ไอเดีย(โลก)อนาคต

ต่อไปนี้ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์จะไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นแค่สินค้าและบริการเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงความเป็นไปของโลกอนาคตที่กำลังจะมาถึง
ไม่ว่าจะเป็น แก้วน้ำย่อยสลายได้ เก้าอี้จากกล่องนม เสื้อจากพลาสติกรีไซเคิล โต๊ะพลังงานไฟฟ้าจากพืช ชุดเพาะเห็ดจากกากกาแฟ หรือกระเป๋าใบเก๋ที่ทำจากยางล้อรถ ทุกอย่างที่ว่ามาอาจมองดูเป็นข้าวของที่ไกลตัวคนไทยไปสักหน่อย แต่รู้หรือไม่ว่าในต่างประเทศสินค้าเหล่านี้กลายเป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ที่หันมาสนับสนุนสินค้าไอเดียกันอย่างจริงจัง
ในช่วงปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าในท้องตลาดมีสินค้าใหม่ใส่ไอเดียมาวางขายอย่างแพร่หลายมากขึ้น มีทั้งแบบใส่ไอเดียเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือไอเดียในมิติที่เป็นฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งาน ด้วยความที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล ทำให้อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งการพรินต์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จากรูปในคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นสิ่งของที่จับต้องและใช้งานได้จริง ไอเดียบางอย่างที่เคยเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันในอดีต วันนี้กลับสามารถสร้างขึ้นได้ แถมยังต่อยอดได้อย่างไร้ขอบเขตอีกด้วย
ไอเดียที่จับต้องได้
หลายคนคงเคยรู้จักเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถผลิตข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ได้ด้วยเครื่องพรินต์เตอร์แบบสามมิติหรือที่รู้จักกันในนาม '3D Printer' เครื่องพรินต์เตอร์นี้ถูกพัฒนาให้ผู้ใช้งานสามารถพรินต์ข้าวของอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งทุกวันนี้มันถูกพัฒนาไปขั้นที่มีเครื่อง 3D Printer แบบ Home ออกวางจำหน่ายกันแล้ว ว่ากันว่าเจ้าเครื่องนี้สามารถพรินต์ รองเท้า ถ้วยกาแฟ เครื่องประดับ เครื่องตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านออกมาได้เลย ส่วนตัววัสดุตั้งต้นที่ใช้ก็ไม่ได้จำกัดว่าจะพิมพ์ได้แค่ 'พลาสติก' เท่านั้น แต่สามารถใช้ โพลีเมอร์ โลหะ ปูนซิเมนต์ หรืออะไรก็ได้ทั้งสิ้น
ด้วยความที่สามารถพรินต์อะไรก็ได้ ในช่วงต้นปีจึงมีข่าวคราวน่าตกใจออกมาว่า นักเรียนกฎหมายวัย 25 ปี จากมหาวิทยาลัยเทกซัส ในนามกลุ่ม Defense Distributed ประสบความสำเร็จในการผลิตอาวุธปืนที่ใช้ยิงได้จริงจากการพรินต์ด้วยพรินต์เตอร์สามมิติ โดยทำการทดลองยิงครั้งแรกในสนามยิงปืนทางตอนใต้ของเมืองออสติน รัฐเทกซัส โดยปืนนี้ทำจากพลาสติก ABS ในทุกส่วนยกเว้นส่วนของเข็มแทงชนวน (Firing Pin) ที่ทำจากโลหะ กระสุนที่ใช้กับปืนนี้เป็นกระสุน .38 ซึ่งที่สุดแล้วทางการก็มีการออกกฎหมายควบคุมการผลิตอาวุธปืนจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติเพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ๆ เหตุการณ์นี้ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่กำลังบอกเราว่าเทคโนโลยีและไอเดียมันกำลังเติบโตและก้าวไปไกลกว่าที่คิด
พิชิต วีรังคบุตรผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการและกิจกรรมสัมพันธ์ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ(TCDC) อธิบายถึงประเด็นนี้ว่า เหตุที่ 3D Printer ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ เพราะเป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานไอเดียที่ตอบสนองความต้องการของคนยุคใหม่ได้ ในอนาคตอันใกล้นี้ เทรนด์การออกแบบที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกใบนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องของงานออกแบบอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นเครื่องมือที่จะสร้างให้เกิดงานออกแบบที่ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อผลงานชิ้นนั้นตอบโจทย์กับเทรนด์ของผู้บริโภค
"ผมว่าที่น่าจะเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ คือ 3D Printer ซึ่งอาจจะมีโอกาสมีอยู่ทุกบ้าน เหมือนกับที่เคยมีพรินต์เตอร์กระดาษ ในอีก 3-5 ปี ข้างหน้าอาจจะเริ่มมีคนพรินต์ผลิตภัณฑ์ที่มันเป็นสามมิติขึ้นมาใช้งานได้จริง ปัจจุบันมันอาจจะอยู่ในขั้นทดลอง เพราะว่าของชิ้นนั้นๆ อาจจะยังไม่ได้รับการรับรองว่าสามารถใช้กับคนได้จริง แต่แนวโน้มมันมีโอกาสมากที่จะถูกพัฒนาให้เกิดขึ้นและใช้ได้จริง เหมือนที่ผ่านมาในช่วงต้นปีมีเรื่องการพรินท์ปืนในอเมริกา ก็เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดการตื่นตัวของเรื่อง 3D Printer ขึ้นมา เพราะว่ามันกลายเป็นการพรินท์อาวุธได้เองที่บ้าน มันก็เลยเป็น Issueที่ทำให้คนสนใจ ซึ่งผมคิดว่ามันอาจจะเป็นแนวโน้มของการบริโภคสินค้าและผลิตภัณฑ์ในโลกอนาคตค่อนข้างมาก"
พิชิตบอกอีกว่า ทิศทางของวงการการออกแบบในอนาคตจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยผลิตผลงานมากขึ้น คือไม่ได้มองเทคโนโลยีเพียงแค่เพื่อความสะดวกอย่างเดียว แต่จะมองเพื่อว่าเป็นเครื่องมือที่จะทำให้สามารถช่วยลดขั้นตอน ลดความยุ่งยากในการผลิตชิ้นงานหรือสินค้าและบริการนั้นๆ ได้
"เราจะไม่ได้ใช้เฉพาะด้านการสื่อสาร ด้านการรับข้อมูลข่าวสารอย่างเดียว แต่จะใช้เทคโนโลยีในเชิงของการเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการผลิตสิ่งของ ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมาเราเริ่มเห็นปรากฏการณ์ว่าเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญกับชีวิตของคนไทยมากขึ้น แต่ยังใช้อยู่ในระดับพื้นฐานอยู่ ก็คิดว่าเครื่องมือนี้น่าจะเป็นตัวแปรหรือปัจจัยสำคัญที่มันกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต"
gadgetเก่าเล่าใหม่
ไม่เพียงแต่เครื่อง 3D Printer เท่านั้นที่กำลังจะเป็นเทรนด์การบริโภคสินค้าแนวไอเดียในอนาคต แต่ผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการฯ คนเดิมบอกอีกว่า ยังมีสินค้าและบริการที่สร้างสรรค์ด้วยไอเดียใหม่ๆ อีกหลายอย่าง ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาสอดประสานได้อย่างลงตัว
โดยเฉพาะสินค้าแบบประยุกต์ที่เอาของเก่ามาสร้างให้เกิดคุณค่าและความหมายใหม่ พิชิตบอกว่าสินค้าไอเดียประเภทนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ
"เราพยายามจะมองว่านอกเหนือจากการเพิ่มความหมาย การเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการแล้ว การให้ความหมายใหม่กับสินค้ามันก็เป็นเรื่องสำคัญ ทำให้คนสามารถที่จะบริโภคหรืออยากบริโภคมากขึ้น เพราะว่ารูปแบบของการบริโภคมันไม่ใช่แค่ ฉันซื้อมา ฉันใช้ และฉันทิ้ง แต่ในอนาคต คนจะซื้อของชิ้นนั้นๆ ก็เพราะมันมีความหมายบางอย่างต่อชีวิตของเขา ซื้อมาแล้วมันทำให้เกิดความยั่งยืนในการซื้อ หรือสร้างแบรนด์ได้ด้วยซ้ำไป"
ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์แนวไอเดียประเภทนี้ ได้แก่ เครื่องพิมพ์ดีดต่อสายยูเอสบีพร้อมที่วางไอแพด ของชิ้นนี้มีความน่าสนใจในแง่ของการนำของเก่ามาสร้างเป็นสินค้าที่มีคุณค่าใหม่ แสดงให้เห็นว่าข้าวของจากอดีตที่มีคุณค่าทางจิตใจสามารถเอามาบิด ปรับ แปลงใหม่ ให้สอดคล้องกับวิถีของคนในยุคปัจจุบันได้มากขึ้น นอกจากจะตอบโจทย์กลุ่มคนยุคนี้ที่ถวิลหาอดีตแล้ว ขณะเดียวกันมันก็สอดรับกับบริบทของโลกใบนี้ในเรื่องของความยั่งยืนได้ด้วย
"เครื่องพิมพ์ดีดต่อสายยูเอสบีตัวนี้ตอบโจทย์ไอเดียของโลกอนาคตได้ดีที่สุด เพราะของชิ้นนี้กำลังบอกเราว่าเทคโนโลยีอะนาล็อกกับดิจิทัลมันไปด้วยกันได้จริงๆ" นันท์นรี พานิชกุล ภัณฑารักษ์ประจำนิทรรศการ 'Hello World! เราจะออกแบบอนาคตกันอย่างไร' ที่จัดขึ้นที่ TCDC อธิบายถึงแนวคิดการออกแบบของชิ้นงานชิ้นนี้
เธอบอกอีกว่า คนที่ออกแบบชิ้นนี้คือ แจ็ค ซิลกิน เป็นชาวอเมริกัน เนื่องจากเขารู้เสียดายอุปกรณ์ต่างๆ ในยุคอดีตที่มีตั้งมากตั้งมายแต่กลับถูกทิ้งไว้ และเขาเกิดคำถามว่ามันจะมีความหมายได้ไหมในยุคที่ผู้คนหันมาใช้ไอแพด ไอโฟน หรือโทรศัพท์ที่เป็นหน้าจอระบบสัมผัสทั้งหมด เขาเลยดัดแปลงตัวพิมพ์ดีดเก่าให้เป็นตัวคีบอร์ดซึ่งสามารถที่จะใช้งานกับตัวมอนิเตอร์ของไอแพดได้ หรือ จะใช้กับมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์ก็ได้ สามารถที่จะเซฟไฟล์ไว้เป็นฮาร์ดก๊อปปี้
"นอกจากนี้ยังทำให้สนุกได้มากขึ้นไปอีก โดยเครื่องนี้ยังสามารถใช้กระดาษมาใส่แล้วพิมพ์กระดาษจริงได้ด้วย ก็คือเราซื้อตัวผ้าหมึกมาใส่ได้ ก็สามารถที่จะพิมพ์เป็นกระดาษไปพร้อมๆ กับที่คุณเซฟไฟล์ได้ด้วยเหมือนกัน นี่ก็เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เราเห็นว่า จริงๆ แล้ว คำว่าของเก่าในความรู้สึกใหม่ มันไปด้วยกันได้จริงๆ"ภัณฑารักษ์บอก
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกหลายชิ้น ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยแนวคิดในทิศทางเดียวกัน เช่น โคมไฟจากป่าอเมซอน ที่นำเอาขยะที่เป็นขวดน้ำมาประยุกต์เข้ากับทักษะการจักสานต้นปาล์มโบราณของคนท้องถิ่น ซึ่งลวดลายของการจักสานนั้นเป็นลายโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนอารยธรรมอินคา เป็นต้น
ไอเดียสร้างโลก
หลายคนอาจจะคิดว่าผลงานการออกแบบด้วยไอเดียเหล่านี้ คนที่จะทำได้ต้องเป็นนักออกแบบหรือศิลปินเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่เลย เพราะคำว่า 'ไอเดีย' และ 'ความคิดสร้างสรรค์' มันสามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัด มีความหมายที่กว้างขวางมาก อาจพูดได้ว่ารวมเอาความเป็นไปของโลกทั้งใบไว้ในนั้นด้วย
นันท์นรี อธิบายว่า สิ่งของที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการฯ ไม่เพียงแต่แสดงถึงสินค้าที่มีไอเดียและนวัตกรรมใหม่ๆ เท่านั้น แต่ลึกลงไปมันเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการทางความคิด หรือไอเดียสร้างสรรค์ที่ทำให้โลกเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งการเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ก็แตกย่อยความคิดไปได้อีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องของเสรีภาพ ระบบทุน การผลิต การสร้างสรรค์ การบริโภค สิทธิในการเข้าถึง การไร้พรมแดนของโลก เรื่องskill ใหม่ๆ และ Education ใหม่ๆ เป็นต้น
"มันจะไม่ใช่แค่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของคน แต่มันบอกถึงโลกทั้งใบที่กำลังเป็นไป มันไม่ใช่แค่วิถีชีวิต มันคือสิ่งที่โลกกำลังเกิดขึ้น เช่น เรื่องตลาดใหม่ เรื่องการไร้พรมแดน เรื่องการเข้าถึง เมื่อคุณสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไรขึ้นมาสักอย่าง สิทธิและเสรีภาพ ความเท่าเทียมในการสร้างสรรค์ จากนี้ไปมันจะเป็นอย่างไรบ้าง นั่นคือตัวอย่างที่เลือกมาให้ดู แสดงให้เห็นในภาพใหญ่ภาพรวมทั้งหมดของทั้งโลก"
เธอบอกอีกว่า การเรียนรู้เกี่ยวกับไอเดียสร้างสรรค์นั้น ไม่ได้จำกัดให้คุณเป็นแค่นักออกแบบ ไม่ใช่ว่าเรียนรู้เพื่อเอามาใช้ออกแบบผลงานหรือผลิตชิ้นงานอย่างเดียว แต่องค์ความรู้นี้สามารถเอาไปสร้างสินค้าหรือบริการก็ได้ เอาไปประยุกต์เข้ากับการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้"มันเป็น Base ในการทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ รอบตัว จริงๆ เรื่องความคิดสร้างสรรค์ หรือการเรียนด้านดีไซน์ต่างๆ มันคือการแก้ปัญหา
เพราะฉะนั้นถ้ามองว่าองค์ความรู้นี้มันคืออีกองค์ความรู้หนึ่งที่สามารถช่วยเราแก้ปัญหาบางอย่างได้ คุณสามารถจะนำสิ่งนี้ไปปรับใช้ยังไงก็ได้ แก้ปัญาให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นก็ได้ หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์กับโลกนี้ก็ได้อีกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเอาไปปรับใช้ทำอะไรก็ได้ในหลากหลายมิติ เพราะพลังความคิดสร้างสรรค์มันเปิดกว้างกว่านั้นมาก"
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกนี้ต้องการเทคโนโลยีในการพัฒนาและขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ให้เจริญรุดหน้าไป แต่คงพัฒนาไปได้อย่างไม่เต็มขั้น หากขาดพลังแห่ง 'ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์' ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำมันที่ช่วยหล่อเลี้ยงวิวัฒนาการทางความคิดนั้นให้อยู่รอดและยั่งยืน




