Terada Mokei โลกซึ่งถูกลดทอนสัดส่วน

จากโมเดลกระดาษพับขนาดจิ๋วที่ใช้ประโยชน์ในงานสร้างแบบสถาปัตย์สู่ 'งานศิลปะ' ที่ใช้ 'จินตนาการ' ในการมอง
ครั้งแรกที่มองดูงานนี้ คุณคิดว่าสิ่งนี้คืออะไร
ปัจจุบัน...สิ่งนี้คือ ‘งานศิลปะ’ มร.นาโอกิ เทราดะ (Naoki Terada) บอกกับ กรุงเทพวันอาทิตย์ ผ่านล่ามแปลภาษาญี่ปุ่น
แล้วในอดีต งานสิ่งนี้คืออะไรกันแน่
มร.นาโอกิ เกิดเมื่อปีพ.ศ.2510 ที่ประเทศญี่ปุ่น สำเร็จการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมจิ (Meiji University) และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงจาก Architectural Association School of Architecture ประเทศอังกฤษ เขามีอาชีพเป็นสถาปนิก
ด้วยความมีอาชีพเป็นสถาปนิก เขาต้องประดิษฐ์ แบบจำลอง เพื่อใช้เกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตย์เป็นจำนวนมาก เช่น การทำแบบจำลองรูปคน สิ่งของต่างๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกถึงขนาดโครงสร้างและวิธีการใช้อาคาร
บางครั้งเขาต้องอดหลับอดนอนตัดกระดาษข้ามคืนจนเช้าเพื่อการประดิษฐ์แบบจำลองหรือโมเดลเหล่านั้น
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจตัดโมเดลจำนวนมากเก็บไว้ล่วงหน้าเพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เมื่อเพื่อนสถาปนิกด้วยกันมาเห็นก็ขอซื้อต่อเพื่อนำไปใช้งานบ้าง
ภายหลังเมื่อโมเดลเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้น แม้แต่บุคคลทั่วไปก็พากันซื้อเก็บสะสม ทั้งแกะออกมาพับเป็นโมเดลแล้วจัดวางตามความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง บ้างก็ซื้อทำเป็นโปสการ์ดส่งให้เพื่อน มร.นาโอกิจึงผลิตโมเดลจิ๋วเหล่านี้ออกวางจำหน่ายทั่วญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ชื่อ เทราดะ โมเคอิ (Terada Mokei) งานโมเดลจิ๋วที่ทำจากกระดาษปอนด์ 80 กรัม ตัดด้วยเครื่องตัดกระดาษเลเซอร์เพื่อใช้ในงานสถาปัตย์ก็กลายเป็น ‘งานศิลปะ’ นับแต่ปีพ.ศ.2551 เป็นต้นมา
ในระยะแรก มร.นาโอกิสร้างผลงานโมเดลจิ๋วเกี่ยวกับงานสถาปนิก เช่น ชุด Housing และ Office โดยใช้ อัตราส่วน 1/100 เป็นสัดส่วนที่เขาบอกว่า “เป็นความเล็กที่กำลังพอดี”
“ขนาด 1/100 เป็นขนาดโมเดลที่ใช้กันโดยทั่วไปในญี่ปุ่น เป็นความเล็กที่กำลังพอดี ไม่เล็กเกินไปเช่นโมเดลขนาด 1/200 ที่จะทำให้สื่อสารกับผู้ชมยากเกินไป และไม่ใหญ่เกินไปเช่นโมเดลขนาด 1/50 ที่จะทำให้ผู้ประกอบหรือผู้ชมสนใจกับรายละเอียดมากเกินไป...
โมเดลรูปคนในขนาด 1/100 ต่างจากคนจริงตรงที่ไม่อาจมองเห็นรูปร่างลักษณะหรือท่าทางต่างๆ ได้ละเอียด จึงสามารถสื่อความคิดได้ต่างๆ นานา เป็นความตั้งใจที่จะให้ผู้ประกอบโมเดลหรือผู้ชม มีโอกาสใช้จินตนาการของตนเอง”
โมเดล เทราดะ โมเคอิ 1/100 ได้รับการตอบรับที่ดีจากเพื่อนสถาปนิกและบุคคลทั่วไป มร.นาโอกิจึงเริ่มสร้างผลงานอื่นๆ ที่แสดงถึงมุมมองต่อโลกในหลายแง่มุมโดยไม่จำกัดพรมแดน เช่น Zoo(สวนสัตว์), Street Tree(ต้นไม้ริมทาง), The Seven Gods of Good Fortune(เทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งเจ็ด), Mesozoic : Cretaceous Dinosaurs from prosperity to demise(ยุคหิน : จากยุคเฟื่องฟูถึงยุคอวสานของไดโนเสาร์) ฯลฯ
มร.นาโอกิบอกว่าโมเดลชุดสวนสัตว์ได้รับการตอบรับที่ดีไม่เฉพาะสถาปนิก แต่คนทั่วไปก็ชอบรูปทรงอันเรียบง่ายของสัตว์ชนิดต่างๆ ในโมเดลชุดนี้ซึ่งมีทั้งช้างฮานาโกะ กวางยะคุ ลิงวอก แรคคูน กระรอก นกกระเรียนมงกุฎแดง ฯลฯ
ผลงานเด่นอีกกลุ่มคือ โมเดลชุดเมืองสำคัญของโลก มร.นาโอกิจับบุคลิกของ โตเกียว นิวยอร์ก อัมสเตอร์ดัม มาใส่ไว้ในโมเดลขนาดจิ๋ว
เวลาผู้คนมาเที่ยวโตเกียว พวกเขามักแปลกใจกับเครื่องขายสินค้าหยอดเหรียญที่วางอยู่ตามริมถนนทั่วทั้งเมือง มร.นาโอกิกล่าวและว่า ด้วยเหตุนี้โมเดลชุดโตเกียวจึงมีโมเดลชิ้นเด่นคือกระดาษรูปทรงเครื่องขายสินค้าหยอดเหรียญ
ขณะที่ท้องถนนใน นิวยอร์ก เขาสัมผัสได้ถึงความเด่นของทางลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน คนเล่นสเก็ตบอร์ด ฮอตด็อก เพรทเซล ฯลฯ และที่ อัมสเตอร์ดัม ก็เต็มไปด้วยคนขี่จักรยาน
กรุงเทพฯ เป็นผลงานเมืองลำดับล่าสุดเป็นลำดับที่สี่ในโมเดลชุดเมืองสำคัญของโลก มร.นาโอกิบอกว่าเขาสร้างสรรค์โมเดลกรุงเทพฯ จากสายตาของนักท่องเที่ยว เหมือนคนแปลกถิ่นคนหนึ่งที่เดินสำรวจกรุงเทพฯ โดยใช้เวลา 4 วัน
“วันแรกผมเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีกล้องถ่ายรูป ผมต้องการเห็นเมืองด้วยตาของผมเอง ไม่ใช่เห็นผ่านช่องมองภาพของกล้องถ่ายรูป”
“วันที่สอง ผมจึงเริ่มต้นถ่ายรูป ถ่ายรูปทุกสิ่งที่ดึงดูดสายตาผม และยืนมองอยู่ในระยะห่างๆ เพื่อให้เห็นสัดส่วนที่ถูกต้อง และต้องถ่ายภาพให้ได้แนวระนาบเพื่อไม่ให้ภาพผิดสัดส่วน”
“วันที่สาม ผมลงมือวัดขนาดจริงของวัตถุที่ผมเลือก สังเกตประโยชน์ใช้สอยของมัน จะลดสัดส่วนให้ถูกต้องไม่ได้เลยถ้าไม่ทราบขนาดที่แท้จริง”
มร.นาโอกิพบว่า รถตุ๊กตุ๊ก หนึ่งในสิ่งที่เขาเลือกเป็นตัวแทนกรุงเทพฯ เป็นสิ่งที่วัดขนาดยากที่สุด โครงสร้างและรูปทรงค่อนข้างซับซ้อน เขารู้สึกกดดันไม่น้อยเพราะเขาเลือกสิ่งนี้และรถตุ๊กตุ๊กก็เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพฯ เขาใช้เวลาสี่วันในการลดทอนสัดส่วนรถตุ๊กตุ๊กให้ถูกสัดส่วน
“วันที่สี่ ผมวาดภาพวัตถุทั้งหมดด้วยมือ โดยใส่รายละเอียดที่ต้องการสำหรับการลดทอนสัดส่วน 1/100 ซึ่งไม่ใช่ครั้งเดียวเสร็จ ก่อนส่งแบบให้โรงงานตัดกระดาษออกมาเป็นชุดโมเดลจิ๋ว ใช้เวลารวมประมาณสามเดือน”
มร.นาโอกิ ให้คำบรรยายโมเดลชุด เทราดะ โมเคอิ 1/100 กรุงเทพฯ กำกับไว้เป็นเอกสารประกอบโมเดลชุดนี้ความว่า
“กรุงเทพฯ
สวัสดีครับ
กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยที่เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคัก ถูกย่อสวนเป็นโมเดลขนาด 1/100 แน่นขนัดไปด้วยร้านแผงลอยและรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งอยู่กลางถนนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผลงานนี้เป็นผลงานชิ้นที่สี่ในชุด cities of the world ต่อจากผลงานชื่อ Tokyo New York และ Amsterdam
ส่วนประกอบ : รถตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ศาลพระภูมิ ร้านแผงลอยข้างทาง สุนัข เป็นต้น”
มร.นาโอกิ เทราดะ ได้รับเชิญให้เดินทางมาเปิดตัว เทราดะ โมเคอิ 1/100 กรุงเทพฯ พร้อมแสดงผลงานชุดอื่นๆ รวม 18 ชุด ภายใต้ชื่อนิทรรศการ Life of Terada Mokei สามารถเข้าชมได้ที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ระหว่างวันที่ 2 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2556 เวลา 10.30 - 21.00 น. (หยุดวันจันทร์) คลิก www.TCDC.or.th แผ่นโมเดลทั้ง 18 ชุดมีวางจำหน่ายราคาชุดละ 700 บาท
มร.นาโอกิ กล่าวว่า งานศิลปะที่เขากำลังทำอยู่นี้ เหมือนการลดทอนสัดส่วนของโลก ลดรายละเอียดลง เมื่อขาดรายละเอียดทุกคนต้องใช้ จินตนาการ ของตนเองในการมองสิ่งขนาดจิ๋วเหล่านี้ แต่ละคนก็มีจินตนาการไม่เหมือนกัน โมเดลรูปคนใต้ต้นไม้ คนหนึ่งอาจมองเห็นว่าคนคนนี้กำลังมีความสุข แต่อีกคนหนึ่งอาจมองว่าคนนี้กำลังเศร้า ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคน
เสน่ห์ของการพับโมเดลกระดาษจิ๋วอยู่ที่ความรู้สึกท้าทาย การใช้มือและสมาธิเข้าไปทำงานร่วมกับชิ้นงาน นี่คือคนกลุ่มแรกที่มร.นาโอกิบอกว่าคือลูกค้าซึ่งซื้องานศิลปะของเขานอกเหนือจากสถาปนิกซึ่งซื้องานของเขาไปใช้งาน ในขณะที่ลูกค้าอีกกลุ่มคือคนซึ่งมีความสุขกับการซื้องานของเขาไปนั่งมองเฉยๆ โดยไม่แกะออกมาพับ
"เขาจะนั่งมองเฉยๆ ไม่แกะออกมาพับ เขาบอกว่ามีความสุขกับการที่ได้ใช้จินตนาการมอง"
หมายเหตุ : ชมภาพมากกว่านี้ได้ที่ fan page เซ็คชั่น 'กรุงเทพวันอาทิตย์ กรุงเทพธุรกิจ' คลิก http://www.facebook.com/sundaybkk
ภาพ : เอกรัตน์ ศักดิ์เพชร







