Friend of UNICEF 'นิชคุณ หรเวชกุล'

Friend of UNICEF 'นิชคุณ หรเวชกุล'

ไม่เพียงแต่เป็นคนไทยคนแรกๆ ที่ได้โกอินเตอร์ไปเป็นศิลปินในสังกัดค่ายต่างประเทศ(JYP Entertainment,เกาหลี) เท่านั้น แต่หนุ่มหน้ามนขวัญใจสาวไทย

และสาวเกาหลีคนนี้ยังได้รับเลือกให้ทำภารกิจอันสำคัญในด้านการศึกษาของเด็กไทยอีกด้วย

ศิลปินคนที่ว่าคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก นิชคุณ หรเวชกุล ที่ล่าสุดได้รับเลือกให้เข้ามารับตำแหน่ง 'Friends of UNICEF' เป็นหนึ่งในสองคนแรกของประเทศไทย ซึ่งบทบาทหลักๆ ของ Friends of UNICEF คือจะต้องเข้ามาช่วยสนับสนุนยูนิเซฟรณรงค์ด้านสิทธิเด็ก และปัญหาต่างๆ ของเด็กและเยาวชนในประเทศไทย รวมถึงเข้ามามีส่วนช่วยยูนิเซฟในการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ อีกด้วย

โดยภารกิจแรกของนิชคุณที่ได้ทำในฐานะ 'เพื่อนยูนิเซฟ' คือการลงพื้นที่ไปเยี่ยมชุมชนหลังโรงเรียนศึกษานารี เขตธนบุรี เพื่อรับทราบปัญหาของเด็กๆ ที่อยู่ในสภาพลำบากและต้องทำงานข้างถนน ชุมชนนี้มีเด็กอาศัยอยู่ประมาณ 80 คน จากทั้งหมด 300 คน เด็กๆ หลายคนต้องช่วยครอบครัวหารายได้โดยการขายพวงมาลัยหรือแสดงรำสิงโตบนท้องถนน ขณะที่บางคนต้องไปขอทาน

ซึ่งครั้งนั้นศิลปินหนุ่มได้เข้าไปร่วมทำกิจกรรมกับเด็กมากมาย เพื่อทำให้เสียงหัวเราะของเด็กๆ กลับคืนมา และภารกิจครั้งที่สองนี้เขาก็เดินหน้าต่อเพื่อส่งความสุขสู่เด็กไทย และใช้โอกาสนี้กระตุ้นให้คนไทยหันมาตระหนักถึงปัญหาการศึกษาของเด็กไทยให้มากขึ้น

-เข้ามาทำหน้าที่ Friends of UNICEF ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ

ผมเพิ่งเริ่มมาทำหน้าที่ Friend of unicef เมื่อต้นปี 2556 ครับ ครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่เป็นครั้งที่สอง จริงๆ อยากจะทำมากกว่านี้ แต่ส่วนใหญ่ผมอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยมีเวลากลับมาเมืองไทยเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกดีครับที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ ที่ผ่านมาผมก็จะช่วยบริจาค เช่น เวลานั่งเครื่องบิน บางทีก็จะมีซองรับบริจาคมา เราก็ขอซองเขามาเพื่อบริจาค หรือไม่ก็บริจาคทางตู้โทรศัพท์ ส่วนการเดินทางมาร่วมกิจกรรมจริงๆ ในพื้นที่ก็ลงที่เมืองไทยเป็นที่แรก ถ้ามีกำลัง มีเวลาเมื่อไหร่ก็มาร่วมเดินสายรณรงค์ให้กับโครงการเหล่านี้ในเมืองไทยก่อน และหวังว่าต่อไปถ้าดังกว่านี้ก็อาจจะได้ไปเป็นยูนิเซฟของประเทศอื่นๆ ด้วย ไปช่วยเหลือเด็กที่อื่นๆ ด้วย ซึ่งการที่เราได้มาทำตรงนี้มันทำให้เราได้เห็นว่าประเทศเราเป็นยังไง เด็กเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือมากน้อยขนาดไหน ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผมอบอุ่นใจที่ได้มาช่วยเหลือสังคมเรา ซึ่งก็คือการช่วยเหลือประเทศเราไปในตัว

-ในฐานะที่เป็น Friend Of Unicef มองว่าตอนนี้สังคมให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กไทยมากน้อยแค่ไหน

ผมเองก็ได้ทราบข้อมูลมาว่าเมืองไทยตอนนี้มีเด็กประมาณ 2.5 ล้านคนที่อยู่อย่างยากจน และไม่ได้รับการศึกษาหรือว่าการเรียนรู้ที่เต็มรูปแบบ จากปัญหาตรงนี้ผมเองก็อยากให้ทุกๆ คนหันมามองและใส่ใจเรื่องนี้กันอีกสักหน่อย เพราะว่าปัญหานี้ยังคงเป็นปัญหาระดับประเทศ ถ้าใครอยากช่วยก็ติดตามโครงการช่วยเหลือเด็กกับทางยูนิเซฟผ่านโฮมเพจได้ อยากให้ทุกคนมาช่วยเหลือเด็กไทยของเรา เพราะเด็กไทยก็คืออนาคตของชาติไทยครับ

-ทราบว่าลงพื้นที่มา 2 ครั้งแล้ว มีอะไรแตกต่างกันบ้าง

ครั้งที่แล้วไปชุมชนหลังโรงเรียนศึกษานารี ตอนที่ไปชุมชนรู้สึกเศร้าใจนิดหนึ่ง ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของเด็กในชุมชนนั้นแล้วสะเทือนใจ เพราะเด็กเหล่านี้ไม่ได้รับพลามัยที่ดีแล้วก็ไม่ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่นะครับ ก็หวังว่าต่อไปจะเห็นคุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้น ส่วนครั้งนี้ผมได้มาเจอเด็กเล็กๆ ระดับอนุบาลที่โรงเรียนทุ่งมหาเมฆ เด็กทุกคนน่ารักครับ ก็ได้ทำกิจกรรมกันหลายอย่าง ถ้าจะให้เทียบกันคงเทียบกันไม่ได้ เพราะว่าเด็กๆ เขาน่ารักเหมือนกันหมดเลย

-แล้วครั้งนี้ได้มาทำกิจกรรมอะไรบ้าง

วันนี้ผมได้มาเล่นกับเด็กๆ เราก็ได้วาดรูปด้วยกัน พิมพ์ลายมือสร้างธงชาติไทยด้วยกัน ได้มาทานบัวลอยฝีมือเด็กๆ ซึ่งทุกคนมีความน่ารัก สดใส ฉลาด มีทักษะ และไหวพริบที่ดี ผมว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาได้รับการสนับสนุนที่ดี เขาก็ได้มีโอกาสได้เรียนรู้ด้านศิลปะ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ได้ฝึกการใช้จินนาการของตัวเขาเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่เด็กวัยนี้ต้องการมาก เพื่อที่เขาจะได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพ อีกอย่างคือได้มาดูว่าที่โรงเรียนนี้มีระบบการสอนเด็กอย่างไร ดูว่ามีการฝึกพัฒนาความคิดสร้างสรรค์หรือว่าทักษะในการเรียนรู้ของเด็กเป็นอย่างไร ผมเองก็เชื่อว่าเด็กๆ เป็นพลังของชาติเรา ถ้าเขาโตขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพเขาก็จะเป็นกำลังที่จะพาประเทศเราพัฒนาขึ้นไปให้มากกว่านี้อีกเยอะ

-ประทับใจกิจกรรมใดมากที่สุด

น่าจะเป็นตัวธงชาติที่พิมพ์ลายมือ เพราะมันสื่อได้ถึงหลายๆ อย่าง เช่น สื่อได้ว่าเด็กก็สามารถสร้างประเทศไทยได้ แล้วผมก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหหนึ่งร่วมกับเด็กเหล่านี้สร้างธงชาติไทยขึ้นมา เหมือนกับว่าเราร่วมมือกันเพื่อที่จะสร้างประเทศขึ้นมาให้แข็งแกร่งกว่านี้ อยากบอกว่าประสบการณ์แบบนี้ต้องมาเจอด้วยตัวเองครับ ถึงจะรู้ว่าสิ่งนี้มีค่าแค่ไหน อย่างตัวผมเองพอได้มาทำหน้าที่นี้ก็รู้สึกประทับใจที่ได้มาช่วย ได้เห็นว่าเด็กๆ เขามีความสำคัญขนาดไหนกับสังคมของเรา อยากจะเชิญชวนทุกๆ คนมาช่วยกัน ถ้ามีเวลาปีละครั้งสองครั้งก็ยังดี มาพบปะกับเด็กๆ มาช่วยสนับสนุนเขาในเรื่องการศึกษา ก็หวังว่าทุกคนจะให้ความสนใจเรื่องการศึกษาของเด็กไทยมากขึ้น

-คิดว่าการพัฒนาเด็กตั้งแต่ปฐมวัย มีความสำคัญอย่างไร

คือเด็กตั้งแต่ประมาณ 3-6 ขวบ เขาต้องการการพัฒนาที่ดี เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้อะไรได้มากมาย การที่เราให้เขาอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ อย่างเดียวไม่พอ แต่ว่าเด็กๆ เหล่านี้ต้องการทักษะอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางด้านร่างกาย เช่น ออกกำลังกาย เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ฝึกทักษะในการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายของเขา แล้วก็ทักษะในด้านความคิดสร้างสรรค์ อย่างการเรียนศิลปะ ซึ่งเด็กๆ ควรจะได้ใช้จินตนาการสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ขึ้นมา เหมือนกับให้สมองของเขาได้ออกกำลังกายไปด้วย ก็คิดว่าเด็กตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปควรได้มาเรียนรู้ในด้านนี้จึงจะเป็นประโยชน์ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงที่เขาเลื่อนชั้นขึ้นไปเรียนชั้นประถม

ผมมองว่ามันเป็นทักษะที่สำคัญมากในการใช้ชีวิตเวลาที่เขาโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ เด็กไทยตอนนี้กำลังต้องการสิ่งนี้มาก เพื่อที่จะพัฒนาเองให้มีศักยภาพ และต่อยอดไปพัฒนาประเทศเมื่อเขาโตขึ้น โดยส่วนตัวผมอยากเห็นเมืองไทยมีสวนสาธารณะเพิ่มนะ ให้คนมีพื้นที่ออกกำลังกายมากกว่านี้ ผมอยากเห็นริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระที่สวยงามกว่านี้ ก็เชื่อว่าเด็กไทยจะโตไปเป็นวิศกรหรือสถาปนิกที่จะมาทำตรงนี้ได้แน่นอน อนาคตเราก็ขึ้นอยู่กับเด็กเหล่านี้แหละครับ

-สำหรับคนทั่วไปที่อยากเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ จะช่วยได้อย่างไรบ้าง

อยากให้ช่วยกันเข้ามาบริจาคครับ โดยจะมีแคมเปญของยูนิเซฟที่จะเริ่มปี 2557 คือโครงการ the power of the little ก็คือการบริจาคครั้งละ 25 บาทผ่านทาง sms ที่เบอร์ 4712225 ทุกพลังเล็กๆ จากทุกคนสามารถจะช่วยผลักดันประเทศของเราและเด็กของเราให้ไปได้ไกลกว่านี้ได้อีกเยอะครับ

อย่างตัวผมไม่ค่อยได้อยู่ประเทศไทย ก็จะช่วยผ่านทาง sms บางทีก็จะทวีตว่าตอนนี้มีเหตุการณ์แบบนี้ๆ เกิดขึ้นแล้วก็ตอนนี้ยูนิเซฟมีโครงการนี้ที่ทำกันอยู่ เป็นการเชิญชวนให้ทุกคนมาช่วยยูนิเซฟ ช่วยประเทศของเรา และช่วยโลกของเรา

-รู้สึกอย่างไรบ้าง ที่คุณเป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีโอกาสมาทำหน้าที่ตรงนี้

ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ทำประโยชน์คืนสู่สังคมไทย โดยที่ไม่จำเป็นว่าต้องอะไรมาก แค่ว่าตัวผมเข้ามาสนับสนุนยูนิเซฟ ก็ทำให้มีคนเข้ามาสนใจโครงการเหล่านี้มากขึ้น เป็นอะไรที่เป็นเกียรติมากครับ ที่ผมได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ ได้มาร่วมมือกับยูนิเซฟเพื่อช่วยเหลือประเทศของเรา เพราะว่าผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งและรักประเทศไทย ก็หวังว่าความช่วยเหลือของผมหรือว่ากำลังแรงกายเล็กๆ น้อยๆ จากผม จะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศของเราไปได้ไกลกว่านี้ แล้วก็ทำให้สังคมเราแข็งแกร่งกว่านี้

-มองว่าการเดินทางไปตามที่ต่างๆ ในฐานะเพื่อนยูนิเซฟ ให้อะไรกับคุณบ้าง

มันทำให้ผมคิดได้ว่าผมโชคดีขนาดไหนที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ได้เกิดมาเป็นผม ก็หวังว่าคงจะใช้ชื่อเสียงของผมเพื่อที่จะช่วยเหลือสังคมไทยให้ได้มากขึ้นไปกว่านี้อีก ผมก็รอเวลาดีๆ ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาช่วยเหลือให้มากขึ้น ตอนนี้ยังไม่มีแพลนอะไรแน่นอนว่าจะไปจุดไหนต่อ ก็ยังอยู่ในขั้นตอนคุยกันกับทางยูนิเซฟอยู่ มีเวลาเมื่อไหร่ก็ติดต่อกันมาผมพร้อมช่วยเสมอ