ดู หู ตา ทายหน้าการเมือง

หากพูดถึงเรื่องโหงวเฮ้ง ไม่ว่าไทยหรือจีน สามารถทำนายทายทักได้หมด เพียงอ่านตำแหน่งดวงดาวให้แม่นยำ
นักโหราศาสตร์ไทยถือว่า ไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะศาสตร์หนึ่งของโหงวเฮ้งไทย นำโหราศาสตร์จีนมาผนวกเข้ากับตำราพราหมณ์ โดยศึกษาชะตาเกิดและลักษณะทั้งห้าประการของใบหน้า คือ คิ้ว หู ตา จมูก และปาก เพื่อทำนายดวงชะตาของผู้คนได้ละเอียดลึกซึ้ง
ดนัย บุญญานุเคราะห์ นักโหราศาสตร์ไทยรุ่นใหม่ สังกัดชมรมอาศรมเจษฎาจารย์ เล่าว่า ความจริงแล้วโหราศาสตร์ไทย ก็คือ องศาของดวงดาวที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ศาสตร์ของโหราศาสตร์ไทยเริ่มมีปรากฎให้เห็นอย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการผูกจากองศาดาว โดยศึกษาจากตำราพราหมณ์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเหล่าเชื้อพระวงศ์ต้องศึกษาตำราเหล่านี้ เพราะต้องใช้ประโยชน์การดูฤกษ์ยาม ออกทัพจับศึก ทิศที่ตั้งเมือง แม้กระทั่งการออกแบบธงต่างๆ อย่าง ธงรบ ยังต้องคำนวณตามองศาดาว โดยการแปลจากการเคลื่อนขององศาดวงดาว ซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์
"เราจะได้ยินคำว่าจับยามสามตา ซึ่งคำว่ายามก็คือ สุริยยาตร นั่นก็คือเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น กลางคืน ส่วนสามตา ก็คือตาราง ของวัน ชั่วโมง นาที โหวงเฮ้ง ก็คือ ลักษณะทั้งห้าบนใบหน้าของคนตามโหราศาสตร์ไทย ยกตัวอย่างเช่น บนใบหน้าของเรา...
ในส่วนของ ดวงตา เปรียบเป็นอาทิตย์ คือเลข ๑
คิ้ว เปรียบเป็น ดวงจันทร์ คือเลข ๒
หน้าผาก เปรียบเป็น ดาวอังคาร คือเลข ๓
ปาก เปรียบเป็น ดาวพุธ คือ เลข ๔
แก้ม เปรียบเป็น ดาวพฤหัส คือเลข ๕
จมูก เปรียบเป็น ดาวศุกร์ คือเลข ๖
ขมับ เปรียบเป็น ดาวเสาร์ คือเลข ๗
ติ่งหู เปรียบเป็นดาวราหู คือเลข ๘
และศรีษะ เปรียบเป็นพระเกตุ คือเลข ๙
โหงวเฮ้งไทย
ดนัย เล่าว่า เวลาดูโหงวเฮ้งทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นตำราจีนหรือไทย ก็ต้องดูว่าส่วนไหนของใบหน้าที่มีความโดดเด่นที่สุด แล้วตรงไหนที่ไม่ค่อยชัด จึงทำนายทายทักอ่านออกมาตามตำราของดวงดาวที่เห็น อย่างเช่นคนที่มีโหงวเฮ้ง ‘นก’ หมายถึง ดาวอาทิตย์(ดวงตา)จะโดดเด่น เพราะธรรมชาติของนกเป็นสัตว์ที่หากินในที่สูง เป็นสัตว์ปีก ซึ่งมีหลายระดับตั้งแต่นกธรรมดา นกเหยี่ยว นกอินทรี ไปจนนกเหนือจริงก็คือ พญาครุฑ
"อาชีพที่อยู่ในโหงวเฮ้งนี้จะเป็นข้าราชการ เพราะราชการคือดาวพระราชา จะมีเกียรติ ลักษณะของราชการ จึงมีแต่เกียรติ ไม่มีเงิน คนที่ทำงานอยู่ภายใต้ดาวอาทิตย์ก็คือ ลูกของพระราชา ทำเพื่อบริการประชาชน เป็นงานที่ไม่ทำผลกำไร แต่มีเกียรติ"
ส่วนคนที่มีโหงวเฮ้งดาวจันทร์ ความเด่นอยู่ที่คิ้ว ลักษณะของดาวจันทร์ก็คือ 'เจ้าเสน่ห์' เมื่ออายุมากขึ้น โหงวเฮ้งอาจจะเปลี่ยนไปตามบุญวาสนา โหงวเฮ้งเดียวกันก็จริงในแต่ละช่วงอายุการอ่านก็จะแตกต่างกันออกไป เช่น ถ้ามีโหงวเฮ้งดาวจันทร์ ขณะที่เป็นสาวรุ่น ความหมายก็คือ มีเสน่ห์ แต่หาคนรักจริงไม่ได้ ตามตำราก็คือ มีเสน่ห์แบบเจ๊กลากไป ไทยลากมา หาคู่แท้ไม่ได้ แต่ถ้าดาวจันทร์จรมาในขณะที่อายุ 60-70 ปี นั่นก็หมายถึงว่า ลูกหลานไม่ต้องการ อาจจะต้องถามหาบ้านพักคนชรา เป็นต้น
‘โหงวเฮ้งงู’ ส่วนมากมักจะมีดาวเสาร์ (ขมับ) หรือเลข ๗ โดดเด่น ชีวิตเต็มไปด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวสูง ไม่สนใจคนอื่นว่าใครจะเป็นอย่างไร อีกอย่างงูเป็นสัตว์ที่อยู่ใต้ดิน สินทรัพย์ที่ดิน ใต้ดิน น้ำมัน ฯลฯ ถือเป็นวาสนาของเขา แต่ก็เป็นโหงวเฮ้งที่น่ากลัว เพราะว่าเขาจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ให้กับใครเด็ดขาด
ดนัย ยกตัวอย่างว่า โหงวเฮ้งไดโว่ หรือโหงวเฮ้งตัวดูด เห็นได้ชัดเช่น คุณบรรหาร ดูตามลักษณะโหงวเฮ้งแล้วจะเป็นคนที่มีแต่รับ ถ้าเสียประโยชน์ เขาจะไม่เอา นั่นก็ถือว่าเป็นวาสนาของเขา นอกจากนั้นก็มีโหงวเฮ้งเทวดา ก็จะมีดาวศุกร์โดดเด่น เพราะเทวดาอยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้อย่างใจ โดยไม่เข้าใจตรรกบนโลกมนุษย์
"เช่น คนใช้บอกว่า "คุณชายคะ เสื้อกำลังส่งไปซักเมื่อเช้า วันนี้ยังไงก็คงมาส่งให้ไม่ทัน"
คุณชายเทวดาก็จะบอกว่า "ไม่รู้ล่ะยังไงเย็นนี้ฉันจะใส่"
คนที่เข้าข่ายโหงวเฮ้งนี้ ยกตัวอย่างเช่น หนุ่มกรรชัย กับ ไตรภพ สองคนนี้ เขาหล่อไม่เหมือนกัน แต่จมูกเขาเด่น อันนี้ดูตามหลักโหงวเฮ้งไทยนะ”
ในขณะที่การเมืองร้อนแรง แม้จะมีซินแส นักโหราศาสตร์เก่งๆ ออกมาพูดถึงดวงชะตาของผู้ที่โดดเด่นบนเวทีการเมืองไทยหลายตำราแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามถึงโหงวเฮ้งของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ
นักโหราศาสตร์คนนี้กล่าวว่า โหงวเฮ้งกำนันสุเทพ และทักษิณ ชินวัตร นั้น มีพวงแก้มที่เด่นเหมือนกัน บริเวณหน้าผาก คือเลข ๓ และแก้ม คือ เลข ๕
"อ่านตามดาวแล้วทักษิณเป็นคนปากกล้า แข็ง ขยัน ทำให้เกิดคดีความ ส่วนดาวอังคารคือ ตัวตนของเขา ยกตัวอย่างเหมือนเรื่องราวของขวัญเรียมที่รักกัน ดาวพฤหัสคือพ่อแม่ไม่เห็นด้วยที่ลูกสาวจะแต่งกับคนจนๆ อย่างไอ้ขวัญ จึงพาลูกไปแต่งกับคนอื่นที่ไม่ได้รัก แต่แต่งเพราะเงิน พ่อตาแม่ยายพอมาเจอไอ้ขวัญ จึงเกิดเรื่องเกิดราวเกิดคดีความขึ้นมา ดังนั้นหมายถึงอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล และเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์เสมอสำหรับทักษิณ"
ส่วนกำนันสุเทพของมวลมหาประชาชน หมอดูคนนี้บอกว่า หน้าผากของเขาไม่หนา บริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นเลข ๓ ก็เลยไม่ชัด แต่โหงวเฮ้งจมูก ตกที่ดาวศุกร์ชัด ดังนั้นจึงเป็นเลข ๕ กับเลข ๖ ภาษาโหรเรียกว่า ผัวหลวงเมียหลวง ผัวน้อย เมียน้อย แต่ภาษาสมัยใหม่ เรียกว่า เป็นคู่ผลประโยชน์
"สุเทพจึงต้องเข้ามาบริหารจัดการเพื่อให้ทุกคนออกมาช่วยกัน แล้วแบ่งผลประโยชน์ไป อย่างผัวหลวงเมียหลวง อ่านตามดาวก็คือ ไม่มีใครรักกำนันจนหมดหัวใจ แต่มาช่วย เพราะกำนันขอร้อง ไม่ไหวแล้ว ธุรกิจจะฉิบหายหมดแล้ว ซึ่งโหวงเฮ้งที่หน้ากำนันชัดมาก และเขาไม่มีคดีความเข้ามาเกี่ยวข้อง ”
ส่วนโหงวเฮ้งของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นักทำนายคนนี้เล่าว่า อ่านจากโหงวเฮ้งแล้ว ช่วงนี้ผลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาเมื่อไหร่ ก็จบทันที ซึ่งโหงวเฮ้งก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่ปัจจุบันโหงวเฮ้งเปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา
"โหงวเฮ้งเธอเปลี่ยนไปเหมือนคนร้องไห้ จมูกคือตำแหน่งดาวศุกร์ของเธอไม่ชัดเจนเหมือนเเดิม แต่ดวงตาก็คือ ตำแหน่งดาวอาทิตย์นั้นกลับชัดขึ้น พวงแก้มที่เคยเต่งตึงสวย กลับเบี้ยวและแก้มตอบ ไม่เท่ากัน เป็นโหงวเฮ้งของการทำผิดกฏหมาย ทำเรื่องไม่ดีได้ง่าย ลักษณะของปาก ตำแหน่งดาวพุธ ตอนนี้ก็ไม่ชัด อ่านตามลักษณะแล้ว เหมือนดินทำให้จาง ดินทำให้เข้ม เหมือนน้ำขุ่นในท้องนา ไหลไปปะปนกับอะไร พลังก็จะลดลงทันที"
ถามว่าการทำศัลยกรรม ช่วยเปลี่ยนโหงวเฮ้งได้จริงหรือ? ดนัยตอบว่า อาจจะช่วยได้ แต่หากไปทำโบท็อกซ์ ยกกระชับหน้า หรือแก้ตาที่ตก ต้องระวัง ถ้าทำไม่ดี มีรอยตำหนิ หรือเป็นจุด อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เสียหายมากกว่าเดิม
นี่คือความจริงของโหราศาสตร์ไทย ทั้งนี้โหราศาสตร์ ก็อาจเป็นดาบสองคมกับตัวผู้ทำนายทายทักได้ แม้พูดไปตามตำราแห่งดวงดาว
สำหรับดวงเมืองขณะนี้ที่กำลังรบทัพ จับศึก หมอดูคนนี้ บอกว่า จะโหมโรงต่อไป จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม ดวงเมืองจะเกิดความมั่นคงแข็งแรง เป็นไปดังที่หลายๆคนคาดหวัง
โหงวเฮ้งจีน
ศึกษาตำราโหงวเฮ้งแบบไทยไปแล้ว ส่วนตำราโหงวเฮ้งจีนนั้น อาจารย์ รุ่งนภา อังคะศิริกุล ได้เคยเขียนเอาไว้ว่า ตำราโหงวเฮ้ง เดิมบรรจุฝังอยู่ในฮวงซุ้ย ซึ่งเป็นที่ฝังศพของเจ้าเมืองเหว่ย ชื่อ "เหว่ยซังหวาง" โดยมีคนร้ายลักลอบเข้าไปขุดฮวงซุ้ย เพื่อขโมยสมบัติ และได้พบหนังสือทำด้วยไม้ไผ่แกะสลัก รวม 13 บท เป็นการบันทึกเรื่องราวขององค์ปฐมกษัตริย์
จนมาถึงยุคสมัยพระเจ้าจิวบุ้นอ๋อง ในราชวงศ์จิว สมัยของขงจื้อ ยังไม่มีกระดาษ ทุกตัวอักษรจึงต้องบันทึกด้วยวิธีการแกะสลักอยู่บนท่อนไม้ไผ่ ตำราจึงมักถูกครอบครองโดยคนกลุ่มน้อย ผู้ทรงภูมิปัญญาหรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เป็นส่วนมาก วิชาโหงวเฮ้ง มีความลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน หลักวิชาที่แท้จริง ถูกปกปิดเป็นความลับตลอดเวลา เป็นเหตุให้บางท่านเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าเป็นวิชาที่แอบแฝงซ่อนความเร้นลับของไสยศาสตร์ เพราะสมัยก่อน ตำราที่สำคัญมีน้อยและหายาก จึงเป็นที่หวงแหนกันมากยิ่งนัก
เพราะอดีตสมัยโบราณกาล การต่อสู้นำชัยชนะเพื่อแลกแผ่นดินในประเทศจีน มักมีการคัดเลือกบุคคลให้เป็นแม่ทัพ นำกองทัพออกสู่สมรภูมิสนามรบ โดยอาศัยหลักการดูลักษณะจากวิชาโหงวเฮ้ง มาประกอบการคัดเลือกบุคคลเพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งเพราะคนสมัยโบราณ ท่านถือคติว่า "กองทัพย่อมไม่รับบุคคลผู้ไร้วาสนา" เพราะผู้ที่มีลักษณะดีถูกต้องตามหลักโหงวเฮ้งนั้น จะนำความเป็นปึกแผ่นและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ
ชาวจีนสมัยโบราณ ยังไม่มีการเขียนหนังสือ ก็ใช้วิธีการพิมพ์ลายนิ้วมือจากน้ำหมึกสีดำแทนลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นการบ่งชี้ตัว จนกระทั่งถึงยุคสมัยปัจจุบัน ทุกชาติทุกภาษาก็ยังนำวิธีการนี้มาเพื่อประกอบในเรื่องของเอกสารบางอย่าง เช่น การทำบัตรประชาชน การแปะโป้งแทนลายเซ็น ตามโรงรับจำนำ เอกสารประกอบการทำคดีทางกฏหมาย การสเก็ตภาพจากการบอกเล่ารูปพรรณสัณฐาน การชันสูตรพลิกศพ ที่กล่าวมานี้ก็เกี่ยวข้องกับโหงวเฮ้งด้วยเช่นกัน
แม้ตามตำราให้ดูลักษณะทั้งห้าประการ ได้แก่ คิ้ว หู ตา จมูก ทั้งนี้ก็ต้องดูตามช่วงวัยด้วย ซึ่ง อาจารย์รุ่งนภา ได้เขียนเอาไว้ว่า ตั้งแต่วัยเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ ๑๔ ปี ให้ดูที่ใบหู เพศหญิงและ เพศชาย การนับอายุไม่เหมือนกัน หญิงเริ่มนับจากใบหูด้านขวา ชายเริ่มนับจากใบหูด้านซ้าย วัยเยาว์ก็คือ วัยหนุ่มสาว นับตั้งแต่อายุ ๑๕ ปีถึงอายุ ๓๐ ปี อยู่ในช่วงที่ ๑ ของใบหน้า วัดจากส่วนบนสุดของใบหน้าก็คือเชิงผมจรดกึ่งกลางคิ้ว วัยกลางคน นับตั้งแต่อายุ ๓๑ ปีถึงอายุ ๕๐ ปี อยู่ในช่วงที่ ๒ ของใบหน้า วัดจากกึ่งกลางคิ้วถึงสุดฐานปลายจมูก วัยอาวุโส ( วัยชรา ) นับตั้งแต่อายุ ๕๐ ปีขึ้นไป อยู่ในช่วงที่ ๓ ของใบหน้า วัดจากฐานปลายจมูกไปจนถึงสุดปลายคาง
ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นหากแต่ละช่วงได้สัดส่วนสมดุลกันดี มีความยาวเท่ากันทั้งสามส่วน ส่งผลให้ชีวิตโดยรวมได้พบกับสิ่งที่ดี ตัวอย่างดังใบหน้าในภาพ พื้นฐานครอบครัวและ การศึกษา อยู่ในช่วงที่ ๑ ดูที่หน้าผาก หากท่านใดมีช่วงนี้เด่นชัด ชีวิตเยาว์วัยประสบความสำเร็จมากมาย ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง ๓๐ ปี ความสำเร็จในหน้าที่การงาน อยู่ในช่วงที่ ๒ วัดจากกึ่งกลางคิ้วถึงฐานปลายจมูก หากท่านใดช่วงนี้เด่นชัดจะประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน และการเงิน ในช่วงชีวิตวัยกลางคน ฐานะความเป็นปึกแผ่น อยู่ในช่วงวัยชราหรือ วัยอาวุโส อยู่ในช่วงที่ ๓ วัดจากฐานปลายจมูกถึงปลายคาง หากท่านใดช่วงนี้เด่นชัด จะพบความสำเร็จทางด้านครอบครัว มีชีวิตสุขสบาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในบั้นปลายชีวิต
อาจารย์รุ่งนภากล่าวเอาไว้ว่า ช่วงของใบหน้าที่สั้นที่สุด ทำให้วิถีชีวิตเกิดวิกฤตที่ไม่สู้จะดีนักซึ่งบ่งบอกว่าช่วงวัยนั้นต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ มากที่สุด
บุคคลท่านใดที่มีช่วงที่ ๑ ( หน้าผาก ) สั้นมากหรือ เป็นจุดด้อยกว่าช่วงอื่นอาจต้องขวนขวาย หาทางศึกษาด้วยตนเอง ไม่คอยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อ แม่ มากนัก
บุคคลท่านใดที่มีช่วงที่ ๒ ( ช่วงกลางของใบหน้า) สั้นมากหรือ เป็นจุดด้อยกว่าช่วงอื่น บุคคลท่านนั้นได้ตำแหน่งหน้าที่การงานพบความสำเร็จค่อนข้างยาก จนกว่าจะถึงบั้นปลายชีวิต
บุคคลท่านใดที่มีช่วงที่ ๓ ( ช่วงสุดท้ายของใบหน้า ) สั้นมากจนเป็นจุดด้อยกว่าช่วงอื่น บั้นปลายชีวิตต้องพบกับความยากลำบากทั้งทางด้านความยากจน สุขภาพไม่ดี ไร้ลูกหลานคอยดูแล
อย่างไรก็ดีการอ่านช่วงชีวิตทั้ง ๓ ช่วง จากใบหน้าก็อาจคลาดเคลื่อนไปได้เพราะเมื่ออายุมากขึ้นรูปหน้าอาจเปลี่ยนไป เช่น หน้าเดิมเคยแคบเมื่ออายุมากอาจขยายกว้างขึ้น หรือส่วนคางเดิมเคยเล็กแหลมก็อาจขยายใหญ่อวบอิ่มสมบูรณ์ขึ้น เป็นต้น ซึ่งความถูกต้องแม่นยำของสัดส่วนบนใบหน้าจะมีผลต่อความเป็นอยู่ในขณะนั้นมากที่สุด การอ่านโหงวเฮ้งเราจึงควรเน้นดูเฉพาะในช่วงอายุขณะนั้น ส่วนช่วงอายุอื่นอาจดูเพื่อเป็นแนวทางประกอบการเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในช่วงต่อไป
โชคชะตาในแต่ละช่วงชีวิตย่อมส่งผลถึงชีวิตในช่วงต่อไปด้วย การมีช่วงชีวิตหนึ่งที่ดีเด่นชัดไม่ได้หมายความว่าจะมีผลเฉพาะกับช่วงอายุนั้นเพียงเท่านั้น ความจริงแล้วการดำเนินชีวิตในช่วงต้นอย่างเหมาะสมจะมีผลเสมือนปัจจัยสะสมเพื่อเป็นจุดตั้งต้นในการเผชิญกับชีวิตในช่วงต่อไปด้วย ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้จึงควรกระทำความดีเพื่อเป็นทุนรอนที่สะสมไปใช้ในภายภาคหน้า
ดังคำในพระพุทธศาสนาท่านได้กล่าวไว้ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" การทำดีชั่วผลรับที่ได้ตอบสนองในชาตินี้ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า







