ลัดฟ้าสู่ "ลำปาง" สักการะพระธาตุปีฉลู

เมื่อมีโอกาสที่จะได้หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ออกไปท่องเที่ยวเติมพลังให้กับชีวิตทั้งที จึงไม่รอช้าที่จะบินลัดฟ้าสู่ เมืองลำปาง
นำมาซึ่งเรื่องราวร้อยแปดพันเก้าที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง..
การเดินทางมา 'ลำปาง' ในครั้งนี้บอกไม่ได้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ที่ตั้งใจไว้คือมาเพื่อไหว้พระธาตุประจำปีเกิด และที่ วัดพระธาตุลำปางหลวง ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง แห่งนี้เองที่มีพระธาตุประจำปีฉลูประดิษฐานอยู่
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์อ้างอิงว่า 'วัดพระธาตุลำปางหลวง' เป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ และยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เริ่มสร้างในปีฉลูและสร้างเสร็จในปีฉลูเช่นกัน ซึ่งภายในวัดประกอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้างและสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามมากมาย
เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณวัด นักท่องเที่ยวจะเข้าสู่ภายในตัววัดผ่านทางบันไดนาคและซุ้มประตูโขง ถัดซุ้มประตูโขงขึ้นไปเป็นวิหารหลวง บริเวณทิศเหนือขององค์พระธาตุมีวิหารบริวารตั้งอยู่คือ วิหารน้ำแต้ม และ วิหารต้นแก้ว ด้านตะวันตกขององค์พระธาตุประกอบด้วย วิหารละโว้ และ หอพระพุทธบาท ด้านใต้มี วิหารพระพุทธ และ อุโบสถ ทั้งหมดนี้จะแวดล้อมด้วยแนวกำแพงแก้วทั้งสี่
ส่วนองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงล้านนา ก่ออิฐถือปูน ประกอบด้วยฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมด้วยบัวมาลัยสามชั้น เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่หุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองฉลุลาย หรือที่เรียกว่าทองจังโก ครั้นแสงแดดไปกระทบกับแผ่นทองจะเกิดแสงสีทองนวลๆ ทำให้องค์พระธาตุดูสวยงามยิ่งนัก ตามตำนานเล่าว่าภายในองค์พระธาตุนั้นบรรจุพระเกศา พระอัฐิธาตุจากพระนลาฏข้างขวา และพระศอด้านหน้าและด้านหลังขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตามประเพณีที่สืบต่อกันมาบอกว่าการสักการะองค์พระธาตุลำปางหลวงนั้น ควรกระทำด้วยจิตอันสงบ โดยเริ่มจากการจุดเทียน 2 เล่ม ธูป 3 ดอก กล่าวนะโม 3 จบ แล้วกล่าวคำบูชาองค์พระธาตุ จากนั้นปักเทียน ธูป วางดอกไม้หน้าองค์พระธาตุ แล้วเดินรอบองค์พระธาตุเวียนไปทางขวาตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ พร้อมตั้งจิตอธิษฐานไปด้วย แม้จะมีแสงแดดที่สาดมาพร้อมกับความร้อนก็ต้องอดทน
แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของนักท่องเที่ยวหลายคนที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง ก็ลืมนึกไปว่าการสักการะพระธาตุหลวงลำปางในช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นตรงหัว (เวลาประมาณ 12.00 น.) เวลาเดินจะร้อนเป็นพิเศษ เนื่องจากความร้อนจากแสงอาทิตย์ส่องกระทบกับพื้นกระเบื้องที่ปูอยู่รอบๆ องค์พระธาตุโดยตรงในแนวตั้งฉาก ทำให้พื้นกระเบื้องในช่วงเวลานี้ยิ่งทวีความร้อนอีกหลายเท่า ลองนึกภาพดูว่าเมื่อเท้าของเราโดนความร้อนมากๆ จนพอง มันจะเจ็บแค่ไหน
แต่กระนั้นหลายคนที่ตั้งใจไปสักการะบูชาองค์พระธาตุก็ยังคงเดินย่ำไปโดยไม่กลัวต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามขอแนะนำว่าควรไปสักการะองค์พระธาตุในช่วงเช้าหรือเย็นจะดีกว่า หรือควรใส่ถุงเท้าหนาๆ เพื่อป้องกันความร้อน
ว่ากันว่าหากได้มากราบไหว้พระธาตุประจำปีเกิดสักครั้งในชีวิต จะเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ปัดเป่าความทุกข์ บำรุงสุขในจิตใจ ช่วยให้แคล้วคลาดอันตรายทั้งปวง เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ กลับมาคราวนี้สุขใจอย่างบอกไม่ถูก!







