาก หน้าหาดที่แคบอยู่แล้วก็จะเป็นที่จอดเรือจนเต็มพรืด ส่วนทะเลในนั้นก็จะมีเรือแล่นกันขวักไขว่ เสียงเครื่องยนต์ลั่นเวิ้งไปหมด

ไหนใครว่ามีม็อบแล้วนักท่องเที่ยวไม่มาไงล่ะ กระบี่นักท่องเที่ยวยังเพียบเลย…

แล้วก็มาที่เกาะห้อง ซึ่งเดี๋ยวนี้เกาะห้องมีสิ่งที่ต้องชมกันเลยคือเขาทำโป๊ะลอยน้ำ ห่างจากชายหาดราวๆ 50 เมตรให้เป็นท่าเทียบเรือ เรือนักท่องเที่ยวที่มาก็ทยอยกันจอดตรงนี้ทีละลำ พอส่งคนเสร็จ เรือก็จะออกไปผูกทุ่นข้างนอก พอจะกลับคนเรือเขาก็โทรตามกันเองให้มารับตรงโป๊ะนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เก็บค่าธรรมเนียม( อุทยานฯธารโบกขรณี) หลังจากนั้นเขาก็ทำสะพานลอยน้ำเดินไปที่หาด ด้านหน้าเขาก็เอาทุ่นมาล้อมไว้ไม่ให้เรือเข้า ทั้งให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย คือแต่เดิมหาดตรงนี้จะเป็นที่จอดเรือแน่นไปหมด นักท่องเที่ยวต้องไปออ เล่นน้ำกันที่เวิ้งเกาะหน้าหาดเท่านั้น ซึ่งการจัดระเบียบแบบนี้ดีมาก ผมชื่นชมเลย สอบถามเจ้าหน้าที่เห็นว่าทางกรมอุทยานฯเขาเพิ่งมาทำให้ ซึ่งผมมาเมื่อปีใหม่ 57 ยังไม่มี ทิ้งเวลา 2 เดือน มีการปรับปรุงแล้ว อันนี้ต้องชื่นชม

ผมชื่นชมอยู่ไม่ทันไร ก็เห็นเรือเร็ว ดันแนวทุ่นเข้ามาจนถึงหาด เพื่อมารับนักท่องเที่ยว จนผมต้องถามเจ้าหน้าที่ว่า...ทำไมเรือลำนั้นเข้ามาในแนวทุ่น เจ้าหน้าที่ก็บอกบางทีมีคนแก่คนพิการครับ แต่เท่าที่ผมดู ไม่เห็นทั้งคนแก่และคนพิการสักคน ขณะยังไม่หายข้องใจเรื่องเรือลำแรก ก็มีเรืออีกลำ ดันแนวทุ่นเข้ามาอีกแล่นมาจนถึงหาด คนบนเรือกระโดดลงหาดแล้วเดินมาที่เจ้าหน้าที่ที่ยืนคุยกับผม ผมก็เลยถามเลยว่า มีแนวทุ่นแล้วทำไมเอาเรือเข้ามาอีก คนเรือนั่นบอก มาส่งของครับ ผมก็เลยต่อว่าว่าไม่เคารพกติกา คนเรือเลยตะโกนบอกให้เรือออกไปนอกแนวทุ่น อ้าว...ไม่เอาของลงแล้วเหรอ เจ้าหน้าที่ยังไม่วายแก้ตัว บางทีเรือต้องเข้ามาหลบคลื่นลมครับ โอเค ผมเข้าใจ แต่ตอนนั้นมันมีคลื่นลมที่ไหน นี่แสดงว่าทำแบบนี้กันอยู่เป็นประจำละสิ

คนเรือของผมบอกว่ามีการจ่ายเงินจ่ายทองกันเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษ ซึ่งผมยังฟังหูไว้หู ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เคยรู้มาทั้งการขายบัตรค่าธรรมเนียมผี การเหมาค่าธรรมเนียมที่ตกลงกับ บ.ทัวร์ไว้ก่อน รวมทั้งข่าวเรื่องการวิ่งเต้นมาอยู่อุทยานฯทำเงินทั้งหลายในราคาเป็นล้านๆ มาแล้วต้องรีบถอนทุนก่อนถูกย้ายเพราะไม่รู้จะอยู่กันนานขนาดไหน พฤติกรรมที่ใครได้ยินก็ต้องว่านี่เป็นการหากินกับธรรมชาติ กับอุทยานฯทั้งนั้น มันจะต่างอะไรกับที่เอกชนมาเช่าทำสัมปทาน ในเมื่อทุกวันนี้ ข้าราชการก็แทบจะทำเป็นรูปแบบนั้นอยู่แล้ว

ถ้าหากเรือเร็วเข้ามาชนนักท่องเที่ยวที่ว่ายน้ำในแนวทุ่นจะแก้ตัวกันอย่างไร มีระเบียบไม่ทำตามระเบียบ มีกติกาก็ไม่รักษากติกา กรมอุทยานฯจะออกกฎอะไรมาบังคับ เราก็ทำตามหมด ขึ้นค่าธรรมเนียม อ้างสารพัด เราก็ยอมทำตาม แต่เจ้าหน้าที่ทำเองนี่มันเหลือรับ อย่างบนเขาใหญ่ ห้ามรถมอเตอร์ไซค์ที่ส่งเสียงดัง ไปดูเถอะ มีแต่รถเจ้าหน้าที่ทั้งนั้นที่ส่งเสียงดังลั่นป่า มิน่าบนเขาใหญ่จึงจะถูกถอดจากมรดกโลก

ขึ้นต้นเรื่องเกาะห้อง แต่มาลงท้ายด้วยเรื่องเขาใหญ่ เพื่อตั้งข้อสงสัยว่า หรือเดี๋ยวนี้กรมอุทยานฯ แตะตรงไหนก็มีเรื่องตรงนั้น ความจริงมันไม่ได้สวยงามเหมือนเกาะหรือทิวทัศน์ที่เราเห็นหรอกหรือครับ