คลัง 9 มากกว่าทางผ่าน จักรยาน

คลัง 9 มากกว่าทางผ่าน จักรยาน

คลังสินค้าชายแดนแห่งนี้อาจเป็นเพียงที่พักสินค้าส่งข้ามแดน แต่ด้วยลักษณะเฉพาะตัว ที่นี่มีส่วนจุดกระแสความสนใจจักรยานมือสองในหมู่คนไทยไม่น้อย

"สมัยก่อน ไม่ค่อยมีคนรู้กันหรอกว่า ที่นี่มีจักรยานมือสอง หากใครอยากซื้อหาของมือสอง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตาม รวมถึงจักรยาน ต้องไปหาดูถึงเซียงกง กรุงเทพฯ โน่น"


เจ้าถิ่นอย่าง อรชน จงจรูญกิจ เล่าให้ฟัง ทันทีที่ถูกถามถึงความเป็นมาของตลาดจักรยานมือสองในเมืองแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งในวันนี้กลายเป็นเมืองจักรยานไปแล้ว เพราะทั้งหาซื้อง่าย แถมราคาถูกอีกด้วย


ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จากคำร่ำลือของผู้คนในแบบปากต่อปาก ที่มีต่อ "คลัง 9" แหล่งพักจักรยานมือสองขนาดมหึมา ริมชายแดนไทย-เมียนมาร์ ในพื้นที่ของบ้านท่าอาจ จนที่นี่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ อรชน ยอมรับว่าตัวเธอเองก็แวะเวียนไปซื้อจักรยานมานับไม่ถ้วน ทั้งเพื่อใช้สอยส่วนตัว หรือมาจากใบสั่งของเพื่อนสนิทมิตรสหายที่เข้ามาเป็นระยะๆ


"พอมีใครรู้ข่าวว่าเราจะเดินทางลงมากรุงเทพ เพื่อนๆ ก็จะบอกให้ซื้อหาจักรยานและขนลงมาด้วยเลย เพราะที่นี่ราคาถูกกว่าในกรุงเทพ หรือจังหวัดอื่นๆ พอสมควร บางครั้งเราโพสต์ภาพจักรยานสวยๆ เท่ๆ ลงในเฟซบุ๊ค ก็จะมีคนมาคลิกไลค์ บ้างก็ฝากให้มองหารุ่นนั้นรุ่นนี้ไปด้วย" นักธุรกิจสาวแห่งเมืองแม่สอดเล่าให้ฟัง

-1-

คลัง 9 เป็นแค่เพียงแหล่งพักจักรยาน เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม คือ เมียนมาร์ แต่ต้นทางของสินค้ามือสองเหล่านี้ เดินทางมาไกลจากต่างแดน โดยมีไทยเป็นเส้นทางผ่าน


"ทั้งหมดนี้ มาจากประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่นส่งเข้ามาที่ไทย เดือนละประมาณ 30-50 ตู้ ขึ้นอยู่กับหน้าจักรยาน ตู้หนึ่งจะมีจักรยานอยู่ประมาณ 500 คัน ส่วนใหญ่จะส่งไปพม่า โดยเมื่อสินค้าออกจากแหลมฉบัง ก็จะขึ้นรถพ่วงส่งมาลงที่แม่สอดเลย"


ปภาวดี เต็มใจเจริญ ผู้ดูแลคลังสินค้าที่ 9 อธิบายที่มาของจักรยานให้ฟัง พร้อมขยายความว่า โดยสภาพภูมิศาสตร์ อำเภอแม่สอดมีท่าเรือชายแดนริมแม่น้ำเมยหลายแห่ง แต่สำหรับที่นี่ จะมีจักรยานเป็นสัดส่วนหลัก จน คลัง 9 เริ่มเป็นที่พูดถึงและมีชื่อเสียง ในฐานะจุดพักสินค้า


"พูดถึงหน้าจักรยานที่คึกคักมากๆ ก็ช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน จากนั้นจะเริ่มเงียบตอนหน้าฝน สาเหตุมาจากเรื่องของการขนส่งที่ค่อนข้างลำบาก ไม่เกี่ยวกับยอดออเดอร์หรอกนะ แต่พวกนี้จะมีสินค้าตุนเอาไว้อยู่แล้ว แต่คือถ้าขนส่งไม่ได้ ก็จะไม่ส่ง"


เมื่อเป็นจักรยานมือสอง สภาพของสินค้าในแต่ละตู้ย่อมคละเคล้ากันไป ระหว่างสภาพแย่สุดๆ ไปจนถึงสภาพดี ซึ่ง ปภาวดี อธิบายว่า หากเป็นสินค้าส่งพม่า ก็เพียงแค่ "แพ็กกิง" อย่างเดียวแล้วส่งเลย แต่ก็จะมีบางส่วนราว 10 เปอร์เซนต์ ที่เสียภาษีนำเข้าให้แก่ด่านศุลกากรแม่สอด เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย


"จักรยานที่ยัดใส่ตู้มา ยังไม่พร้อมใช้งานค่ะ ต้องนำไปปรับแต่งอีกครั้ง แหล่งใหญ่ๆ ที่ส่งไป ก็จะอยู่ที่มัณฑะเลย์ ย่างกุ้ง พะอัน พอไปถึงที่นั่น ก็จะมีส่วนงานที่รับไปคัดแยก ทำความสะอาด หรือประกอบขึ้นมาอีกที"


ปภาวดี วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่มีจักรยานมือสองจากญี่ปุ่นหลั่งไหลมาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย เพราะจักรยานถือเป็นพาหนะหลักของคนพม่า


"9 ใน 10 คน อย่างน้อยๆ ที่ต้องใช้จักรยาน ยิ่งรัฐบาลพม่าไม่สนับสนุนให้ใช้มอเตอร์ไซค์ จักรยานสองล้อจึงเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนที่นั่น ที่จริงมันไม่เกี่ยวกับราคานะ แต่หลักๆ เลย พม่าชอบของญี่ปุ่น ถือเป็นสินค้ายอดนิยม อะไรก็ตาม ถ้าเป็น made in japan ก็จะขายได้หมด ขายได้ราคา ไม่จำเป็นต้องเป็นของใช้แล้ว คือของใช้แล้ว หรือมือหนึ่ง พม่าไม่สน แต่ made in japan โอเค ก็จะดูแหล่งที่มามากกว่า เหมือนอาหาร หรือของกินของใช้ พม่าจะชอบ made in Thailand ถ้าเป็นจักรยานหรือรถยนต์ หลักการเดียวกัน คือ made in japan"


ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่มีอยู่ก็คือ แม้จักรยานจะส่งมาจากญี่ปุ่น 100% แต่เดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นผลิตเองน้อยลง จำนวนไม่น้อยผลิตในจีน แต่มีญี่ปุ่นเป็นผู้ควบคุมมาตรฐานอีกที

-2-

ด้วยชื่อเสียงของ คลัง 9 ที่มีจักรยานกองเป็นภูเขาเลากา ผนวกกับสถานะเมืองชายแดน อย่าง แม่สอด ปัจจุบัน จึงเริ่มมีนักท่องเที่ยวหันมาให้ความสนใจช็อปปิ้งจักรยานมือสองมากขึ้น โดยนายด่านศุลกากรแม่สอด พงษ์เทพ บัวทรัพย์ เปิดเผยกับ 'จุดประกาย' ว่า จำนวนภาษีที่เก็บจากจักรยานมือสองเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากมีราคาถูก และเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะซื้อไปใช้งานส่วนตัว หรือนำไปจำหน่ายต่อ


"ในปี 55 มีผู้นำเข้าจักรยานมือสองเพิ่มขึ้น จำนวนเกือบ 38,000 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท และทำให้รัฐเก็บรายได้ราว 4 ล้านกว่าบาทด้วยกัน" นายด่านกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ


เมื่อพื้นที่นี้ กลายเป็นจุดสนใจ ย่อมทำให้มีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นโดยปริยาย ขณะที่กำไรส่วนต่างของธุรกิจนี้อาจจะลดลงบ้าง โดย ปภาวดี ยอมรับว่า หากใครมาทำธุรกิจนี้ตั้งแต่เมื่อก่อน ย่อมมีกำไรงามทีเดียว


"แต่ตอนนี้คู่แข่งเยอะ เพราะพอทุกคนรู้ว่าจักรยานขายได้ ก็ตาโตกัน เดี๋ยวนี้ กำไรน่าจะน้อยลง แต่ก็มีปัจจัยด้านดีมาเสริม คือปริมาณจักรยานขายได้มากขึ้น และเรากลายเป็นแหล่งใหญ่ เลยขายให้ลูกค้าได้เรื่อยๆ ลูกค้าก็มาซื้อเรื่อยๆ "


ขณะที่มุมมองของ อรชน ในฐานะผู้บริโภคขาประจำเห็นว่า ถึงทุกวันนี้ กระแสนิยมจักรยานมือสองจะมาแรงขึ้น แต่ราคาจักรยานในตลาดที่ "คลัง 9" ก็ยังไม่แตกต่างจากเดิมนัก โดยเฉลี่ยเริ่มต้นที่ราคาพันบาท ขยับไปจนถึงหลายหมื่นบาท แล้วแต่ประเภทของจักรยาน


"ต้องบอกว่า ราคายังคงๆ เดิมนะ ไม่แตกต่างจากเมื่อก่อน เพียงแต่ใครที่จะมองหาของหรูๆ อย่างพวก ฟิกซ์เกียร์ ที่นี่คงไม่ใช่แหละ แต่สำหรับพวกจักรยานแม่บ้าน จักรยานแบบมีเกียร์พับได้ หรือพวกเมาเทนไบค์ ถือว่า ที่นี่มีของแปลกๆ ให้เลือกชมสารพันเลยทีเดียว ทั้งยี่ห้อ แบบ และรูปทรงต่างๆ โดยเฉพาะสำหรับนักเล่นนักสะสมจักรยาน ที่อาจจะมามองหาอะไหล่ ทั้งหมดนี้ อยู่ภายใต้กฎที่ว่า ตาดีได้-ตาร้ายเสีย"


กล่าวคือ เมื่อจักรยานออกจากตู้ วิธีการของผู้ค้า คือการล้าง ทำความสะอาด ตรวจสอบสภาพ จัดเกรด จากนั้นก็จะนำไปสู่กระบวนการยำใหญ่ หากเป็นจักรยานที่มีสภาพไม่พร้อม ก็ต้องมีการสรรหาอะไหล่จากจักรยานคันนั้นคันนี้มาเสียบมาคั่นแทน หรือแม้กระทั่งการทำสีใหม่ หากสีเดิมออกอาการหลุดร่อนมาจากสภาพการใช้งานเดิม


กระบวนการนี้ มองเผินๆ จะเรียกว่าย้อมแมวก็ไม่ผิด แต่มองให้ลึกลงไปกว่านั้น นับว่าต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ เลยทีเดียว !


-3-

ในพื้นที่อาณาบริเวณหลายสิบไร่ ซึ่งในอดีตเคยเป็นไร่ข้าวโพด ปัจจุบัน เฮียกวง บิดาของปภาวดี ได้เนรมิตให้เป็นอาณาจักรจักรยานมือสองไปแล้ว กับร้านค้าจำหน่ายราว 20 ร้าน ส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าที่มาประกอบธุรกิจในพื้นที่ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ เป็นคนพม่าจาก ย่างกุ้ง ยะไข่ และมีบางส่วนที่มาจากเมียวดี โดยที่นี่จะทำหน้าที่เป็นเสมือนร้านสาขา เพื่อส่งต่อจักรยานไปสู่ร้านของตัวเองอีกทอดหนึ่ง


ภาพเจนตาที่นักท่องเที่ยวได้เห็น คือกลุ่มช่างจักรยานฝีมือดีนับสิบชีวิต ที่กำลังสาละวนกับงานเบื้องหน้าอย่างคล่องแคล่วว่องไว บ้างเปลี่ยนเบาะใหม่ ใส่สายเบรค ปรับเกียร์ ติดกระดิ่งบนแฮนด์จักรยาน ฯลฯ


"ต้องการจักรยานแบบไหน สอบถามจากผมได้นะครับ" หนุ่มใหญ่ผิวเข้มนัยน์ตาแขกชื่อฝรั่ง อย่าง ชาลี ทักทายด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่ง เมื่อถามถึงรายได้จากการทำธุรกิจจักรยานมือสองในพื้นที่คลัง 9 เจ้าตัวส่งยิ้มให้พร้อมบอกว่า "พออยู่ได้"


แน่นอนทีเดียวว่า ตู้สินค้าแต่ละตู้ที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้มีของดีไปเสียทั้งหมด เรื่องแบบนี้ ด้าน

หนึ่งเป็นดวง แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นปัญหาเชิงเทคนิคที่ผู้ค้าต้องจัดการความเสี่ยงให้อยู่หมัด


"ในกรณีที่เปิดตู้มาแล้วพบของแบบใช้ไม่ได้เลย ก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา แต่เป็นปัญหาของลูกค้า" ปภาวดี บอกกล่าว พร้อมกับเสริมว่า "เรามีหน้าที่บริการ เราแค่ผ่าน invoice จากต้นทางไปถึงปลายทางเท่านั้นเอง"


ปภาวดีบอกว่า เอาเข้าจริงๆ บทบาทของ คลัง 9 ก็เป็นแค่คลังสินค้าชั่วคราวที่เอาไว้พักสินค้าเพื่อที่จะส่งออกเท่านั้น


"ที่นี่เป็นพื้นที่ควบคุมนะคะ เราพักสินค้าที่นี่ เพราะ(ฝั่งตรงข้าม) มันไกลจากตัวเมืองหน่อย ดังนั้น จะเดินทางขนส่งอะไร มันก็สะดวกกว่า เลยมาพักตรงจุดนี้ ถือว่าเป็นนอกเมืองของเมียวดีแล้ว คือทั้งสะดวกเราแล้วก็สะดวกเขาด้วย คนรับก็สะดวกที่จะส่งต่อไป"


"เดิมทีคุณพ่อไม่ตั้งใจจะทำคลัง แต่ทีนี้คุณพ่อทำพืชไร่อยู่แล้ว จึงอยากมีที่ขึ้นของเป็นของตัวเอง เลยตัดสินใจทำดู จนกลายมาเป็นอย่างนี้ โดยฝีมือคุณพ่อทั้งหมด คลัง 9 เลยทำให้เกิดกระแสจักรยานขึ้นมา" คนดูแลคลัง 9 กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้.