'ศิรวี วาเล๊าะ' บุหงาแห่งปัตตานี

ถ้อยวาจาที่ไพเราะกับท่าทีอันอ่อนหวาน อ่อนโยน ทำให้ทุกคนมักจะนึกถึงภาพ "หญิงงาม" ทุกครั้ง
เมื่อกล่าวถึง ศิรวี วาเล๊าะ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวและกีฬา ปัตตานี
อดีตพยาบาลสาวแห่งเมืองพัทลุงคนนี้ผันตัวเองมาทำงานด้านการท่องเที่ยวและกีฬานับตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบที่มัสยิดกรือเซะ ปี 2547 แน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ผู้หญิงอย่างศิรวีก็ยังยืนหยัด และสามารถทำให้ภาพของ "ปัตตานี" กลับมาสดใสอีกครั้งได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ศิรวีพยายามรวบรวมสรรพกำลังจากชาวบ้านเพื่อช่วยกันประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น และหา "จุดเด่น" หรือ "เอกลักษณ์" ของปัตตานีให้พบเพื่อใช้เป็นจุดขาย ล่าสุดเธอลบภาพร้ายๆ ที่เกิดขึ้น ณ โบราณสถานมัสยิดกรือเซะ แล้วทำการเปิด "ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวอารยธรรมปัตตานี" (Pattani Civilization Tourism Learning Center) ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจความเป็น "ปัตตานี" มากขึ้น
-ตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในปัตตานีเป็นอย่างไรบ้างคะ
หลายๆ ท่านอาจจะมองว่า เอ..จะทำยังไงกันในเมื่อเรามีเรื่องของความมั่นคงอยู่ ก็ต้องบอกว่าเราต้องทำตัวให้เป็นปลา เมื่อน้ำมาลักษณะนี้ เราก็ต้องว่ายทวนไป เมื่อเราทวนน้ำเราจะเห็นความสวยงามอีกมากมายในพื้นน้ำ เพราะฉะนั้นการท่องเที่ยวปัตตานีก็เหมือนกัน คือเมื่อเกิดเหตุการณ์ปี 2547 เราก็มาคิดกันว่าจะทำอย่างไรดีให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนที่รถบัสเข้ามาเป็นร้อยๆ คัน มัสยิดกรือเซะ มัสยิดกลาง ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไม่มีที่จอด ทะเลาะกันเรื่องจอดรถ ผู้คนชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน หรือชาวไทยจีนมากันทุกวี่ทุกวัน มาใช้จ่าย มาซื้อสินค้า เรามีความหวังว่า สักวันจะต้องกลับมาเป็นแบบเดิม
หลังจากปี 2547 ก็มีการทำนโยบายพิเศษ เราเชิญชุมชนทั่วๆ ไปมาทำประชาพิจารณ์ เริ่มจากชุมชนมัสยิดกรือเซะ ทำประชาพิจารณ์แล้วเขาก็เริ่มเข้ามา เราก็ได้พลังประชาชน เรียกว่าเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนมาสู่เรื่องท่องเที่ยว เราพาเขาไปดูงานที่ต่างๆ จนตอนนี้เรามาวิเคราะห์เรื่องการท่องเที่ยวร่วมกัน สรุปออกมาคือปัตตานีเป็นเมืองที่มี 3 ศรัทธาอย่างชัดเจน นั่นคือ หนึ่ง พี่น้องชาวไทยมุสลิม ศรัทธาในพระเจ้า คือ องค์อัลเลาะห์ แล้วก็สอง พี่น้องชาวไทยพุทธ ศรัทธาในหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สุดท้ายพี่น้องชาวไทยจีน ศรัทธาในองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
พี่น้องชาวไทยมุสลิมมีมัสยิดกรือเซะ มัสยิดกลางเป็นสัญลักษณ์ พี่น้องชาวไทยพุทธก็มีวัดช้างให้เป็นสัญลักษณ์ ส่วนพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนมีศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นสัญลักษณ์ เพราะฉะนั้นเราก็จะมีการจัดเส้นทางท่องเที่ยวตามนโยบายการท่องเที่ยว โดยจะมีเส้นทางท่องเที่ยวตามรอย 3 ศรัทธา คือ พี่น้องชาวไทยมุสลิมเราก็จะมีเส้นทางอุลามะฮ์ หรือเส้นทางสายนักปราชญ์ อุลามะฮ์แปลว่านักปราชญ์ เพราะปัตตานีเป็นเมืองแห่งนักปราชญ์อิสลาม ส่วนพี่น้องชาวไทยพุทธก็จะมีเส้นทางตามรอยหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พี่น้องชาวไทยจีนก็จะมีเส้นทางตามรอยองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งท่านมาจากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน แล้วก็มีพี่ชายท่านลิ้มก๊กเคี่ยมอยู่ที่นี่ ที่มานับถือศาสนาอิสลาม เพราะฉะนั้นการที่เราใช้เรื่องของเส้นทางที่ยึดโยงแล้วเป็นความศรัทธาก็จะรู้สึกดีขึ้นกว่าปกติ
-ในส่วนของมัสยิดกรือเซะ ตอนนี้มีการเปิดศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวอารยธรรมปัตตานีแล้ว?
ใช่ค่ะ คือหลังจากที่เราได้ประมวลความเป็นปัตตานีแล้ว เรามีเรื่องราวดีๆ มีประวัติศาสตร์ที่สำคัญ โดยไม่ไปตอกย้ำเรื่องราวลึกๆ เพราะฉะนั้นเราก็อยากเล่าเรื่องปัตตานีให้เหมือนการ์ตูน หมายถึงว่า ให้มันรู้สึกง่าย อย่างห้องที่ 1 เป็นห้องในหลวงเสด็จปัตตานี ห้องที่ 2 เป็นห้อง 10 ชุมชนท่องเที่ยวปัตตานี ห้องที่ 3 ห้องพหุวัฒนธรรม แต่เราทำไว้ 3 วัฒนธรรม คือมีศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มีวัดช้างให้ มีมัสยิด แล้วมีโต๊ะน้ำชาตรงกลางที่มีอาหารเช้าของคนทั้ง 3 เชื้อสาย ทำเป็นหุ่นให้คนจับต้องได้ ถัดไปห้องที่ 4 เป็นห้องอารยธรรม จัดแสดงประวัติศาสตร์ปัตตานีตั้งแต่ชาติพันธุ์ แต่เป็นการเล่าเรื่องผ่านภาพบนผืนผ้าใบ ตั้งแต่ยุคลังกาสุกะ ปัตตานี ดารุสสลาม รวมถึงยุคกษัตริยา 4 องค์ หรือยุค 4 รายา ซึ่งถือเป็นยุคที่ปัตตานีรุ่งเรืองที่สุด
เพราะฉะนั้นโลโก้ของศูนย์เรียนรู้ฯ ของเราจึงเป็นรูปดอกบุหงารายา หรือดอกชบา ดอกชบาจริงๆ คือสีแดง แต่เราใช้สีอื่นๆ เป็นสัญลักษณ์แทนองค์รายาทั้ง 4 องค์ สีเขียวแทนองค์รายาองค์แรก คือรายาฮิเยา สีฟ้าคือองค์รายาบีรู องค์สุดท้องสีม่วงคือองค์รายาอูงู ซึ่งองค์รายาอูงูมีพระธิดา คือ รายากูนิง เราก็แทนองค์รายากูนิงด้วยสีเหลือง
-ทราบมาว่า ปัตตานีมีเกาะหิ่งห้อยด้วยเหรอคะ
มีค่ะ อยู่ที่ชุมชนบางปู ห่างจากกรือเซะไปประมาณ 5-10 นาที จริงๆ ต้องให้เครดิตกับรายการที่นี่ประเทศไทยของช่อง 5 เมื่อก่อนโน้น สมัยนั้นพี่ยังเป็นพยาบาล ทำหน้าที่เป็นเลขาสมาคมท่องเที่ยว แล้วก็พาน้องเขาไปกลางคืน เขาตะลึงมากๆ เพราะมันเป็นเกาะ แล้วก็กระพริบแสงเหมือนต้นคริสมาสต์เลย แล้วมันเล่นเวฟกันประมาณ 2-3 กิโลเมตร สวยงามมาก หลังจากนั้นก็เกิดเกาะหิ่งห้อยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวขึ้น
-เป็นผู้บริหารหญิงที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ กลัวบ้างมั้ย
เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เราอยู่ที่ไหน ไม่เฉพาะใน 3 จังหวัด เราอยู่ที่ไหนเราก็ต้องระมัดระวังโดยสัญชาตญาณของความเป็นคน เพียงแต่ว่า เราอยู่ที่นี่ที่สำคัญที่สุดเราต้องเข้าใจ ต้องแยกให้ออกระหว่างสถานการณ์กับประชาชน จริงๆ แล้วประชาชนที่นี่เขามีความน่ารัก สดใส จริงๆ เขาเป็นแบบนี้เลย แต่สถานการณ์ที่เข้ามาทำให้เขาเครียด อยู่ที่นี่เราต้องรู้ว่านี่คือคนที่เห็นต่างจากภาครัฐ บางคนก็ไม่ใช่แนวร่วม เราต้องเข้าใจเขา และในความเป็นผู้หญิงเราก็จะขอความช่วยเหลือเขาได้ง่ายๆ การเป็นผู้หญิงมันจะมีความนุ่มนวลกว่า เพราะฉะนั้นจะได้รับความช่วยเหลือที่ดี บางทีเราต้องทำตัวเองให้เป็นคนอ่อนแอ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้อ่อนแอ
-สุดท้ายแล้วนักท่องเที่ยวเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยแค่ไหน
เอาง่ายๆ เหมือนกับเราจะไปประเทศอะไรสักอย่างที่เรารู้สึกว่า เราไม่กล้าไป แต่ถ้าเราไปแล้วมีการต้อนรับโดยคนท้องถิ่น เราจะรู้สึกดี ที่ผ่านมาเราก็พยายามเร่งสร้างความรู้สึกของคนปัตตานี ให้จิตใจของคนปัตตานีดีขึ้น อย่างกิจกรรมชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม ชาวไทยจีน ก็เป็นวิถีชีวิตเดิมของเขา เพราะฉะนั้นเราเพียงแต่มาส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเข้ามา คนปัตตานีก็ได้รับประโยชน์จากการต้อนรับนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวก็รู้สึกดีที่มีคนต้อนรับ อย่างนักท่องเที่ยวชาวมาเลย์เขาก็ยังชอปปิงปกติ หรือพี่เคยเจอน้องนักท่องเที่ยวมาจากลำปาง เขามาเองเลย มากรือเซะ เราก็ถามเขาว่า ไม่รู้สึกกลัวเหรอ คือคนไทยจะได้เปรียบอยู่อย่างหนึ่งเนาะ ใครมาก็ต้อนรับ จะต้อนรับโดยอัตโนมัติ
เขาบอกว่า เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีโดยที่ไม่รู้จักใครเลย เขาก็มั่นใจ เขามาเพราะเขาเห็นสื่อในทีวี สื่อต่างๆ ช่วยกันเยอะมากเรื่องท่องเที่ยวปัตตานี ความรู้สึกเขาก็เลยดีขึ้น ก็ช่วยลบภาพร้ายๆ ไปบ้าง







