นัชญ์ ประสพสิน บ่าวของทูนหัว และ ทูนหัวของบ่าว

นัชญ์ ประสพสิน บ่าวของทูนหัว และ ทูนหัวของบ่าว

เจ้าของเฟซบุ๊คแฟนเพจแมว 'ทูนหัวของบ่าว' ออกแบบผลิตภัณฑ์นำรายได้ช่วยเหลือ 'แมวจรจัด' ที่ประสบปัญหาหรือได้รับบาดเจ็บโดยขาดผู้เหลียวแล

ถึงวันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า แมว ได้ยึดครองพื้นที่ความรักในหัวใจคนจำนวนมาก แม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์ที่รักอิสระ เป็นตัวของตัวเอง และไม่นิยมรับคำสั่งใดๆ ทั้งสิ้น แต่จำนวนคนรักแมวก็ไม่เคยลดน้อยถอยลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน

ความรักระหว่างคนและแมวยังเป็นพลังขับเคลื่อนในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ อีกมากมายดังเช่นเรื่องราวของ นัชญ์ ประสพสิน และ 'ทูนหัวของบ่าว'

"เดิมนัชญ์มีแมวอยู่สามตัวค่ะ ก็มีมะลิ เสือสมิง กับเสือโคร่ง ทีนี้ด้วยความที่เราเป็นคนชอบถ่ายรูปแมวก็ถ่ายทุกวันแล้วเอาขึ้นเพจส่วนตัว แล้วเพื่อนๆ ก็ชอบแชร์ไป (หัวเราะ) ทีนี้พอมันเป็นเฟซบุ๊คส่วนตัว คนก็แอดเราเรื่อยๆๆๆ จนเฟรนด์จะล้น ก็เลยโอเค.. เปิดเพจ ก็เปิดเพจเป็นสามตัวก่อน ต่อมามี 'อโศก' เข้ามา ทีนี้แฟนเพจก็ทะลักทลายตามมา" คุณนัชญ์ เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของ 'ทูนหัวของบ่าว' เฟซบุ๊ค แฟนเพจ ที่มีผู้กดไลค์มากกว่า 107,695 คน และมีคนพูดถึงในสังคมเฟซบุ๊คมากกว่า 136,399 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557)

"เพจมีมาประมาณไม่กี่เดือนเองค่ะ หกเดือนได้มั้งคะ แฟนเพจล่าสุดอยู่ที่แสนกว่า.. ตอนแรกที่เปิดเพจแค่มีสามตัวก็อยู่ที่สามหมื่น สี่หมื่นก็ยังงงๆ มีคนชอบแมวเราขนาดนั้นอะไรแบบนี้ แล้วจนมันเพิ่มๆๆ ขึ้นทุกวันก็ดีใจ"

ส่วนที่มาของคำว่า ทูนหัวของบ่าว คุณนัชญ์ อธิบายพร้อมรอยยิ้มว่า

"มันเป็นคำพูดของคนที่เลี้ยงแมวอยู่แล้วว่าเราเป็นทาสแมว เพราะฉะนั้นทาสมันก็ไม่มีอะไรที่แทนคำว่าเป็นทาสน่ะ ยกให้เขาเป็นทูนหัว ทูนหัวของบ่าวอะไรแบบนี้ ร้องทีหนึ่งก็ จะเอาอะไรคะ (หัวเราะ) จะเอาอะไร เป็นอะไร พร้อมที่จะหมอบคลานเข้าไปหาได้ทุกเมื่อ"

ทูนหัวทั้งสี่ที่มีผู้ติดตามนับแสนคนคือ แม่มะลิ เสือสมิง เสือโคร่ง และ แมวอโศก

"มะลินี่เก็บมาเลี้ยง หลวงพ่อคูณให้มา อันนี้เหมือนปาฏิหาริย์ ไปถ่ายหนังที่โคราชแล้วก็เจอมะลิท้องโย้เลย นอนตากแดดอยู่ แล้วเราก็เลยพูดในใจคิดในใจกับเขาว่า เดี๋ยวถ้าถ่ายหนังเสร็จตอนเย็นเลิกกองแล้วถ้ายังอยู่ตรงนี้นะจะกลับมารับ เราก็ถ่ายหนัง ทำนู่นทำนี่ เขาก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน ทีนี้มันมีปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง คืออยู่ๆ หลวงพ่อคูณก็ลงมา มาป้อนหญ้ากระทิงของท่านชื่อมะลิเหมือนกัน หลวงพ่อคูณก็บอกว่า เอาไปเลี้ยงสิ แมวสามสีน่ะ มันจะให้โชคให้ลาภนะ ท่านก็ให้ชื่อว่ามะลิ ถึงจุดนี้แล้วน่ะมันก็ต้องอุ้มเขากลับมา ไม่เอาไม่ได้แล้ว" คุณนัชญ์ เล่าให้ฟัง

"เสือสมิงนี่มาช่วงน้ำท่วมพอดี ด้วยความที่อยากได้ Scottish Fold หูพับ แต่ในเมื่อเราจะเลี้ยง เราก็ต้องศึกษา พอศึกษาก็พบว่าเขามาจากสก็อตแลนด์ ถิ่นกำเนิดเขามาจากที่นั่น ก็เลยหาจากฟาร์มที่นู่น เรียกว่าแมวอิมพอร์ต นำเข้า ก็ใช้เวลาพอสมควร พอมาถึงก็ติดสถานการณ์น้ำท่วม กว่าจะได้กันมาก็ทะลักทุเลพอสมควร ทุกวันนี้ก็ยังงงๆ เสือสมิงไม่ชอบสุงสิงกับผู้ใดเพราะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรือเปล่าไม่รู้ (หัวเราะ) นั่งนิ่งๆ ไม่ยุ่งกับใคร เป็นแบบเลดี้มาจากอังกฤษอะไรแบบนี้ค่ะ"

'เสือโคร่ง' เป็นสมาชิกถัดมาของบรรดาทูนหัว

"คลั่งไคล้แมวตัวหนึ่งชื่อ 'มารุ' เป็นแมวญี่ปุ่นที่ดังๆ เราก็ใฝ่ฝันมากที่จะมีแมวเหมือนมารุให้ได้ ก็ตามหาจนมาเจอเสือโคร่งนี่ล่ะค่ะ ความจริงจะซื้อแมวจากฟาร์มไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ มันก็มีมาเรื่อยๆ แต่เรารอตัวที่เหมือนมารุจริงๆ ออกมา แล้วก็ไปเจอเสือโคร่ง แต่ว่าความจริงแล้วในครอกนั้นน่ะมันมีอีกตัวหนึ่งที่เหมือนมารุกว่า แต่วันที่ไปถึงฟาร์ม เราก็เอาแมวสี่ห้าตัวเรียงกัน แล้วก็เดินมาแบบว่า อ่ะตัวไหนวิ่ง อยากกลับบ้านด้วย มาเลย แล้วก็มีพี่เสือโคร่งปีนขึ้นมาขอกลับบ้านด้วย"

สมาชิกสุดท้ายคือ 'แมวอโศก' แมวไทยซึ่งเคยอาศัยอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าอโศกและมีผู้ทำแฟนเพจบนเฟซบุ๊คให้

"วันที่ไปเจอก็สะบักสะบอมโดนรังแก โดนหนักเลยค่ะ คือตอนเช้าเราเห็นว่าตาแฉะ มีบาดแผล ตัวนี่เขรอะเลยนะคะ คราบเลือดเกรอะกรัง แต่เราต้องไปทำงานก่อน เราก็เลยถ่ายรูปเขาแล้วทวิตขึ้นไปว่า แมวอโศกป่วยนะ แฟนคลับเขาก็ช่วยกันรี-ทวิต เพราะว่าเราตามหาคนที่ดูแลเขา เรารู้ว่ามีคนดูแลเขาอยู่อะไรแบบนี้ค่ะ สุดท้ายก็ไปเจอน้องคนหนึ่งทวิตกลับมาว่า เขาไม่มีคนดูแล แต่ว่าเขาเป็นคนล่าสุดที่พาไปหาหมอ และประวัติเขาอยู่ที่โรงพยาบาลที่เอกมัย ทองหล่อ ตอนเย็นกลับมาตั้งใจจะไปอุ้มเขาก็กำลังสู้กับแมวตัวหนึ่งอยู่เลย ไม่ไหวแล้วน่ะ ตั้งแต่เช้าก็ไม่ไหวแล้ว สู้นี่คือแบบถอยแล้วนะ แบบว่าไม่เอาแล้ว ตัวนั้นก็ดื้อเหลือเกิน เอาใหญ่เลย ฝนตกหนักมากตะกร้าก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี ถือเป็นความโชคดีเรียกแท็กซี่คันแรกเขาก็ไปเลย เขาก็คนรักแมวเหมือนกัน" คุณนัชญ์ เล่าให้ฟัง

"ไปเจอประวัติเจ็บป่วยทุกเดือนเลย เข้าออกโรงพยาบาลทุกเดือน ไปปอดมั่ง นู่นนี่นั่น ฟันนี่หักอยู่แล้ว เป็นเยื่อบุตา หางเจ็บบ้างอะไรบ้าง คือเป็นแมวที่เข้าออกโรงพยาบาลตลอด เราพาไปหาหมอวันนั้นก็ปอดชื้น ฟันร่วง ทำแผล อยู่โรงพยาบาลสักพักหนึ่ง พอเอามาตอนแรกยังคิด เอ๊ะ.. เราต้องเอาเขากลับไปที่เดิมหรือเปล่าเพราะว่าอโศกนี่เขาขึ้นเพจบ่อย แต่ว่าพอขั้นตอนการรักษาแล้วเหมือนเขาไม่มีฟัน เขาต้องกินอาหารสำหรับแมวป่วย ตาก็เป็นเยื่อบุตาอักเสบต้องป้ายขี้ผึ้งเช้าเย็น ความจริงตื่นมาไม่ได้หล่อแบบนี้นะ (หัวเราะ) ตื่นมานี่เป็นเหมือนแมวป่วยทุกวัน ต้องเช็ดตาแล้วทาเจลขี้ผึ้ง เราก็รู้สึกว่าถ้าเราเอาเขาไปปล่อยที่เดิมจะไม่มีใครดูแลเขาได้ ไม่มีใครที่จะมาเสียเวลาไปหาเขาแบบนี้ ก็เลยเคลมยาวเลยแล้วกัน"

การรับ อโศก เข้ามาเป็นสมาชิก กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอีกมากมาย

"พอเราเอาอโศกมาเลี้ยง เราก็อยากให้คนหันมาดูแลแมวจรมากขึ้น พยายามคิดว่าทำอย่างไรดีไม่ให้มันเกิดดราม่า ว่าเอ๊ะ.. คุณมีสิทธิอะไรเอาอโศกมาเลี้ยง ส่วนตัวจะมีกิจกรรมการกุศลที่ทำมาเยอะอยู่แล้ว แต่ว่าทำกับคน ทีนี้ในเมื่อเอาอโศกมาเลี้ยง ในเมื่อเขาเป็นแมวดัง ก็อยากจะทำให้เขาเซตตัวเองให้เป็นแมวเพื่อคนอื่น เหมือนอโศกเป็นหนึ่งตัวที่โชคดีที่เราเก็บมาเลี้ยง เพราะฉะนั้นเราก็อยากให้แมวอื่นๆ เพื่อนๆ เขา คือวันที่เราเก็บอโศกมาเลี้ยงตรงสถานีจะมีแมวจรจัดอีกสามตัวที่เป็นเพื่อนเขา เราก็รู้สึกว่า เราเก็บมาตัวเดียวมันไม่โอเค เราก็ประกาศหาบ้านให้สามตัวนั้นเพื่อให้คนหันมามองแมวจร ก็มีคนรับเลี้ยงภายในหนึ่งวันที่ประกาศ ก็เลยรู้สึกดี เรารู้สึกว่าอโศกได้ทำบุญนะ เหมือนตัวเองได้มีโอกาสแล้วตัวเองได้ทำบุญต่อยอดให้เพื่อนๆ ในแถบนั้น เพราะฉะนั้นเราก็เลยรู้สึกว่า เขาควรจะต่อยอดทำบุญให้แมวจรตัวอื่นๆ อีก"

ความคิดนั้นจึงต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์

"ก่อนหน้าที่จะได้อโศกมา ทุกคนจะรู้ว่าเพจนี้คือเพจขอความช่วยเหลือเรื่องรับบริจาคแมว เป็นเพจที่บริจาคเลือดแมว มะลิหรือเสือโคร่งเป็นแชมป์บริจาคเลือดแมวอยู่แล้ว จากนั้นอโศกก็ช่วยกันหาบ้านให้เพื่อนๆ แมวจรจัด พอเริ่มมีเพจก็จะเริ่มมีเรื่องดราม่าต่อมา แมวเจ็บแมวป่วยนู่นนี่นั่นเขาก็ส่งรายละเอียดเข้ามา เราอยากให้คนหันมามอง 'แมวจร' แต่เราไม่อยากรับบริจาคเป็นเงิน เพราะว่าสำหรับเราเรารู้สึกว่ารับเงินคนอื่นมามันไม่โอเค ก็เลยทำอะไรตอบแทน ตอนนั้นใกล้ปีใหม่ด้วย แฟนคลับเยอะมากก็อยากทำอะไรให้แฟนคลับด้วย ก็เลยเปิดฟังความเห็น มีปฏิทิน ถุงผ้า โปสการ์ด อยากได้อะไร คนมาลงเสียงว่าอยากได้ถุงผ้าเยอะที่สุด ก็เลยทำถุงผ้า รายได้ส่วนหนึ่งจากการขายถุงผ้าเราก็เอาให้แมวจร ได้มาเป็นแสนเหมือนกันนะคะ ยังส่งถุงผ้าไม่หมดเลย แต่ก็ช่วยไปแล้วเกือบแสน ให้โครงการแมวจรต่างๆ เพื่อนข้างถนน รักษ์แมวจร มูลนิธิรักษาพยาบาลสัตว์ป่วยอนาถา โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปตามช่วยเหลือแมวเคสนู้นเคสนี้ที่ค่ารักษาเยอะๆ เราก็ไปดูแล เพราะคนที่เก็บไปเลี้ยงก็เป็นนักศึกษาเป็นอะไรแบบนี้ เหมือนต่อยอดให้เขา"

ลวดลายบนถุงผ้าเป็นฝีมือของคุณ อโณทัย องกิตติกุล เจ้าของหนังสือ cat me if you can และเพจ Cookie and the gang

"ลายนี่ก็ได้เพื่อนสมาชิกจาก Cookie and the gang เขาก็เป็นนักวาดรูปการ์ตูนอยู่แล้ว และเขาก็มีเพจของเขา ด้วยความที่เขาเอ็นดูอโศก ก็เลยช่วยออกแบบลายให้ แต่ว่าถุงผ้าเป็นเราออกแบบเอง เพราะว่าเราเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเลย เป็นคนใช้ถุงผ้าอยู่แล้ว ไม่มีแบรนด์เนม ทีนี้ถุงผ้าที่เราประสบปัญหาคือ หูขาด หรือว่าบางทีก็ใส่ของไม่พอ เราก็แบบฉันอยากใช้อะไรฉันก็จะทำให้ตัวเอง ทำออกมา (หัวเราะ) แล้วผลตอบรับดีมาก เพราะเราเลือกใช้ผ้าแคนวาสอย่างดี เย็บซ้ำอย่างหนา สกรีนอย่างดี ทำแบบขยายข้างเพื่อให้ใส่ของได้เยอะๆ ในราคา 300 บาท (หัวเราะ) เอาจริงๆ ก็แทบจะขาดทุนพอสมควร คือหมายถึงขาดทุนแรงกายเรา และไม่ได้บวกเพิ่มค่ารถค่าน้ำมัน ทุกคืนก็ต้องนอนตีสองตีสามมานั่งแพ็คของ (หัวเราะ) ค่าส่งก็มหาโหดมาก แต่ก็โอเค.. เราได้ลั่นวาจาแล้วก็ทำต่อไป...

ตอนนี้เหมือน rare item เลยค่ะ ทำมาแค่ 2,500 ใบและจะไม่ผลิตเพิ่ม เรามีความรู้สึกว่าอะไรที่ใครก็หาซื้อได้มันจะไม่ยูนีค (unique) ความจริงก็เหนื่อยด้วย รู้สึกทำมาให้เป็นของที่เวลา 'ทูนหัวของบ่าว' ทำออกมาแล้วก็รีบนิดหนึ่ง เราตั้งใจว่าเราจะไม่พิมพ์ซ้ำ เพราะอยากให้เป็น rare item ตอนนี้กลายเป็นเรื่องน่ารัก คือทุกวันจะต้องมีฟีดแบคกลับมาว่าใช้แล้ว หรือว่าบางคนก็เจอเพื่อนใช้กระเป๋าเหมือนกัน หรือแอบถ่ายคนมุมนู้นมุมนี้ อย่างล่าสุดไม่รู้จักกันไปเจอกันที่สยาม ก็กรี๊ดใส่กัน เป็นแฟนคลับทูนหัวฯ เหรอ อะไรแบบนี้"

วันนี้ถุงผ้าทั้งหมด 2,500 ใบ มีผู้จับจองเป็นเจ้าของหมดแล้ว เช่นเดียวกับ 'ปลอกหมอน' ที่เพิ่งปิดรับการสั่งซื้อไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

"ปลอกหมอนความจริงตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวาเลนไทน์ เพราะว่าคนมาคุยกับเราใน inbox ต่างๆ ว่า รักแมวมาก เลี้ยงแมวไม่ได้ อยู่หออยู่คอนโดฯ เหงาจัง เราเลยรู้สึกว่า ในเมื่อทุกคนรักและเอ็นดูแมวทั้งสี่ของเรา อย่างนั้นคุณอยากนอนกับแมวไหม อยากนอนกับแมวทุกวันหรือเปล่า ก็ทำเลย ทำเป็นหน้าสี่ตัวเหมือนนอนข้างๆ กันอยู่ตลอดเวลา ทำให้เหมือนชุดของขวัญ"

แม้นาทีนี้จะสายเกินไปสำหรับผู้ที่ต้องการถุงผ้าหรือปลอกหมอน แต่คุณนัชญ์ บอกว่า จะมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง

" ..ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะทำเยอะ แต่ว่าทำคนเดียวมันเหนื่อย (หัวเราะ) มันไม่ไหวค่ะ เพราะมีงานประจำด้วย แต่แฟนเพจน่ารักค่ะ บางทีเขาเห็นเราทำทุกวัน เขาก็จะบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะไม่รีบ ขอให้ได้.. ผลิตภัณฑ์ที่เราจะออกมาก็ยังไม่ได้เป็นแบรนด์เป็นอะไรนะคะ แต่ว่าทุกคนก็จะรู้ว่า Kingdomoftigers หรือว่า 'ทูนหัวของบ่าว' เพราะฉะนั้นตอนนี้หลังจากปลอกหมอน คอลเลคชั่นต่อไปจะเป็นลายผ้าซึ่งได้ดีไซเนอร์มาออกแบบลายผ้าให้ ซึ่งลายผ้านี่เราจะไปดูว่าจะผลิตผลิตภัณฑ์อะไรต่อๆ ไป ความตั้งใจคืออยากเชิญดีไซเนอร์ หรือครีเอทีฟ หรือกราฟฟิก คนในแวดวงของเราที่เรารู้จัก เชิญมาออกแบบอะไรก็ได้ให้แมว เป็นคอลเลคชั่นๆ ไป อย่างลายผ้าที่จะออกมาก็จะเป็นคอลเลคชั่นสปริงซัมเมอร์ ต่อไปก็จะเป็นหมวกแบบเท่ๆ ที่สาวๆ เขาใส่กันตอนนี้ เดี๋ยวก็จะเชิญศิลปินคนนู้นคนนี้มาออกแบบผลิตภัณฑ์ของเรา ศิลปินคนไหนที่อยากทำการกุศลก็ติดต่อเรามา เราก็ให้พื้นที่ตรงนี้ รายได้ให้การกุศลกันไป"

การออกแบบผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังกลายเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของคุณนัชญ์อีกด้วย

"มันสนุกนะ ออกแบบอะไรไปเรื่อยๆ แล้วเหมือนเราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราไปเรื่อยๆ แต่ว่ายังไม่ได้ทำเป็นแบรนด์หรือว่าทำเป็นอะไร มีคนมาถามเดี๋ยวนี้ขายของเป็นแบรนด์แล้วเหรอ แต่เรารู้สึกความที่มันขึ้นมาเป็นแบรนด์ เพราะพวกคุณเป็นแรงสนับสนุนให้มันเป็นแบรนด์ขึ้นมา ตอนแรกเรากะทำเป็นการกุศล ความต้องการของคุณหรือความ unique ของสินค้ามันทำให้เกิดแบรนด์ขึ้นมาในตัวของมัน.. เดี๋ยวก็จะมีคอลเลคชั่นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะมีทั้งหมวก ร่ม รองเท้า ..เราเอาคุณภาพของตัวเองจับว่าทำออกมาแล้วเรากล้าถือกล้าใช้หรือเปล่า ..เราจะไม่มีค่าวางหน้าห้าง ก็เลยไม่ต้องบวกราคามาก เราแอบแคร์พวกที่เป็นนักศึกษาที่เป็นแฟนคลับด้วย บางทีไม่มีเงินก็ไม่เป็นไรค่อยๆ เก็บตังค์ ค่อยๆ ซื้อไป ตอนนี้มีบางคนบอกว่าทำอะไรมาก็จะซื้อจะเก็บเป็นคอลเลคชั่น เป็นของสะสมอะไรแบบนี้ (หัวเราะ)"

ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะต่อยอดไปเพียงใด วัตถุประสงค์ยังคงเป็นการนำรายได้ไปใช้ในการกุศล

"ทุกๆ อันจะเข้าการกุศล รู้สึกว่าการหาเงินแบบนี้มันเป็นหาเงินที่แฟร์สำหรับทั้งคนซื้อและคนขาย คือเราเอาเงินไปช่วยแมว ก็ไม่ได้ขอๆๆ แต่เรามีอะไรมาแลกเปลี่ยน คือมีผลิตภัณฑ์ที่เป็น Uniqueness หน่อยมาแลก คนที่ให้เขาก็ได้ทั้งของได้ทั้งทำบุญ ช่วยๆ กันทำบุญ ก็สุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ผู้ซื้อและผู้ขาย.. เราเอาไปเข้าองค์กรอย่าง 'รักษ์แมวจร' เขาทำเป็นรูปธรรมมาก มีเคสหนักๆ ตลอดเวลา หรือว่า 'เพื่อนข้างถนน' เขาช่วยทั้งหมาทั้งแมว เราก็รู้สึกว่าเราไม่ช่วยแค่แมว ช่วยหมาด้วย สัตว์อื่นๆ ด้วย เห็นล่าสุดไปช่วยนกฮูกมา (หัวเราะ) ล่าสุดที่โอนไปเป็นเพื่อนหมาแมว มช. ซึ่งมีกลุ่มนักศึกษาที่จับหมาแมวไปทำหมัน แต่นักศึกษาไม่มีเงินก็ขอความช่วยเหลือมา"

สำหรับผู้ที่เริ่มหลงรักแมวหรือเห็นแมวจากสื่อต่างๆ แล้วนึกอยากเป็นเจ้าของ(หรือทาส)แมว คุณนัชญ์บอกว่าสิ่งสำคัญคือต้องศึกษาหาความรู้เรื่องแมวเสียก่อน

"เราต้องมาดูก่อนว่าแต่ละสายพันธุ์มันเป็นอย่างไร.. เราชอบมารุเราก็ไปศึกษา เขาเป็นแมวจากที่ไหน อย่างไร ด้วยความที่เขาเป็นแมวหูพับ เราก็ต้องรู้อีกว่าข้อเสียของหูพับมีอะไร อ๋อ.. เขาจะมีไรในหูเยอะ เพราะว่าเขาไม่สามารถทำความสะอาดหูให้ตัวเองได้ เราต้องศึกษาหาความรู้ให้เยอะที่สุดก่อนที่จะเลี้ยงเขา ตอนนี้ในเพจเราก็พยายามจะนำเสนอข้อมูล (push information) คือเราเป็นคนเลี้ยงแมว อยู่กับแมวมากๆ เราจะรู้ว่าข้อห้าม ไม่ควรอะไรแบบนี้ แต่ว่าคนที่รักแมวแต่ไม่เคยเลี้ยงแมวจะไม่เคยรู้เลย อย่างเช่นการตัดหนวดแมว การให้แมวกินช็อกโกแลต การให้แมวกินยาพาราเซตามอล ซึ่งเรารู้ว่ามันไม่ควร แต่ว่าคนที่ยังไม่รู้มีอีกเยอะ..

อยากจะฝากว่าให้ศึกษามากๆ เพราะแมวแต่ละสายพันธุ์มีข้อดีข้อเสีย มียีนเด่นยีนด้อยของแต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันไป แมวอายุขัยเขายาว 10 ปี 15 ปี เราเคยเจอ 20 ปี คุณพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตต่อไปในระยะยาวหรือเปล่า เพราะว่าน้องๆ ปัจจุบันอยู่หอเลี้ยงสองปีสามปีเรียนจบแล้วไม่มีที่ เอ้า.. หาบ้านใหม่ให้แมว เรารู้สึกว่าแมวมันไม่ใช่แฟชั่น แต่มันคือหนึ่งชีวิต ชีวิตที่เราต้องดูตัวเองว่าพร้อมหรือเปล่า.. จริงๆ ค่าใช้จ่ายแมวนี่หนักกว่าคนอีกนะ (หัวเราะ) อาหารหรืออะไรแบบนี้ ถ้าเลี้ยงก็เหมือนเราเลี้ยงคนๆ หนึ่ง เราอยากให้เลี้ยงเขาให้ดีที่สุด และเขามีปากพูดไม่ได้ เพราะฉะนั้นเวลาเราเอาไปทิ้งหรือหาบ้านใหม่ให้เขา เขาอาจจะเหงา ก็อยากให้ศึกษาและดูความพร้อมของตัวเองให้มากที่สุด"

ก่อนจบการสนทนาที่มีแต่รอยยิ้ม คุณนัชญ์ตอบคำถาม "ความสุขในการเป็นทาสแมวคืออะไร" ว่า

"ความสุขเหรอ (ยิ้ม) พูดไม่ได้เลย คือกลับมาแล้วมาคลอเคลีย มีความสุขแบบ.. แค่เขาเป็นแมวที่ดีและแข็งแรง ก็มีความสุขมากๆ แล้ว เหมือนตอบโจทย์น่ะ ที่เมืองนอกเขามี Cat Therapy เอาแมวมาให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คนแก่ หรือคนที่อยู่โรงพยาบาลอะไรแบบนี้เล่น เรารู้สึกว่าทุกวันนี้เราไม่ต้องไปพึ่งบำบัดใดๆ เลย มีแมวอยู่แล้ว เติมเต็มเราทุกอย่าง ได้แมวดีมาด้วยล่ะ ถ้าเป็นแมวอื่นคงวิ่ง กลัวคนแปลกหน้า อโศกเขาชินคนแปลกหน้าและชอบเที่ยว พาไปกินข้าวก็นั่งเก้าอี้ บอกกินข้าวนั่งเฉยๆ ก่อน ก็นั่งรอ (หัวเราะ) เลยกล้าพาไปไหน แต่ถ้าเป็นเสือโคร่งจะนิดหนึ่งนะ แก่นเซี้ยวมาก กินตลอดเวลา เหนื่อยใจมาก จะกินอะไรนักหนา (หัวเราะ)"

หมายเหตุ : ชมภาพเรื่อง 'ทูนหัวของบ่าว' มากกว่านี้ได้ที่แฟนเพจ 'กรุงเทพวันอาทิตย์' คลิก https://www.facebook.com/sundaybkk

ชมคลิปวิดีโอ แม่มะลิ เสือสมิง เสือโคร่ง แมวอโศก ได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=BJn-TcxdSYg