เอมมี่-โสมรัศม์ ชีวิตคือการเดินทาง

วันที่แสนปลอดโปร่งของแต่ละคนอาจเหมือนและต่างกันไป บางคนหายใจเต็มปอดทุกครั้งเมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนภูเขาบางคนโหยหาทะเล
แต่สำหรับ ‘เอมมี่' โสมรัศม์ รัตนวานิช บุตรสาวคนเล็กของพลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีตสธ.ทบ เธอรักษ์ทะเลมากมาย
ว่างเว้นจากการงานอันแสนเครียด เธอมักจะพาตัวเองดำดิ่งลงไปยังโลกใต้น้ำ แม้อาชีพนักกฎหมายจะเป็นงานที่รัก แต่ก็มีงานอดิเรกเป็นนักดำน้ำ ชอบเดินทางท่องเที่ยว และชอบพาตัวเองเข้าครัวทำอาหาร ควบคู่กันแบบนั้นมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
เรียนจบกฎหมายจากที่ไหนคะ
จบนิติศาสตร์ จุฬาฯ เมื่อปี 2004 แล้วก็ทำงานที่สำนักงานกฎหมาย บริษัท ลิ้งค์เลเทอร์ส ประเทศไทย จำกัด เรียนจบเดือนมีนาคม ทำงานเดือนพฤษภาคมเลย ทำงานมาตลอดยกเว้นช่วงที่ไปเรียนต่อปริญญาโท ที่ชิคาโก้ที่ Northwestern University School of Law เรียนอยู่ 1 ปี จากนั้นก็ทำงานอยู่ที่นี่มาตลอดจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ
กิจกรรมดำน้ำนี่เริ่มต้นอย่างไร
เริ่มจากเพื่อนที่สนิทกันสมัยมัธยม เขาเป็นหมอสูติ อยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชชื่อพิน(พิณนภางค์ ศรีพหล) แต่เขาต้องไปใช้ทุนทำงานที่พังงาก่อน แถวอำเภอตะกั่วป่า แล้วเขาก็เริ่มกิจกรรมดำน้ำก่อน พอพวกเราไปหาก็ชวนกันไปดำน้ำแล้วก็ชอบหลังๆ ก็เลยชวนเพื่อนในกลุ่มไปด้วย ต่อมาได้ไปเรียนดำน้ำเป็นเรื่องเป็นราวกับพี่ปุ้ย (มนัสวีร์ อยู่ทวี) ซึ่งจบโรงเรียนเดียวกันที่ประสานมิตร เขาเป็นเจ้าของกิจการดำน้ำชื่อ Dive Info ก็เลยไปเรียนดำน้ำเป็นเรื่องเป็นราว จากนั้นก็มีเพื่อน ๆ กลุ่มคุณหมอเพื่อนของเพื่อนมาดำน้ำด้วยกันก็เลยเป็นแก๊งค์ดำน้ำ ไปดำน้ำเก็บขยะที่เกาะล้านพัทยาบ้าง ไปดำน้ำตามที่ต่างๆ เฉลี่ยแล้วไปดำน้ำกันเดือนละครั้งคะ
แล้วเรื่องของการเดินทาง มีประสบการณ์อย่างไรบ้าง
โชคดีที่เด็กๆ ได้ไปต่างประเทศบ่อย ไปเรียนซัมเมอร์ที่สวิส, นิวซีแลนด์ และที่อังกฤษ มีน้ากับลุงมีบ้านที่อังกฤษ มีเพื่อนคุณพ่อเป็นเจ้าของโรงเรียนภาษาอังกฤษที่โน่น พอเข้ามหาวิทยาลัย พอเริ่มพูดภาษาอังกฤษได้คุณพ่อก็ส่งไปที่ฮ่องกง เพื่อนคุณพ่อเป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมาย ส่งเราไปหาประสบการณ์ที่นั่น ได้เรียนรู้ว่าเป็นนักกฎหมายต้องวางตัวยังไง แต่งตัวยังไง
แล้วต้องยังไงล่ะคะ?
ตอนแรกเราแต่งตัวเหมือนเด็กสยาม เด็กจุฬาฯ ใส่กระโปรง เสื้อยืด รองเท้าส้นสูง กิ๊บเก๋ ฉันสวย ไปถึงวันแรกคุณอาที่เป็นเจ้าของบริษัทให้เงินมาก้อนหนึ่ง ให้เพื่อนที่เป็นทนายในออฟฟิศ พาไปชอปปิงแต่งตัวใหม่ ตัดสูท กระโปรง กางเกง รองเท้าส้นสูงสีดำ ทุกอย่างใหม่หมดเลย ต้องสร้างบุคลิกให้น่าเชื่อถือ วันถัดมาเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งเลย มัธยม(สาธิตประสานมิตร) มหาวิทยาลัย คุณพ่อไม่ยอมให้ไปต่างจังหวัดกับเพื่อน ส่งไปเมืองนอกคนเดียวหาประสบการณ์ตลอด ซัมเมอร์สุดท้ายของปี 3 ก็อดไปเมืองนอกแล้ว ต้องไปฝึกงาน พอจบปี 4 ก็ได้ทำงานเลย
สิ่งที่เราได้จากการเดินทางคืออะไร
ทำให้เราเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองขึ้น กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก ถ้าไม่นับกับที่ไปกับครอบครัวก็เดินทางไปคนเดียวตลอด จนถึง ม. ปลาย ก็สนุกนะคะ และช่วยเหลือตัวเองได้ อย่างที่ไปอังกฤษไปอยู่กับโฮสแฟมิลี่ คุณแม่เป็นฟิลิปปินส์ คุณพ่อเป็นคนอังกฤษ มีลูกผู้หญิง 2 คน ตอนนี้เราก็ยังติดต่อไปมาหาสู่กันเหมือนเป็นญาติกัน
มีประสบการณ์สนุกๆ ไหม
ตอนไปเรียนที่อังกฤษหลังๆ มีเวลา 2-3 เดือน เราก็ไปหางานทำพิเศษสนุกๆ เช่นเป็นพนักงานขายที่เบอร์เกอร์คิงส์ ทำตั้งแต่ขัดห้องน้ำ ยันขายของ เตรียมอาหาร ไปเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารไทยแถวหน้าโรงเรียน ได้เงินวันละ 10 ปอนด์ ไปสมัครงานเป็นพนักงานขายในร้านโชว์ห่วย แถวหน้าบ้าน ได้เงินเยอะ แฮปปี้มาก ได้เงินเสร็จเข้าลอนดอนซื้อกระเป๋าซีลีน(CELINE)ให้คุณแม่ 1 ใบ ตัวเองใบหนึ่ง มีความสุขมาก อาจจะเป็นเงินน้อยของเขาแต่สำหรับเรามันเยอะ
อยู่ที่บ้านในเมืองไทยมีโอกาสทำงานบ้านบ้างไหม
ไม่เลยคะ แต่ก็ได้ล้างจานบ้าง เพราะว่าคุณตาสอนว่าถ้าเราจะเป็นพ่อครัวแม่ครัวที่ดีต้องล้างจานเองไม่ใช่ทำทิ้งไว้แล้วสะบัดตูดเดินจากไปให้คนอื่นเขาล้าง ก็เลยจำ และทำแบบนั้นตลอด เพราะว่าเป็นคนที่ชอบทำกับข้าวมาก เวลาเครียดๆ สมัยมัธยมก็จะทำขนมไปให้เพื่อนกินที่โรงเรียนพอทำงาน ก็จะเรียกเพื่อนมาบ้านแล้วทำอาหาร ทำขนมกินกันทำอย่างจริงจังมาก
ทุกวันนี้แบ่งเวลาอย่างไร
สำหรับท่องเที่ยวเหรอคะ? ก็ทุกวันหยุด นักขัตฤกษ์ที่จะเป็นไปได้ หรือแค่เสาร์อาทิตย์จะต้องเที่ยว ไม่จำเป็นต้องไปไกลๆ แค่หัวหิน พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ เช่นออกเย็นวันศุกร์ เย็นวันอาทิตย์ก็กลับมา อย่างคืนวันศุกร์นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ ถึงเชียงใหม่เช้า นอนคืนหนึ่ง แล้วก็กลับขอให้ได้อยู่บนยานพาหนะออกจากกรุงเทพฯเหอะมีความสุขแล้ว (หัวเราะ) ถ้าอยู่บ้านก็ทำกับข้าวที่บ้านคุณยาย คือหยุดอยู่เฉยๆ ไม่ได้
แล้วเรื่องดำน้ำล่ะ ดำน้ำครั้งแรกในชีวิตเป็นอย่างไร
ลงน้ำครั้งแรกก็มีความสุขแล้ว หลังจากฝึกดำน้ำในสระ เป็นคนไม่กลัวน้ำ ธรรมดาคนอาจจะกลัวเพราะเป็นครั้งแรก จำได้ว่าครั้งแรกพิน เขาดำลงไปเอากล้องลงไปถ่ายรูปด้วย เราถอดเรกกูเรเตอร์ (Regulator) ออกจากปากแล้วยิ้มใต้น้ำให้กล้อง ครูฝึกตกใจว่ายังไม่ได้สอนทำได้ยังไง เป็นคงเป็นสัญชาติญาณ (หัวเราะ)
ไดร์ฟแรกดำที่ไหน ประทับใจอะไรบ้าง
ไดร์ฟแรกไปดำที่พัทยา เพราะต้องไปสอบ ก็ไม่ได้ประทับใจอะไร เพราะน้ำจะขุ่นๆ แต่ตอนนี้ก็ยังไปพัทยาอยู่ไปสอนดำน้ำ ไปดำน้ำเก็บขยะบ้าง แต่ที่ประทับใจมากๆ คือไปเกาะเต่า ทั้งเรือเป็นเพื่อนสนิทเราหมด ถ้าไล่ชื่อก็รู้จักกันหมด 20 กว่าคน ทริปนั้นไม่ได้เจอฉลามวาฬ แต่เจอกันเองเหมือนรวมญาติสนุกมากๆ เหมือนเป็นการรวมตัวของคนที่มีความชอบคล้ายๆ กันนิสัยเหมือนๆ กันนะคะ
แต่ว่าเพื่อนในก๊วนส่วนใหญ่เป็นหมอใช่ไหมคะ
ใช่คะ เรียกได้ว่าไปดำน้ำที เหมือนกับโรงพยาบาลเคลื่อนที่เลย แทบจะมีหมอครบทุกแผนก (หัวเราะ) มีหมอศัลย์, แพทย์ผิวหนัง, หมอฟัน ฯลฯ จากการแนะนำของแพทย์บอกว่าโปะกันแดดเยอะๆ ก่อนดำน้ำ ทั้งก่อนและหลัง ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ก่อนโปะครีมกันแดด ถ้ายังไม่หายผิวเสียไปยิงเลเซอร์รักษาได้ (หัวเราะ)
เที่ยวบนบกบ้างไหม หรือว่าเฉพาะในน้ำเท่านั้น
เที่ยวคะ บนบกก็เที่ยว (หัวเราะ) ต่างประเทศก็ชอบไป เช่น ชิคาโก้ ตอนไปเรียนปริญญาโท ชอบที่นั่นมาก เอมมีเพื่อนอเมริกาใต้เยอะ บราซิลก็ชอบ ฝรั่งเศสก็ชอบ บางคนบอกว่าไม่ชอบชิคาโก้เพราะอากาศหนาว แต่เอมอยู่ได้ ถ้าอากาศหนาวเราก็ทำกับข้าวอยู่ในบ้าน จัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แค่มีครัวได้ทำอาหารมีเพื่อนหนาวแค่ไหนก็อยู่ได้ แต่ก็ชอบฤดูร้อนมากที่สุดนะคะ เพราะจะได้แต่งตัวสวยๆ ออกไปเดินถ่ายรูป อย่างปารีสวันที่มีแดดจะสวยมากท้องฟ้าสวยงาม คิดว่าประเทศไหนก็สวยถ้ามีแดดนะคะ เป็นคนที่ชอบซัมเมอร์ แต่ร้อนแบบเมืองไทยก็ไม่ไหวนะ ทุกวันนี้เวลาจะออกจากบ้าน ต้องใส่หมวกใส่แว่นเดินออกไป ใครจะว่าเราเยอะก็ช่าง เพราะเดี๋ยวหน้าเราจะเละ เพื่อนที่เป็นหมอแนะนำไว้ค่ะว่า หมวกกับแว่นตาดำต้องติดตัวเอาไว้ เพื่อตัวเราเอง
ในเมืองไทย ชอบที่ไหนชนิดไปอยู่ที่นั่นได้เลย
ชอบหัวหินค่ะ คุณตาคุณยายซื้อบ้านที่หัวหินเอาไว้ตากอากาศ ก็จะไปตลอดตั้งแต่เด็กๆ แล้วคะ อยู่จนตัวดำเลยเวลาปิดเทอมหรือเสาร์อาทิตย์ไหนว่าง มันเป็นความผูกพันด้วยมั๊งคะ บ้านอยู่ติดชายทะเลแล้วมีความสุขประทับใจเหมือนความเคยชินด้วย เชียงใหม่ก็ชอบเพราะคุณตาคุณยายก็มีบ้านพักตากอากาศที่นั่นด้วย หน้าหนาวที่เชียงใหม่ ชอบมากๆ เหมือนกันคะ
สรุปแล้วปีหนึ่งเดินทางกี่ครั้ง
เดือนละ 2 ครั้งโดยประมาณ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเลย เพราะเราไม่เหนื่อยเลย สามารถกลับมาดึกๆ วันอาทิตย์ วันจันทร์เช้าสามารถทำงานได้เลย เวลาเดินทางไกลๆ อย่างยุโรปกลับมาก็ไม่มีเจ็ทแล็กซ์คิดว่าการเดินทางท่องเที่ยวคือชีวิต จะเที่ยวจนกว่าจะไม่มีเงิน ไม่มีแรง ไม่มีวันลา อย่างพฤษภาคมที่ผ่านมา เอมไปบราซิลกับอาร์เจนติน่า ไปงานแต่งงานเพื่อนอยู่เที่ยวต่อนิดหน่อย เดือนกรกฎาคมจะไปฟิลิปปินส์กับออสเตรเลีย ส่วนเดือนสิงหาคมจะไปสวิตเซอร์แลนด์ มีเยียร์แพลนเรียบร้อยตลอดปีค่ะ (หัวเราะ)
สำหรับสาวเอมมี่ คนนี้เธอเดินทางมาตลอดชีวิต และยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีวันหยุด เพราะชีวิตนี้คือการเดินทาง




