ใจสีเขียว เที่ยวกระบี่ 'วิยะดา ศรีรางกูล'

ทุกวันนี้ใครๆ ก็หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ไม่เพียงแต่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันโดยการลดการใช้พลังงาน ลดขยะ
และหันมาทำกิจกรรมต่างๆ ที่เพิ่มสีเขียวให้โลกใบนี้เท่านั้น แต่ในมิติของการเดินทางท่องเที่ยวและการพักผ่อน ก็ยังพบว่าคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนมากขึ้น โดยการท่องเที่ยวแบบนี้ถือเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งในหลายๆ พื้นที่ก็เริ่มให้บริการการท่องเที่ยวสีเขียวกันแล้ว
หนึ่งในนั้นคือ จังหวัดกระบี่ ที่ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมการท่องเที่ยวสีเขียวอย่างจริงจัง โดยมี วิยะดา ศรีรางกูล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ เป็นแกนหลักสำคัญในการหมุนฟันเฟืองแห่งการท่องเที่ยวอนุรักษ์นี้ให้ไปรอดและยั่งยืน
วิยะดาบอกว่า กระบี่เป็นอีกจังหวัดที่เหมาะมากกับการปั่นจักรยานเที่ยว เพราะมีทัศนียภาพท้องทะเลและภูเขาที่สวยงาม มีธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์
ที่สำคัญเธอย้ำว่า การเที่ยวแบบนี้เป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเห็นความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีส่วนร่วมกับการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีจิตสำนึกสาธารณะต่อชุมชนในพื้นที่นั้นๆ
-ทำไมจึงเกิดไอเดียการท่องเที่ยวสีเขียวโดยใช้จักรยานเป็นพาหนะในการท่องเที่ยวกระบี่
สองข้างทางของเส้นทางท่องเที่ยวในกระบี่จะเห็นว่ามีทัศนียภาพป่าเขาที่งดงาม ที่สำคัญกระบี่เป็นเมืองเล็ก ฉะนั้นแต่ละจุดที่ขี่จักรยานไปเที่ยวมันไม่ไกลกันมาก ระยะทางตั้งแต่ 50-100 กิโลเมตรสำหรับคนขี่จักรยานทั่วไปถือว่าสบายมาก และที่สำคัญเราไม่ได้ขี่อย่างเอาเป็นเอาตาย หรือว่าขี่แบบแข่งขัน แต่เราเน้นให้ขี่ไปแวะเที่ยวไปด้วย พอไปถึงจุดสุดท้าย เราก็ไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น ไปปลูกต้นไม้ คราวล่าสุดที่เราขี่ไปทับแขก เราไปช่วยกันปลูกกล้วยไม้คืนสู่ป่า
ใครมีกล้วยไม้ก็เอาไปกันคนละต้นสองต้น โดยเฉพาะรองเท้านารีเหลืองซึ่งเป็นกล้วยไม้ประจำถิ่นของกระบี่ เราก็เอาไปคืนสู่ป่าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา (ทับแขก-เขาหงอนนาค) หรืออย่างตอนที่เราขี่ไปเกาะจำ (อ.เหนือคลอง จ.กระบี่) เราก็ไปช่วยเรื่องของห้องสมุดโรงเรียน นักปั่นที่มาด้วยกันเขาก็เตรียมสิ่งของมาร่วมบริจาค ใครมีหนังสือก็เอาไปด้วย ไปช่วยกันปรับปรุงห้องสมุด เอาหนังสือไปให้น้อง
ถือว่ากิจกรรมนี้ได้คุณค่าหลายอย่าง หนึ่งคือได้ท่องเที่ยว สองคือได้เพื่อนใหม่ สามคือได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม และสุดท้ายคือได้ออกกำลังกาย เรียกว่าเป็นการเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนจริงๆ เราคิดว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่น่าจะเหมาะกับจังหวัดกระบี่มาก เพราะว่านโยบายของเราคือ เราไม่ต้องการสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกให้เข้ามาสู่ธรรมชาติของเรา ฉะนั้นคนที่มากระบี่ทุกคนจะต้องมาแบบตั้งใจที่จะมาพักผ่อนเท่านั้น ถ้าจะมาเพื่อหวังเที่ยวแบบเอนเตอร์เทนเมนท์หรือมาชอปปิง คือที่นี่ไม่ใช่
กระบี่เหมาะจะมาเพื่อซึมซับกับบรรยากาศสบายๆ ชิลชิล มาเพื่อเติมเต็มความสุขให้กับตัวเอง มากระบี่นอกจากได้เที่ยวแล้ว การทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่นหรือการเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน เหล่านี้ต่างหากคือสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการเที่ยวแค่ผ่านๆ ฉะนั้นเราเชื่อแน่ว่าใครได้มาร่วมกิจกรรมตรงนี้แล้วจะติดใจ
-เริ่มทำกิจกรรมนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำมาบ่อยแค่ไหน
ปีที่ผ่านมาเราจัดงานครั้งใหญ่ๆ ไป 2 ครั้ง แต่ปีนี้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราเห็นว่ามันเป็นไปได้ เราเลยคิดว่าจัดกันทุกเดือนเลยดีกว่า อย่างน้อยก็เป็นการสร้างสมนิสัยการท่องเที่ยวแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมให้กับนักท่องเที่ยวด้วย ก็เลยคิดว่ากิจกรรมนี้น่าจะเป็นไฮไลท์และเหมาะกับสไตล์การท่องเที่ยวของกระบี่มาก
-เรียกว่าเป็นการปั่นจักรยานที่มีเรื่องราวแฝงอยู่ในเส้นทางด้วย?
ใช่ค่ะ ได้เที่ยวด้วย ได้ทำงานด้านอนุรักษ์ด้วย ได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม ได้เรียนรู้ ได้คุยกับชาวบ้าน เราไปกับแบบ Slow Travel ไปแบบช้าๆ แต่เราคิดว่ามันน่าจะยั่งยืน อย่างน้อยที่สุดคือได้ปลูกฝังทั้งผู้ให้ ก็คือตัวเราที่เป็นนักท่องเที่ยวที่ขี่จักรยานไป และก็ผู้รับก็คือชาวบ้าน เขาก็ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเรา ได้เรียนรู้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ว่าเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไร เรียนรู้ซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย
คิดว่าตัวนี้เป็นการท่องเที่ยวที่ดีและเหมาะกับคนไทย เพราะถ้าลองสังเกตดูเวลาเราไปชุมชน ไปหาชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆ เขามีความน่ารักอยู่ในตัว เขามีเรื่องราวดีๆ ของเขาอยู่ อย่างบางเรื่องเราไม่รู้แต่ถ้าเราได้เข้าไปคุยกับเขา เช่น ขนมพื้นบ้านที่ชาวบ้านทำ พอเราได้เข้าไปดู เข้าไปคุย ไปขอลองทำ แบบนี้เราก็จะได้เรียนรู้ และทุกครั้งที่ไปเราก็ค่อยๆ เพิ่มพูนทักษะชีวิตเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละทริปที่เราไป จะมีเรื่องราวดีๆ แบบนี้รอให้เราไปค้นหาเสมอ
-การท่องเที่ยวแบบนี้ มองว่าเป็นเทรนด์ใหม่ได้หรือเปล่า
คิดว่าใช่ค่ะ เพราะไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบผิวเผิน ไม่ใช่แค่ไปถึง ถ่ายรูป แล้วกลับบ้าน แต่ไปเพื่อใช้เวลาในการเรียนรู้พื้นที่ตรงนั้นด้วย ตรงตามคอนเซ็ปท์ของเราคือ เที่ยวแบบเรียนรู้หาประสบการณ์
-แล้วแพลนการปั่นจักรยานท่องเที่ยวของปีนี้ กำหนดไว้ว่ามีกี่เส้นทางคะ
มีทั้งหมด 10 เดือน 10 เส้นทางค่ะ โดยเราเริ่มปั่นเส้นทางแรกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และจะมีไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2557 โดยใน 10 เส้นทางนี้ ได้แก่ 1.เส้นทางบ้านร่าหมาด-ป่าทุ่งทะเล 2.เส้นทางน้ำตกร้อน-สระมรกต-สวนกาแฟคลองท่อม 3. เส้นทางท่าไร่-เกาะจำ 4.เส้นทางบ้านในสระ-ท่าปอมคลองสองน้ำ-ศูนย์พืชสวน 5.เส้นทางทุ่งหยีเพ็ง-เมืองเก่าลันตา-แหลมโตนด 6.เส้นทางหาดนพรัตน์ธารา-อ่าวท่าเลน 7.เส้นทางเมืองกระบี่-เกาะกลาง 8.เส้นทางบ้านถ้ำเสือ-น้ำผุดปรบมือ-อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี 9.เส้นทางทับปริก-บ้านในช่อง และ 10.เส้นทางคลองม่วง-ทับแขก
ซึ่งทั้งหมดนี้จัดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เส้นทางที่ใช้ระยะเวลาเดินทาง 1 วัน มีค่าใช้จ่าย 200 บาท และเส้นทางที่ใช้ระยะเวลาเดินทาง 2 วัน มีค่าใช้จ่าย 400 บาท สามารถสมัครได้ที่ www.facebook.com/wearekrabi และ www.facebook.com/letsgosouththailand หรือโทรศัพท์สอบถามที่เบอร์ 0 7562 2163 สำหรับเดือนนี้จะปั่นในเส้นทางที่ 2 คือ น้ำตกร้อน-สระมรกต-สวนกาแฟคลองท่อม โดยจะจัดขึ้นวันที่ 15 ธันวาคม 2556 นี้ และในเดือนต่อๆ ไป ก็มีวันเวลาระบุไว้ชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดกันได้เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทาง
-คาดหวังกับกิจกรรมครั้งนี้มากน้อยแค่ไหนคะ
คิดว่าจะมีการตอบรับที่ดีมาก อย่างน้อยที่สุดเป็นการปลูกฝังให้คนมาเที่ยวแบบแคร์สิ่งรอบๆ ข้าง รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น เรามีชมรมหนึ่งเป็นชมรมของพยาบาลที่เขาเดินทางไปกับเราทุกครั้ง เพื่อที่จะไปช่วยวัยรุ่นที่มีปัญหา อย่างเช่น มีทริปหนึ่งเราไปค้างคืน เราก็พอมีเวลาจึงเข้าไปขอเวลาจากโรงเรียนในชุมชนเพื่อให้พยาบาลเหล่านี้เข้าไปทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ คือกิจกรรมของเรามันครอบคลุมค่อนข้างหมด เราไม่ได้จะชูแต่เรื่องเที่ยวอย่างเดียว เราเน้นว่าใครมีความเชี่ยวชาญด้านไหน อยากจะไปช่วยคนในพื้นที่อย่างไร ก็สามารถไปกับเราได้ ไม่จำเป็นว่าคุณต้องเป็นคนกระบี่ เพราะที่ผ่านมาก็มีคนจากต่างจังหวัดเยอะแยะเลยที่มาร่วมกับเรา เราก็อาศัยการประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊ค ผ่านสื่อต่างๆ ด้วย พอคนเขารับรู้รับทราบ เขาเห็นเส้นทางของเราว่าเราจะไปไหนบ้างแล้วเขาพอจะเข้ามาช่วยได้ เขาก็มากัน
-มองว่าการท่องเที่ยวกระบี่ตอนนี้เป็นอย่างไร เป็นไปในทิศทางไหน
วันนี้มองว่าการท่องเที่ยวกระบี่เติบโตขึ้นและโตค่อนข้างเร็วมาก แต่ว่าก็ยังพอควบคุมได้ ยังไม่สเปะสะปะ เรายังสามารถควบคุมให้อยู่ในแนวทางที่เราวางนโยบายไว้ได้ เช่น เราคุมไม่ให้มีร่มชายหาด ไม่ให้มีเก้าอี้ผ้าใบ ไม่ให้มีกีฬาจำพวกมอเตอร์สปอร์ตทั้งหลายที่ส่งเสียงดัง เพราะฉะนั้นมันยังอยู่ในเทรนด์ของ Green Tourism คิดว่ามันก็โตไปในทิศทางที่ถูกต้อง แล้วในขณะเดียวกันทางจังหวัดเอง และพวกเราทุกภาคส่วน เราได้ร่วมกันทำปฏิญญาท่องเที่ยวของจังหวัดขึ้นมา เพื่อที่จะกำหนด Positioning ว่าโซนนี้ควรจะเป็นอย่างนี้ หรือโซนนั้นควรจะเป็นอีกอย่าง เพราะฉะนั้นการพัฒนามันจึงต้องสอดคล้องกับสิ่งที่เป็นตัวตนของพื้นที่นั้นๆ แล้วก็จะไม่มีสิ่งภายนอกมารบกวน เราก็.. คือต้องใช้คำว่า 'พยายาม' ทำให้มันเป็นไปในทิศทางที่เราต้องการ เพื่อให้มันโตไปอย่างยั่งยืน
เพราะจากที่เราก็เห็นๆ กันมาว่า มีแหล่งท่องเที่ยวถูกกลืนไปกับสังคมคนเมือง เราก็กลัวตรงนั้น เราจึงต้องหันมาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเรา โดยเฉพาะชุมชน บางครั้งเราลงชุมชนเพื่อไปให้ความรู้กับชุมชนในการจัดการการท่องเที่ยวที่ถูกวิธีโดยเน้นให้ Know-how ว่าเขาควรจะทำอย่างไร และเขาควรจะเป็นตัวตนของเขา เขาไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงไปตามความเจริญที่เข้ามา และไม่ควรปรับตัวไปตามความต้องการของนักท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวเขามีตัวตนของเขาแบบนั้น ต้องบอกว่า 'เราคือเรา เขาถึงมา' เพราะฉะนั้นถามว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร ก็คือใครก็ได้ เขาหรือเธอที่มีใจตรงกับเราเท่านั้น
นอกเหนือจากนั้นถ้าคุณไม่ชอบแบบนี้คุณก็ไม่ต้องเข้ามา แต่ถ้าคุณรับได้ว่ามาเที่ยวที่นี่ไม่มีสถานบันเทิงนะ เราไม่มีเอนเตอร์เทนเมนท์นะ คุณรับได้คุณมา แต่ถ้าคุณรับไม่ได้คุณไปที่อื่น เรายินดี ฉะนั้นคนที่มาควรจะมีใจตรงกับเรา นี่คือสิ่งที่เราพยายามทำมาตลอด







