'ข้าวพัน' ของดีที่ลับแล

มาเยือนเมืองเร้นลับอย่าง 'ลับแล' ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ทั้งที นอกจากจะปั่นจักรยานเที่ยวชมวิถีความเรียบง่ายของผู้คนแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงคือการตระเวนกินอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและมีหน้าตาที่แปลกไปจากอาหารจานเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย
แต่ก่อนอื่นแนะนำว่าสิ่งแรกที่ควรไปเยี่ยมชมคือสวนผลไม้ของคนลับแล เพราะที่นี่เขาได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่ง 'ภูเขากินได้' ไม่ว่าจะฤดูกาลใดๆ ก็จะมีผักผลไม้ทยอยออกผลผลิตมาให้ได้กินกันทั้งปี โดยเฉพาะผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัด อย่างทุเรียนพันธุ์หลงและหลินลับแล ที่ว่ากันว่าอร่อยกว่าทุเรียนพันธุ์อื่นๆ
แม้ว่าทุเรียนทั้งสองพันธุ์นี้จะเป็นทุเรียนลูกเล็กๆ แต่ราคานั้นไม่แปรผันตามขนาดลูก ยิ่งเดี๋ยวนี้คนนิยมหาซื้อมารับประทานกันมาก ทุเรียนก็ยิ่งขนาดตลาด ทำให้ราคาทุเรียนหลงและหลินลับแลยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีกเท่าตัว หากอยากลิ้มลองคงต้องตั้งหน้าตั้งตาคอยกันเป็นปี เพราะจะออกแค่ปีละครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคมเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีลางสาดและลางกอง ที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กันอีกด้วย
มาว่ากันต่อที่อาหารพื้นถิ่นของลับแล ที่นี่ถือเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีชื่อในเรื่องอาหารการกินที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นอยู่หลายต่อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ข้าวแคบ ข้าวพัน กระบองทอด ลอดช่องเค็ม ยำกล้วยป่า ทุเรียนเชื่อม ฯลฯ ซึ่งทุกเมนูล้วนแปลก แตกต่าง และมีรสชาติอร่อย จนหลายคนติดอกติดใจไปตามๆ กัน แต่ถ้าจะให้คะแนนความเป็นที่สุดของอาหารพื้นถิ่นลับแล คงหนีไม่พ้น "ข้าวพัน หรือ ข้าวพันผัก"
ข้าวพันผัก เป็นอาหารง่ายๆ ที่หาทานได้ทั่วไปในเมืองลับแลแห่งนี้ เพราะเป็นอาหารที่มีการทำกันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่โบราณ โดยจะนำแป้งที่หมักแล้วมาทำเป็นแผ่นๆ คล้ายกับข้าวเกรียบปากหม้อ แต่เนื้อแป้งนั้นจะเหนียวนุ่มคล้ายขนมจีนแต่ให้ความรู้สึกหนุบหนับนุ่มลิ้นมากกว่า ส่วนไส้ด้านในก็จะเป็นผักนานาชนิด เป็นที่ถูกอกถูกใจคนชอบทานผักและรักสุขภาพกันถ้วนหน้า
วิธีการทำข้าวพันผัก เริ่มจากใช้หม้อต้มน้ำเดือดๆ ขึงผ้าขาวบางไว้เหมือนทำข้าวเกรียบปากหม้อ จากนั้นตักน้ำแป้ง(ซึ่งหมักไว้แล้ว)ละเลงลงบนผ้าขาวบาง ปิดฝาหม้อรอให้แป้งสุก พอแป้งสุกใส่ผักนานาชนิดลงไป หรือบางสูตรก็จะใส่หมูสับรวนสุกลงไปด้วย ปิดฝาอบต่ออีกสักพัก จากนั้นจึงตลบแผ่นแป้งขึ้นมาพับเป็นสี่เหลี่ยม เสริฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีอิ้วปรุงรสเค็มหวานเปรี้ยว
ข้าวพันผักมีอยู่หลายสูตรด้วยกัน แต่ถ้าแบบดั้งเดิมจะนำข้าวพันผักที่สุกแล้วมาราดด้วยน้ำซอสสูตรพิเศษ ซึ่งมีรสชาติหวานมันเค็ม เมื่อตักเข้าปากไปรสชาติของน้ำซอสและเนื้อแป้งที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์นั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดี ส่วนสูตรประยุกต์ก็จะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งข้าวพันผักไข่ดาว ข้าวพันผักใส่ไข่(ตีผสมลงในแป้ง) หรือ ข้าวพันสุกี้ ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
มาลับแลทั้งที หากไม่ได้มาชิมเมนูนี้ ถือว่ามาไม่ถึง







