ปันความคิด ปันความสุข ปรีดา ลิ้มนนทกุล

ปันความคิด ปันความสุข

ปรีดา ลิ้มนนทกุล

เป็นคนที่รู้จักใช้ศักยภาพตัวเองอย่างเต็มที่ เชื่อมโยงจัดการทั้งงานส่วนตัวและงานเพื่อสังคม

ถ้าใครได้รู้จัก ได้พูดคุยกับ ปรีดา ลิ้มนนทกุล เจ้าของบริษัทพีดับบลิวดี เอาท์ซอส เมเนจเมนท์ จำกัด และบริษัทเอ็ดดูเคชั่น แอดคลิก จำกัด ซึ่งเขาเรียกตัวเองว่า คนพิการรุนแรง เนื่องจากประสบอุบัติเหตุเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ณ วันนี้เขาทำงานเลี้ยงชีพด้วยการออกแบบซอฟแวร์และอีกหลายอย่าง รวมถึงเป็นผู้ประกอบการเพื่อสังคม เป็นวิทยากรในหลายๆ เรื่อง และเป็นคนที่สร้างอาชีพให้คนพิการอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

เขาวางบทบาทตัวเองในฐานะนักจัดการเชื่อมโยงให้ทุกฝ่ายมาเจอกัน....

"เราต่างเป็นคนๆ หนึ่งที่อยู่ในครอบครัวๆ หนึ่ง สุดท้ายคนๆ หนึ่ง ครอบครัวหนึ่ง รวมเป็นหนึ่งประเทศ ก็เป็นทุกอย่างที่มันต้องเป็น คุณต้องกินข้าว เรียน ใช้สาธารณูปโภค คุณต้องซื้อประกันชีวิต ฯลฯ คุณก็ต้องใช้เงิน คุณก็ต้องเลือกจับจ่ายใช้สอย มันหนีไม่พ้น ทุกเรื่องคือเรื่องเดียวกัน เพียงแต่เราจะเชื่อมโยงอย่างไรให้คนๆ หนึ่ง ตัดสินซื้ออะไรในสิ่่งที่ควรซื้อ แล้วมันตอบโจทย์ได้" ปรีดา เชื่อมโยงสิ่งที่เขาทำ

เขาใช้ความสามารถที่หลากหลายทำประโยชน์ให้สังคม ในส่วนการเกษตร เขากำลังทำโครงการขายข้าวนาปรังให้ชาวนา และทำโครงการข้าวปันสุข มาปีกว่าๆ สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกข้าวออแกนิคพันธุ์ไรซ์เบอรี่ สร้างมูลค่าเพิ่มมากกว่าข้าวพันธุ์อื่นๆ และช่วยทำการตลาด วิ่งส่งข้าว แนะนำเรื่องเทคโนโลยี เตรียมตั้งโรงสีชุมชน ก้าวต่อไปจะตั้งองค์กรกลาง มีกลไกการทำงานประหนึ่งมรณานุสติ นั่นก็คือ "อย่าคิดว่าตัวเรา องค์กรเรา เป็นที่สุด ต้องคิดเผื่อว่า ถ้าเราตายไปแล้ว ต้องมีคนสืบทอด"

ทำไมสนใจเรื่องข้าวออร์แกนิค

เรื่องนี้อยู่ในใจผมตลอด ผมก็เลยเอาภาพวาดกาแฟมาบริจาคทำเป็นโปสการ์ด ลองรวบรวมเงินทุนว่า เราจะช่วยอะไรเกษตรกรได้บ้าง และผมได้เจอเพื่อนต่างประเทศก็ได้เงินมาทำโครงการส่วนหนึ่ง ก็เลยลองทำโครงการให้เกษตรกรปลูกข้าวด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ พื้่นที่ประมาณพันกว่าไร่ เราพบว่า ชาวบ้านมีปัญหาเรื่องการตลาด จึงเป็นที่มาของแบรนด์ข้าวปันสุข

โดยส่วนตัวสนใจเรื่องการเกษตร ?

ผมสนใจเรื่องระบบการจัดการ แต่การเกษตรเป็นอาชีพหลักของคนไทยถ้าเราสามารถทำซอฟแวร์ให้สอดคล้องกับระบบแผนที่ ชวนเกษตรกรมาเข้าโครงการของเรา เราก็จะรู้พื้นที่เพาะปลูกว่ามีจำนวนกี่ไร่ อยู่ในภูมิภาคไหนบ้าง 1 ใน 15 ปัจจัยที่ทำให้ผลผลิตดีหรือไม่ดี คือ ภูมิประเทศแต่ละแห่งจะมีความเหมาะสมต่างกัน รวมถึงการเลือกใช้วิธีการเกษตร พันธุ์ข้าว ฯลฯ ก็สำคัญ ถ้านำระบบแผนที่มาจัดการ หรือ จัดเก็บข้อมูลเชิงลึกแล้วสามารถรู้ว่าใต้พื้นดินมีลักษณะพื้นที่อย่างไร ก็จะเกิดประโยชน์ นอกจากซอฟแวร์ที่นำมาช่วย การระดมนักวิชาการก็สำคัญ

หมายถึงแต่ละเดือนผู้ค้าข้าวสามารถเลือกข้าวพันธุ์พิเศษแต่ละพื้่นที่ได้เลย ?

การจัดการแบบนี้่ทำให้ผู้ค้าข้าวสามารถเลือกได้เลยว่า ในเดือนไหนจะขายข้าวพันธุ์อะไรในพื้นที่เกษตรที่มีอยู่ทั่วประเทศ ระบบออนไลน์ก็จะโชว์ตัวเลขออกมา ถ้าสามารถซื้อขายล่วงหน้าได้ เกษตรกรก็จะมีเงินมัดจำไปลงทุน ไม่ต้องกู้ยืมเงิน เพราะในจังหวัดหนึ่ง เหมาะกับการปลูกข้าวปีละรอบเดียว คือ ข้าวนาปี นอกจากข้าวพันธุ์อื่นๆ ผู้ประกอบการอาจต้องการผลิตภัณฑ์การเกษตรชนิดอื่น เราก็เอานักวิชาการเป็นพี่เลี้ยงเลยว่า หลังจากปลูกข้าวแล้ว ในช่วงพื้นที่ว่าง 7-8เดือนจะปลูกอะไร เพื่อจะได้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์

แนวคิดคุณทำได้จริงหรือ

เรากำลังจะตั้งองค์กรกลางด้านการเกษตรอินทรีย์ เพื่อพัฒนาข้าวไรซ์เบอรี่อย่างเป็นระบบ องค์กรกลางที่เกิดขึ้นจะไม่มีการตีกรอบสมาชิก สมาชิกสามารถซื้อขายกันได้เลย โดยไม่ต้องผ่านองค์กรกลาง แต่องค์กรกลางมีหน้าที่ประสานงาน และมีส่วนร่วมในส่วนที่ควรจะเป็น ผมจะจัดวงเสวนาคุยกันในวันที่ 27 มีนาคมนี้ที่ไทยพีบีเอส ส่วนแบรนด์ข้าวปันสุข ผมใช้ข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นผลิตภัณฑ์นำร่อง ทั้งๆ ที่ต้นทุนเหมือนข้าวออแกนิค แต่ราคาขายสูงกว่า กิโลกรัมละ140 บาท ในฐานะนักจัดการ ผมทำตลาดได้ง่าย ข้าวพันธุ์นี้สายพันธุ์แข็งแรง แต่ไรซ์เบอรี่ตัวนี้ ไม่ใช่ตัวสุดท้ายในการพัฒนาสายพันธุ์ และผมกำลังจะสร้างโรงสีชุมชน เพื่อให้เกษตรกรลดต้นทุนในอนาคต พวกเขาต้องมีเครื่องดำนา เครื่องเกี่ยวข้าว ซึ่งเครื่องเกี่ยวข้าวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผลผลิตดีหรือไม่ดี ต้องมองกันตั้งแต่ชนิดเครื่องเกี่ยวข้าว คนขับ และการจัดการ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่ว่า ปลูกข้าวพร้อมกันทั้งตำบล การปลูกข้าวให้ได้ผลต้องแบ่งโซน ลงรายละเอียด

สิ่งที่คิดไว้เป็นอย่างคาดหวังไหม

ผมทำตรงนี้มาปีกว่า เราเป็นศุูนย์กลางให้เกษตรกรและผู้ค้า ในฐานะนักการจัดการ เราเห็นแล้วว่า มันมีช่องทาง เพียงแต่เราต้องมีข้าวพันธุ์เด่นๆ สักแบรนด์ให้เกิดความสำเร็จก่อน จากนั้นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็ไม่ยากแล้ว

เป็นสิ่งที่ฝันไว้ตั้งแต่แรก ?

ผมอยากเป็นเกษตรกร แต่พอผมเจออุบัติเหตุ พิการรุนแรง ความฝันนั้น มันเป็นไปไม่ได้ เมื่อผมเป็นนักการจัดการ ผมสามารถทำได้ เอาความรู้สึก ความคิดมาช่วย อาก๋งผมเป็นเกษตรกร ผมไม่เคยลืม ผมเชื่อว่า มันน่าจะเปลี่ยนอะไรบางอย่างในประเทศนี้ได้ เพียงแต่ต้องสร้างแนวร่วม อีกอย่างเราต้องมีจิตใจที่ดี อยากช่วยทำให้มันดีขึ้น และผมเน้นเรื่องเกษตรอินทรีย์ มันเป็นวิถีที่ควรจะเป็น ซึ่งผมได้เรื่องการตลาด การขาย เทคโนโลยี การจัดการ ซึ่งผมใช้ความรู้ทุกศาสตร์ที่เรามีทำเพื่อคนอื่น เหมือนเป็นผู้ประกอบการสังคม

อะไรทำให้คุณตัดสินใจให้เกษตรกรปลูกข้าวไรซ์เบอรี่

ผมไปๆ มาๆ คุยกับเกษตรกร และดูพื้นที่หนึ่งปี เพราะผมเป็นคนช่างสังเกต ชอบการวิเคราะห์ อย่างผลผลิตข้าว ผมศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อผลผลิตข้าว 15 ข้อ อย่างการใช้รถเกี่ยวข้าว ข้าวตกหล่นระหว่างการเกี่ยวประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งข้าวที่ตกหล่นเราเห็นได้ชัดเลยว่า ในนาข้าวไรซ์เบอรี่แปลงแรกจะมีข้าวเก่าสีอื่น แซมอยู่ในสัดส่วนที่น่าสนใจ แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ และประเทศเราก็ทำงานวิจัยน้อยมาก

เป็นประชาชนคนหนึ่งที่อยากทำอะไรดีๆ ให้เกษตรกร ?

ผมแบ่งงานในชีวิตออกเป็น 4 ส่วน คือ 1.งานรายได้เลี้ยงดูตัวเอง พัฒนาซอฟแวร์ให้ลูกค้า นำเข้าโปรแกรมภาษาอังกฤษในการพัฒนาคน แต่ผมไม่ได้ทำแบบหวังรวย ผมมีรายจ่ายของตัวเอง และเป็นคนพิการก็ต้องมีอาชีพ ส่วนที่สอง ผมทำอาชีพผู้ประกอบการสังคม หางานให้คนพิการทำ แล้วรับโครงการมาบริหารจัดการ เราพยายามให้คนพิการมากที่สุด ส่วนที่สาม มีคนให้ทุนทำโครงการ ยกตัวอย่างเรื่องข้าวปันสุข แต่ผมใช้ทรัพยากรส่วนตัว ทีมงานคนอื่นก็ทำอย่างนั้น ผมคิดว่าจะตั้้งโรงสีชุมชนให้เกษตรกร พวกเราทำแบบอาสาสมัคร ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และสิ่งที่เราทำอยู่ แม้จะเป็นแค่การตลาด การจัดการ แต่ถ้าผู้รู้ หรือรัฐ อยากช่วยสนับสนุนในเรื่องที่ควรจะเป็น ก็ย่อมดี เราเป็นประชาชนที่เข้าไม่ถึงข้อมูลเชิงลึกทางการเกษตร ถ้าผู้รู้มาช่วยก็จะช่วยร่นระยะเวลาในเรื่องกรรมวิธีการผลิตข้าว

แนวคิดในการจัดการโครงการข้าวปันสุข คุณทำอย่างไร

หากเกษตรกรยังคิดแค่ว่า ขายข้าวได้กี่ตัน ราคาเท่าไหร่ แล้วไม่คิดเรื่องอื่น ชีวิตพวกเขาก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ จริงๆ แล้วชีวิตคนเรามีทางเลือกอีกเยอะ ผมเองก็เคยถูกมองว่า ทำไมทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน ซึ่งป็นการเชื่อมโยงเกื้อหนุนกัน ผมมีเพื่อนหลายวงการ ผมว่าประเทศนี้ต้องการคนที่เห็นทุกด้านในคนๆ เดียวกัน เพียงแต่คนๆ นั้นต้องเชื่อมโยงทุกอย่าง นี่เป็นความเชื่อส่วนตัวของผมนะ แม้ผมจะไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่ทุกวันนี้หลายเรื่องที่ผมทำ ก็ทำแบบนี้ เรื่องเกษตร ผมเชื่อมโยงเรื่องการจัดการ การทำแผนที่ ผลิตภัณฑ์ และการตลาด

ประเทศเรามีนักคิดมากมาย แต่ไม่ลงมือทำ เมื่อคุณลงมือทำ ผลเป็นอย่างไรบ้าง

วิธีคิดสร้างงานให้พิการ ก็ไม่ต่างจากการเกษตร เราไม่ต้องการสร้างอาณาจักร ถ้าวิธีการเราได้รับการยอมรับ ก็ต้องมีคนก็อปปี้ไปใช้ วิธีคิดแบบนี้ ผมเรียกว่า มรณานุสติ อย่าคิดว่า ตัวเรา องค์กรเราเป็นที่สุด ต้องคิดเผื่อว่า ถ้าเราตายไปแล้ว ต้องมีคนสืบทอด อย่างผมสร้างเครือข่ายข้าวและช่วยคิดกระบวนการผลิตให้เกษตรกรจังหวัดชัยนาท กำแพงเพชร พิษณุโลก ฯลฯ ถ้าเกษตรกรไม่มีแบรนด์ เราก็อนุญาติให้ใช้ข้าวปันสุข ถ้ามีแบรนด์อยู่แล้ว ก็แนะให้ใช้แบรนด์ท้องถิ่น ก็อย่างข้าวปันสุขที่ผมช่วยทำตลาด ก็มีข้าวไรซ์เบอร์รีอย่างเดียว

และผมกำลังสร้างโครงการ CAN by @preedano จำหน่ายข้าวนาปรังให้ชาวนา โดยเปิดรับออเดอร์ล่วงหน้า ผมกำลังให้คนออกแบบแบรนด์และทำเวป ซึ่งเป็นโครงการทดลอง ผมตั้งเป้าขายข้าวให้ชาวนาหนึ่งหมื่นตัน ประมาณสองร้อยกว่าล้าน ถ้ามีคนโอนเงินเข้ามาซื้อข้าว แสดงว่ามีความต้องการ ถ้าระบบนี้ทำได้จริงก็จะเกิดกระบวนการซื้อขายแบบใหม่ จะทำให้ผู้ประกอบการและชาวนาเป็นพวกเดียวกัน โดยผู้ประกอบการต้องเสนอให้ได้ว่าเงินสองร้อยกว่าล้านที่คนซื้อข้าว คุณจะมีส่วนแบ่งให้ชาวนาได้เท่าไหร่ โดยเปิดเผยทางอินเตอร์เน็ต ถ้าในอนาคตเราอยากบริโภคข้าวพันธุ์ไหน เราสามารถเลือกผู้ประกอบการ เลือกพื้นที่ปลูกข้าวได้เลย

ผลตอบรับข้าวปันสุข ดีแค่ไหน

ข้าวปันสุขมีปลูกหลายพื้นที่ แม้ข้าวพันธุ์ไรซ์เบอรี่ไม่ประสบความสำเร็จในแง่การขาย แต่ประสบความสำเร็จในแง่การรับรู้ ทุกคนเห็นความตั้งใจของผมและทีมงานที่วิ่งไปส่งข้าว ทุกคนกินข้าวชนิดนี้แล้วดี เป็นการสร้างแนวร่วม มีคนจำนวนมากก็อปปี้ไอเดียไปใช้ เกษตรกรก็เริ่มสนใจจะปลูกมากขึ้น อาศัยผมมีความรู้เรื่องเทคโนโลยี เวลาเสิร์ชอินเตอร์เน็ต คนก็เจอข้อมูล มันก็กระจายการรับรู้ เกษตรกรและผู้ค้าก็ติดต่อเข้ามา เราแค่เอาพวกเขามาเจอกัน เกษตรกรก็มั่นใจในการปลูกมากขึ้น เพราะมีคนซื้อ

ระบบการซื้อขายแบบใหม่ในการเชื่อมโยงระหว่างเกษตรกรและผู้ค้า ?

ในอนาคตเราจะพัฒนาโปรแกรมในการสั่งซื้อข้าว ถ้าทำได้จะสมบูรณ์แบบมาก ผู้ผลิตและผู้บริโภคจะสัมพันธ์กันมากขึ้น เพราะทุกวันนี้เราไม่รู้ว่า บริโภคข้าวจากที่ไหน แต่ถ้าวันหนึ่งผู้บริโภคบอกว่า อยากกินข้าวที่ยโสธรเห็นชาวนาลำบาก ก็สั่งออเดอร์ได้เลย เรื่องโลจิสติกส์ไม่ใช่ปัญหา แต่เราต้องเคารพความต้องการของผู้บริโภค และเคารพผู้ประกอบการ สุดท้ายก็ต้องเคารพผู้ผลิต ซึ่งนักการจัดการที่ดี ต้องเชื่อมโยงให้ถึงกันได้

นอกจากข้าวแล้ว คุณคิดจะทำอะไรในวงการเกษตรอีก

โดยส่วนตัวผมคิดว่า คนๆ หนึ่ง หรือครอบครัวหนึ่ง ไม่ควรทำงานอย่างเดียว เพราะมีความเสี่ยง สิ่งที่ผมสนใจคือผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของโลก นอกจากนี้ผมยังสนใจผลิตภัณฑ์ศิลปะวัฒนธรรม อย่างผ้าชาวเขา หรือศิลปะดั้งเดิมของพวกเขา อย่างสินค้าและผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ พวกผักตบชวา ไม้ไผ่ นำมาทำผลิตภัณฑ์ดีๆ สร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่นได้

....................................

หมายเหตุ : ผู้ใดสนใจอยากสั่งข้าวปันสุข ดูได้ที่ http://kaopansuk.blogspot.com/ หรือติดต่อเบอร์ 08 6314 7866