เคล็ดลับการไหว้เจ้า เสริมสิริมงคลรับตรุษจีน

เคล็ดลับการไหว้เจ้า เสริมสิริมงคลรับตรุษจีน

"จิตรา ก่อนันทเกียรติ" นักสะสมความรู้ขนบธรรมเนียมจีน มีเคล็ดลับน่ารู้ เกี่ยวกับการไหว้เจ้าและแก้ปีชงมาฝาก

เนื่องในเทศกาลตรุษจีน "กรุงเทพธุรกิจ" มาพร้อมกับเกร็ดความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนตามศาสตร์จีนโบราณและเคล็ดลับที่น่ารู้ เกี่ยวกับการแก้ปีชงจาก จิตรา ก่อนันทเกียรติ นักสะสมความรู้ด้านขนบธรรมเนียมจีนมาฝาก

==> กว่า 4,000 ปีที่ชาวจีนไหว้เจ้าอย่างไม่เสื่อมศรัทธา

จิตรา ก่อนันทเกียรติ ย้อนรอยให้เห็นถึงอดีตของการไหว้ตรุษจีนของชาวจีนว่า ชาวจีนไหว้เจ้ามากว่า 4,000 ปีอย่างไม่มีเสื่อมศรัทธา เพราะคนที่ไหว้เจ้าแล้วจะได้ดีมากๆ มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เรื่อยๆ แม้จะไม่ใช่การไหว้ทุกครั้งที่ไหว้แล้วได้ แต่ทุกครั้งที่ไหว้แล้วได้ก็คุ้มค่าเสมอ

ที่มาของการรู้เคล็ดลับที่ทำให้คนจีนมีการไหว้เสริมดวงมาแต่โบราณ น่าจะมาจากการที่คนจีนแต่โบราณ มีการพบพลังที่มองไม่เห็น ซึ่งโลกปัจจุบันก็มีการพบพลังที่มองไม่เห็นมากมาย เช่น พลังไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็ก คลื่นไมโครเวฟ คลื่นทีวี คลื่นวิทยุ ฯลฯ เพียงแต่ว่าพลังที่มองไม่เห็นและมีผลต่อดวงชะตาหรือชีวิตคน เช่น พลังฮวงจุ้ย พลังไหว้เจ้า พลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่มีการจับได้ชัดๆ เหมือนพลังไฟฟ้าและพลังอื่นๆ

นับแต่ยุคดึกดำบรรพ์ คนจีนโดยเฉพาะชนชั้นปกครองจึงมีการไหว้เจ้าโดยเริ่มจากการไหว้เจ้าที่เป็นธรรมชาติ ที่คิดว่ามีพลังเหนือมนุษย์ เช่น เจ้าพระอาทิตย์ เจ้าพระจันทร์ เจ้าฤดูกาล เจ้าภูเขา เจ้าแม่น้ำ ฯลฯ และมีกฎห้ามคนธรรมดาไหว้เจ้าใหญ่ๆ อนุญาตให้ไหว้เฉพาะเจ้าที่เล็กๆ และบรรพบุรุษ

โดยเฉพาะการไหว้เจ้าพระจันทร์ที่ต้องตรงมากกับวันเพ็ญเดือน 8 ของจีน เพราะต้องมีการบอก กำหนดล่วงหน้าเพื่อให้ชาวบ้านเชื่อถือ เกิดเป็นการพัฒนาขึ้นมาของปฏิทินจีน ซึ่งคนจีนเชื่อการไหว้มาทุกยุคสมัย ฮ่องเต้ทุกพระองค์ก็มีหน่วยงานและทีมขุนนางธรรมเนียมไหว้ที่ใหญ่มาก ทำให้การไหว้ของคนจีน มีการพัฒนามาเรื่อยๆ

การไหว้เทศกาลตรุษจีนพัฒนามาจากการไหว้รับฤดูใบไม้ผลิที่อากาศกำลังจะอุ่น ให้ได้ทำนา ทำไร่ เพื่อการมีกินมีใช้รอบใหม่ จากของเดิมที่ตุนไว้กินตลอดช่วงหน้าหนาวที่อาจเหลือน้อย เต็มทีหรือหมดแล้วก็ตาม จึงอยากไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ปีหน้าฟ้าใหม่ทำนาทำไร่ได้ผลบริบูรณ์ จึงเกิดเป็นธรรมเนียมการไหว้ในยุคปัจจุบัน

==> เทศกาลตรุษจีนเริ่มจากวันไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ 24 เดือน 12 ของจีน หลังจากไหว้แล้ว นิยมทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพื่อให้บ้านสะอาดสดใส และมีการจัดเตรียม ซื้อของไหว้ในวันจ่าย เพราะในวันไหว้สิ้นปี ปีนี้ตรงกับวันที่ 30 มกราคม นิยมไหว้เจ้า 3-4 ชุดใหญ่ คือ

1. ไหว้เจ้าที่ในช่วงเช้า ด้วยชุดไหว้ ไก่ต้ม เป็ดพะโล้ ขาหมูพะโล้ จะไหว้อย่างเดียวหรือ 3 อย่างก็ได้ พร้อมด้วยขนมไหว้ ผลไม้ไหว้ น้ำชา กระดาษเงินกระดาษทอง

2. ไหว้บรรพบุรุษในตอนสาย ด้วยชุดไหว้ไก่ต้ม เป็ดพะโล้ ขาหมูพะโล้ ปลานึ่ง ตับหมูหรือปลาหมึกแห้ง นี่คือการไหว้แบบชุดใหญ่ครบ 5 อย่าง แต่จะไหว้ 3 อย่างก็ได้ แต่กับข้าวไหว้ ไม่ว่าจะไหว้กี่อย่างนิยมว่า ต้องมีน้ำแกงอย่างน้อย 1 ที่ เช่น เกี๊ยวกุ้งน้ำหรือเกี๊ยวหมูน้ำ ซึ่งมีความหมายมงคลหมายถึงการห่อโชคมาให้

เช่นเดียวกันกับข้าวไหว้อื่นๆ ก็เน้นว่า ต้องมีความหมายมงคล เช่น ไหว้ไก่จ๊อทอด หมายถึง ไหว้ก้อนทอง ให้มีเงินมีทอง ถ้าไหว้แบบไม่ทอด จะเหมือนไหว้ก้อนเงิน ให้มีเงินมากๆ ไหว้ขาหมูพะโล้ เหมือนไหว้ก้อนทองใหญ่ยักษ์ อวยพรให้ร่ำรวย ฯลฯ พร้อมด้วยข้าวสวยชามพูนๆ ผลไม้ไหว้ ขนมไหว้ที่นิยมว่า ต้องมีขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมอี๋ น้ำชา เครื่องไหว้กระดาษบรรพบุรุษ

3.ไหว้ผีไม่มีญาติที่นอกบ้านตรงหน้าบ้าน ซึ่งบางบ้านไหว้ บางบ้านไม่ได้ไหว้ แต่ถ้าเป็นไปได้ บ้านไหนที่โดนน้ำท่วมในบ้านหรือนอกบ้าน อยากแนะนำให้ไหว้ผีไม่มีญาติ ด้วยชุดไหว้ของคาว กับข้าวไหว้แบบเป็นอ่างใหญ่ๆ ผลไม้ไหว้ ขนมไหว้ เครื่องดื่ม เครื่องกระดาษไหว้ แล้วจะดี

4. ไหว้ไช้ซิ้งเอี๊ยหรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ กลางดึกคืนวันสิ้นปีย่างเข้าตรุษจีนเมื่อถึงวันตรุษจีน วันที่ 1 เดือน 1 ของจีน มีการไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษด้วยขนมอี๊และส้ม บางบ้านมีถือธรรมเนียมกินเจมื้อเช้า แต่มื้อเที่ยง

ทั้งในวันไหว้สิ้นปีและวันไหว้ตรุษจีน นิยมเป็นวันรวมญาติ ร่วมกันกินของไหว้และกับข้าวไหว้ ที่ล้วนเป็นอาหารมงคลอวยพรให้ทั้งบ้านโชคดี ราบรื่น ร่ำรวย

การไหว้เจ้าที่คนจีนถือปฏิบัติมาแต่อดีต มีปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมเสมอเช่นยุคเริ่มต้น จะเคร่งครัด เรื่องห้ามฆ่าสัตว์ตัวเมียมาไหว้ เพราะช่วงหน้าหนาวเป็นฤดูผสมพันธุ์ และดั้งเดิมไหว้ "ซาแซ" (ซา แปลว่า 3 แซ แปลว่าเครื่องเซ่นสังเวย) อันได้แก่ แพะทั้งตัว วัวทั้งตัว หมูทั้งตัว แต่ต่อมาปรับเป็นการไหว้สัตว์ปีก ไหว้สัตว์ 4 เท้า คือ หมู และไหว้สัตว์น้ำ คือ ปลา กุ้ง ยุคปัจจุบันอาจเน้นไหว้ชุดไหว้ที่สะดวกซื้อ อย่างครบถูกหลัก และลูกหลานชอบทาน แบบทุกคนถูกใจ แต่ต้องไม่ไหว้ของเผ็ด ไม่ไหว้ของขม กับ กำหนดการไหว้ที่ถือเป็นหลักลงตัว มานานแล้วว่า

1. ไหว้เมื่อหมดปีปฏิทินคือ วันสิ้นปี

2. ไหว้เมื่อเริ่มต้นปีใหม่คือวันตรุษจีน

3. มีวันไหว้อื่นๆ ตลอดปี ที่ล้วนมีหลักในเรื่องของฤดูกาล ดวงดาว และการต้องกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตามธรรมเนียมคือ ความนิยม บางบ้านอาจสะดวกไหว้ไก่ต้ม เป็ดพะโล้ ขาหมูพะโล้ ปลานึ่ง และเกี๊ยวกุ้งน้ำ ขอไหว้เฉพาะ 5 อย่างนี้ก็ไม่ผิดอะไร แต่ถ้าจะเพิ่มบะหมี่เป็ดย่างเข้าไปด้วย ให้มีอาหารเส้นอวยพรให้อายุยืน มีความเป็นมงคลที่ยืนยาวได้ด้วยก็ยิ่งดี

เคล็ดลับการไหว้เสริมดวงที่บ้าน จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้มีชุดไหว้ที่ครบถูกหลัก มีรสชาติอร่อยที่ทุกคนถูกใจให้ซื้อได้ พร้อมของแถมที่มีประโยชน์ เช่นไก่ต้ม เป็ดพะโล้ ขาหมูพะโล้ ปลานึ่ง เกี๊ยวกุ้ง เกี๊ยวหมู ไก่จ๊อ บะหมี่เป็ดย่าง ทุกอย่างล้วนอร่อย มีความหมายมงคล

==> สำหรับ วิธีไหว้แก้ชงที่ถูกต้อง จากประสบการณ์จริงพบว่า...ชง คือ การมีพลังที่มองไม่เห็น มากระแทกดวงชะตา ในแต่ละปีจะมี 2 นักษัตรที่ชงตรงๆ เรียกว่า ชงตรงกับชงตัวเอง กับอีก 2 นักษัตรที่ชงรอง เรียกว่า เฮ้ง แปลง่ายๆ ว่าติดขัด กับผั่ว แปลว่า รั่วไหล จากประสบการณ์จริงที่พบคือ

1. อย่าคิดว่าไปไหว้แก้ชงแค่ครั้งเดียว ตอนตรุษจีนก็พอแล้ว

2. ไปไหว้เจ้าเร็วที่สุด ดีที่สุด เพราะไม่มีใครรู้ว่า ดวงของเรากำลังแข็งแรงหรืออ่อนแอ

3. คนจีนโบราณจึงไปไหว้ที่ศาลเจ้าเรื่อยๆ ตลอดปี

4. จากภาวะโลกร้อนและการที่ฝนตกเร็วขึ้น หลายคนจึงชงเร็วขึ้น

5. มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชงแล้วไหว้ไม่เป็น ก็เหมือนคนเป็นแผลที่ยิ่งลาม เกิดการชงยาวหลายปี ชีวิตมีแต่แย่ลง

==> ทั้งนี้ จิตรา ก่อนันทเกียรติ มีคำแนะนำการไหว้แก้ชงที่ถูกต้อง ดังนี้

- ไปไหว้ตั้งแต่ก่อนตรุษจีน อย่าไปไหว้ในช่วงตรุษจีนที่รถราติด เพราะเราจะเครียด ซึ่งจะทำให้ "ซิมไม่เช็ง" หรือจิตไม่โล่ง

- โปรดระวัง! การไปเบียดเสียดกันที่ศาลเจ้า โดนคนดวงไม่ดี ดวงเราอาจไม่ดีตามไปด้วย

- หลังจากที่คนเลิกแห่ไปไหว้กันที่ศาลเจ้าแล้ว ให้ไปไหว้ซ้ำอย่างด่วน เช่น ไปไหว้วันที่ 15 เดือน 1 ของจีน