ภาษีความอ้วน" ของสายการบิน

ซามัว แอร์ สายการบินแห่งหมู่เกาะอเมริกัน ซามัว ซึ่งเป็นดินแดนในปกครองของสหรัฐฯทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกตกเป็นข่าวพาดหัวใหญ่
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาหลังประกาศนโยบายการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินแบบใหม่ที่คิดราคาตามน้ำหนักตัวของผู้โดยสารและสัมภาระ ซึ่งถือเป็นสายการบินแรกที่นำนโยบายนี้มาใช้
เส้นทางการให้บริการของซามัว แอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเส้นทางภายในประเทศกำหนดราคาตั๋วเครื่องบินของลูกค้าอยู่ที่ 27.67 - 31.46 บาทต่อกิโลกรัมขึ้นอยู่กับระยะทางการบิน โดยวิธีการคิดค่าโดยสารแบบใหม่นี้ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯแล้วตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
นโยบายใหม่ของซามัว แอร์บังเอิญไปตรงกับรายงานที่จัดทำโดย ดร. บารัท บัตท่า นักเศรษฐศาสตร์ชาวนอร์เวย์แห่งมหาวิทยาลัยซอจ์น อ๊อก ฟยอร์เดน ที่เสนอแนะให้สายการบินทั่วโลกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากผู้โดยสารที่เป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
เหตุผลที่เสนอให้เรียกเก็บ "ภาษีความอ้วน" ก็คือ ราคาของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทะยานพุ่งสูงขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมาซึ่งกลายเป็นภาระจำนวนมหาศาลของสายการบินหลักๆ ทั้งหมด และหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานก็คือน้ำหนักบนเครื่องบิน ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงและน้ำหนักเฉลี่ยบนเครื่องบินก็มากขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาทำให้สายการบินต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้น อุตสาหกรรมการบินจึงบ่นกันพึมพัมอยากจะหารายได้มาชดเชยภาระส่วนนั้นด้วยการชาร์จค่าตั๋วผู้โดยสารตามน้ำหนัก ซึ่งจะว่าไปแล้วการคิดค่าตั๋วตามน้ำหนักก็มีทั้งคนได้และคนเสีย ผู้โดยสารหญิง ครอบครัวที่มีเด็กเป็นผู้โดยสาร คนตัวเตี้ยก็จ่ายน้อย ส่วนผู้โดยสารชายรูปร่างสูงและผู้โดยสารรูปร่างอ้วนก็ย่อมต้องจ่ายแพงกว่าแน่นอน
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการบินต่างไม่เชื่อว่านโยบายที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งนี้จะกลายเป็นมาตรฐานที่สายการบินทั่วไปนำมาใช้ปฏิบัติ
สำหรับสายการบินใหม่ๆ มันจะมีปัญหามากด้านโลจิสติกส์ เพราะสายการบินจะต้องมีเครื่องชั่งน้ำหนักประจำไว้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสารและต้องชั่งน้ำหนักลูกค้าที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการเช็คอินที่ต้องใช้เวลาและบุคลากรเพิ่มมากขึ้น อันอาจมีแนวโน้มให้เกิดความล่าช้าของเที่ยวบิน นอกจากนี้ทางสายการบินยังต้องนำน้ำหนักของผู้โดยสารมาเป็นปัจจัยในการคำนวณราคาตั๋วซึ่งจะทำให้ขั้นตอนที่ซับซ้อนอยู่แล้วต้องซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
"มันจะกลายเป็นฝันร้ายด้านโลจิสติกส์ และยังไม่คุ้มด้วย" จอร์จ โฮบิก้า ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Airfarewatchdog.com ซึ่งให้บริการแจ้งเตือนตั๋วราคาถูกกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้น สายการบินที่ใช้นโยบายนี้อาจจะต้องเผชิญกับการต่อต้านจากผู้โดยสารที่ไม่พอใจ บางคนมีแนวโน้มที่จะโกรธมากถึงกับคว่ำบาตรเลยทีเดียว และสถานการณ์อาจเลวร้ายถึงขั้นที่มีผู้โดยสารฟ้องร้องเรื่องการกีดกันหรือเลือกปฏิบัติได้
แล้วเหตุใดสายการบินซามัวถึงกล้านำนโยบายนี้มาใช้ จอร์จบอกว่า เนื่องจากซามัวเป็นสายการบินระดับภูมิภาคขนาดเล็กมากที่มีผู้โดยสารน้อยกว่า 30 คนต่อเที่ยวบิน ทำให้สามารถกำหนดน้ำหนักภายในเครื่องบินได้ นอกจากนี้ลูกค้าของสายการบินนี้ก็ยังมีตัวเลือกสายการบินเพียงไม่กี่แห่ง ทำให้ซามัว แอร์มีความพร้อมมากกว่าสายการบินอื่นๆ
จอร์จเชื่อว่า ก่อนที่จะเห็นสายการบินคิดค่าตั๋วตามน้ำหนักของผู้โดยสาร มันมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะเห็นสายการบินเรียกเก็บเงินค่ากระเป๋าตามน้ำหนักเหมือนกับที่พวกเขาคิดกับการขนส่งสินค้า
.....................................
ที่มา : เว็บไซต์บีบีซี







