โลกมืดที่... 'กรีนิช'

โลกมืดที่... 'กรีนิช'

หลังจากเทพเจ้าและเหล่าร้ายแห่งแอสการ์ดออกอาละวาดถล่มอเมริกาไปใน THOR ภาคแรกและใน The Avengers แล้ว

คิดว่าทวยเทพและเหล่าร้ายคงจะเริ่มสงสารพี่กัน (หรืออาจไม่มีอะไรเด่นๆ เหลือให้ถล่มแล้ว) ดังนั้น ใน THOR: The Dark World เลยขอย้ายโลเกชั่นกันไปถล่มฝั่งยุโรปกันบ้าง ซึ่งโชคดี (หรือเปล่า?) ก็ไปตกที่อังกฤษ ซึ่งได้มีโอกาสอวดโฉมของดีประจำเมืองมากหน้าหลายตา

ไม่ว่าจะเป็นกองหินสโตนเฮนจ์ ตึกแตงกวาเกอร์คิน หรือชิงช้าสวรรค์ลอนดอนอาย แต่ที่โดดเด่นเป็นไฮไลต์จนดาร์คเอลฟ์ต้องไปขอไปเปิดประตูสู่โลกมืด ก็คือที่ เมืองกรีนิช เมืองที่เราคงจะคุ้นเคยกันดี ในฐานะสถานที่เริ่มต้นเวลาของโลกและเป็นต้นกำเนิดของมาตรฐานเวลากรีนิช (Greenwich Mean Time) และเส้นเมริเดียนหลักสากล (Prime Meridian)

กรีนิช เป็นเมืองที่ พระเจ้าชาร์ลที่ 2 แห่งอังกฤษ เลือกเป็นสถานที่สร้างหอดูดาวหลวง (Royal Observatory) ขึ้นปี 1675 โดยพระองค์ยังได้ทรงสถาปนาตำแหน่งนักดาราศาสตร์หลวงขึ้น เพื่อเป็นผู้อำนวยการหอดูดาวดังกล่าว มีหน้าที่คํานวณการโคจรของดวงดาวและคํานวณลองจิจูดเพื่อใช้ในการเดินทาง (โดยเฉพาะทางทะเล) ซึ่งจัดได้ว่าเป็นศูนย์ศึกษาและค้นคว้าเรื่องการดูดาวที่ก้าวหน้าและทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น จนในปี 1884 ก็ได้มีการลงมติจากนานาชาติและกําหนดให้เมืองกรีนิชเป็นตําแหน่งที่ตั้งเส้นเมริเดียนหลักสากล (0 องศา) ซึ่งทำให้ทุกประเทศมีเวลามาตรฐานเป็นหลักและแม้แต่เรือที่อยู่กลางมหาสมุทรหรือเครื่องบินที่อยู่บนฟ้า ก็สามารถกำหนดเวลาและตำแหน่งที่อยู่ได้ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม การดําเนินงานของหอดูดาวแห่งนี้ ค่อยๆ ถูกลดความสำคัญลง และย้ายออกจากกรีนิช นับตั้งแต่ปี 1924 เนื่องจากพื้นที่นี้เริ่มไม่เหมาะแก่การสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ รวมทั้ง ผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวิจัยและอุปกรณ์ด้านดาราศาสตร์ต่างๆ ได้ถูกกระจายไปตามที่ต่างๆ และหน่วยงานอื่น เช่น ปราสาทเฮิร์สต์มอนโซ (Herstmonceux Castle) ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรีนิช และกล้องโทรทรรศน์ทั้งหมดได้ย้ายไว้ที่หมู่เกาะคะเนรี เป็นต้น ปัจจุบันหอดูดาวแห่งนี้จึงไม่ได้เป็นสถาบันที่ดําเนินงานวิจัยด้านดาราศาสตร์อีกต่อไป แต่เส้นเมริเดียนหลักของโลกยังคงอยู่ที่นี่ โดยได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และนักท่องเที่ยวก็ยังให้ความสนใจมาเยี่ยมเยือนกันมากมายทุกปี

ไม่เพียงเท่านั้น เมืองกรีนิชยังเป็นมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อังกฤษไม่น้อย เพราะเคยเป็นที่ตั้งของ พระราชวังพลาเซ็นเทีย (Palace of Placentia) อันเป็นที่ประสูติขอกษัตริย์และราชินีหลายพระองค์ของราชวงศ์ทิวดอร์ ซึ่งรวมถึง สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 (ค.ศ. 1491) และพระราชธิดาอีก 2 พระองค์ของพระองค์ คือ แมรี ทิวดอร์ (ค.ศ. 1516) ผู้ต่อมาครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 และเอลิซาเบธ ทิวดอร์ (ค.ศ. 1533) ผู้ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1

พระราชวังแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี 1447 โดย ฮัมฟรีย์ ดยุคแห่งกลอสเตอร์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 6 โดยแรกเริ่มใช้ชื่อว่า "เบลลาคอร์ต" (Bella Court) แต่ต่อมาภายหลังฮัมฟรีย์ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดิน เขาถูกจับและเสียชีวิตในคุก เบลลาคอร์ตถูกยึดไปเป็นของพระราชินีมาร์กาเร็ต ที่ทรงเรียกชื่อใหม่ว่า "พระราชวังพลาเซ็นเทีย" ซึ่งกลายมาเป็นพระราชฐานที่นิยมของราชวงศ์อังกฤษต่อมาอีกถึงสองศตวรรษ ก่อนจะเสื่อมโทรมลงในช่วงสงครามกลางเมืองของอังกฤษ ในช่วงศตวรรษที่ 17

จนกระทั่ง ปี 1660 สมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ทรงตัดสินพระทัยสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นแทนที่ โดยทรงจ้างจอห์น เวบบ์ให้เป็นสถาปนิกในการสร้างพระราชฐานขึ้นใหม่ แต่ส่วนเดียวที่สร้างเสร็จคือทางปีกตะวันออกของในที่ที่ปัจจุบันคือลานพระเจ้าชาร์ลส์ แต่ก็มิได้เคยทรงใช้เป็นที่ประทับ ตัวอาคารที่เหลือส่วนใหญ่ถูกรื้อถอน และทิ้งร้างมาจนกระทั่งในปี 1694 ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นโรงพยาบาลกรีนิช จนมาถึงศตวรรษที่ 19 กลุ่มสิ่งก่อสร้างของโรงพยาบาลฯ ก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นราชวิทยาลัยราชนาวีกรีนิช (Greenwich Royal Naval College) และในปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยกรีนิช และ วิทยาลัยดนตรีทรินิตี ที่ยังคงเปิดบางส่วนเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม

ในปี 1997 ยูเนสโกก็ได้ยกย่องให้พื้นที่ด้านประวัติศาสตร์ในแถบนี้ของกรีนิชเป็นมรกดโลกอีกด้วย

Place: Greenwich, London
Country: United Kingdom
Movie: THOR: The Dark World (2013)
Director: Alan Taylor
Casts: Chris Hemsworth, Natalie Portman, Tom Hiddleston, Anthony Hopkins