การเดินทางคือพลังของชีวิต 'ฝ้าย แอมฟายน์'

ยกให้เป็นดีว่ารุ่นเล็กอีกคนของวงการเพลงไทย ฝ้าย - ณัฐหทัย แสงเพชร หรือ ฝ้าย แอมฟายน์ ศิลปิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)
เพราะเธอยืนอยู่ในวงการเพลงมากว่า 7 ปี แล้ว ซึ่งทุกซิงเกิ้ลที่ส่งออกมานั้น เป็นที่ถูกใจมิตรรักแฟนเพลงอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นเพลง “มารักทำไมตอนนี้” “เปลี่ยนแฟนหลายหน (ไม่ใช่คนหลายใจ)” “เหตุผลที่ทนเหงา” ล่าสุดเตรียมส่งซิงเกิ้ลใหม่ “ไม่อยากได้แฟนใหม่” มาให้ได้ฟังกันในวันที่ 19 เมษายนนี้
ชีวิตบนเส้นทางตัวโน้ตของสาวฝ้าย ไม่เพียงทำงานและเรียนควบคู่กันไป จนวันนี้เธอสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุ และโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอยังพยายามหาความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต ด้วยการหาเวลาออกเดินทางไปพักผ่อน ท่องเที่ยวกับครอบครัวและเพื่อนๆ อยู่เสมอ ฝ้ายบอกว่า นี่คือการเติมพลังให้กับร่างกายและจิตใจ ช่วยให้ชีวิตนี้มีความสุขได้อย่างง่ายๆ
ฝ้ายเข้าวงการมากี่ปีแล้ว
เข้าวงการมาประมาณ 7 ปีแล้วค่ะ ฝ้ายชอบเพลง ชอบดนตรี ชอบการแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งมีจุดพลิกผันให้เดินเข้ามาในเส้นทางนักร้องก็คือ ช่วง ป.6 โรงเรียนเขามีงานวิชาการ มีประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ครูก็ให้มาลองร้องดู และบอกว่ามีแววนะ ถ้าเรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง น่าจะไปได้ดีเลย แต่ด้วยความที่คุณพ่อเป็นนักดนตรี เคยมีประสบการณ์ ก็รู้สึกว่าถ้าเราเข้าวงการหรือเอาดีด้านนี้มากเกินไป อาจจะเสียการเรียนได้ เพราะเรายังเด็กอยู่ด้วย แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของฝ้าย ครอบครัวก็ให้ลอง ซึ่งฝ้ายเข้าประกวดครั้งแรกก็ได้รางวัลรองชนะเลิศดีเด่นจากการประกวดพานาโซนิค สตาร์ ชาเลนจ์ เซ็นสัญญาเข้าอาร์เอสและฝึกฝนจนได้ฟอร์มวงแอมฟายน์ขึ้นมา รู้สึกว่าฝันของเราเป็นจริงแล้ว ดีใจที่สุดเลยค่ะ
คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ฝ้ายได้จากวงการนี้บ้าง
เยอะมากค่ะ แม้ในช่วงแรกท้อและเหนื่อย เพราะเรียนและทำงาน เวลาส่วนตัวหมดไม่มี ไม่ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนเลย แต่วันนี้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่เรารู้สึกในวันนั้น ให้แต่สิ่งดีๆ ในชีวิตเรา ประสบการณ์ที่เราสะสมมีมากกว่าคนอื่นในช่วงอายุเดียวกัน ทุกอย่างสอนให้เราโตขึ้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ โอกาส ซึ่งไม่ใช่จะวิ่งเข้าหาทุกคน แต่เมื่อมาแล้วต้องคว้าไว้และทำให้ดีที่สุด และที่ได้มาแบบถาวร คือมิตรภาพจากผู้ใหญ่ เพื่อนพี่น้องในวงการที่ช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด
แล้วคิดว่าอะไรทำให้ฝ้ายเดินทางมาถึงจุดนี้ได้
มีผู้ใหญ่คอยสนับสนุนและให้คำแนะนำที่ดี เพราะฝ้ายไม่ได้เป็นคนเก่ง แม้คนจะบอกว่าเรามีพรสวรรค์ แต่พรสวรรค์ต้องคู่กับพรแสวง เราต้องหาวิชาใส่ตัวเพื่อพัฒนาตัวเอง และก็ต้องขอบคุณครอบครัวที่คอยเป็นกำลังใจ รวมถึงบริษัทอาร์เอส บ้านหลังใหญ่ที่ให้โอกาสที่ดีในชีวิต เชื่อมั่นในฝีมือเรา ให้โอกาสเราพัฒนา แต่หน้าที่ความรับผิดชอบ ความมีวินัยของตัวเองก็สำคัญ เป็นนักร้องก็ต้องทำการบ้าน ขยัน ตรงต่อเวลา เพราะทำงานกับคนเยอะ การเป็นภาระให้คนอื่นต้องเดือดร้อน คงไม่มีใครชอบค่ะ
ตอนนี้วงแอมฟายน์ไม่มีแล้ว ฝ้ายกลายเป็นนักร้องเดี่ยว รู้สึกอย่างไรบ้าง
ใจหายเหมือนกันค่ะ เพราะปกติเวลาไปงาน เราไปเป็นวง ช่วยกันคิดงานทุกอย่าง เราแชร์ความคิดกันตลอด วันนี้ทุกคนแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง แต่เราก็ยังติดต่อกัน เราเป็นครอบครัวดนตรีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา การแยกกันไปตามทางของตัวเอง เหมือนต้นไม้ที่เริ่มแตกยอดออกใบ ที่เติบโตขึ้นทุกวัน วันนี้การเป็นนักร้องเดี่ยวของฝ้าย อาจจะเหงาไปบ้าง เพราะยืนบนเวทีคนเดียว เราต้องส่งพลังถึงแฟนเพลงหลายเท่า ต้องเอาคนดูให้อยู่ ช่วงแรกก็ต้องปรับตัวเยอะพอสมควร แต่ถึงตอนนี้ฝ้ายได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ซึ่งก็ถือว่าไปได้ดีค่ะ
ส่วนมากเพลงที่ดังเป็นเพลงแนวอกหักๆ ใช่ไหม
จริงๆ ก็อยากให้มีแง่บวก หรือสมหวังบ้าง แต่ที่ผ่านมาจะเป็นแนวเพลงช้า แนวอกหัก ที่แดกดันผู้ชายนิดๆ คนฟังเค้าเชื่อในอารมณ์ที่เราถ่ายทอด รู้สึกว่าเสียงเราเหมาะกับเพลงแนวนี้ ต้องบอกว่าเพลงแนวนี้เข้าถึงคนง่ายค่ะ
หลายคนมองว่าแคแรกเตอร์ของฝ้าย ได้รับอิทธิพลจากปาน-ธนพร?
ดีใจค่ะ ช่วงเวลาที่ฝ้ายประกวดร้องเพลงก็มีพี่ปานเป็นต้นฉบับ ซึ่งรอบชิงชนะเลิศที่ได้รางวัลมาก็ร้องเพลง “ขอเลวแค่นี้” ของพี่ปาน แนวเพลงของฝ้ายจะค่อยๆ เพิ่มระดับ โตขึ้น พูดถึงผู้ชายทำให้เราเสียใจ การจิกกัดก็ร้ายนิดๆ แต่คำจะไม่แรงเท่าของพี่ปาน คือลักษณะคำที่ใช้ในเพลงจะต่างกัน แต่ความหมายความรู้สึกคือคล้ายกัน ซึ่งพี่ปานก็เคยพูดเองว่าฝ้ายเป็นทายาท ก็ขอบคุณที่พี่เขามองเห็นอะไรในตัวเรา แต่ก็ยังต้องพัฒนาต่อไปค่ะ
ล่าสุดเห็นฝ้ายร้องเพลงเพื่อมูลนิธิพระดาบสด้วย?
ค่ะ เป็นโครงการที่ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับมูลนิธิพระดาบส จัดคอนเสิร์ตเพลงเฉลิมพระเกียรติคำพ่อสอน รวมพลังถ่ายทอดคำพ่อสอน โดยมี พี่ปาน ธนพร และ ฝ้าย ขับร้อง ซึ่งเพลงที่ฝ้ายร้อง เป็นเพลงชนะเลิศของอัลบั้มนี้ ชื่อเพลง “บทกวีความพอเพียง” ก็เป็นเกียรติมากที่ได้ถ่ายทอดคำพ่อสอนผ่านบทเพลง ทั้งนี้นำรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิพระดาบสด้วยค่ะ
เห็นได้ว่าฝ้ายเป็นคนที่ทำงานหนัก มีวิธีการหาจุดบาลานซ์ชีวิตอย่างไร
สำหรับฝ้าย กินค่ะ แต่ต้องดูแลตัวเองด้วย ช่วงนี้สนใจกีฬาเอ็กซ์ตรีม เล่นเซิร์ฟ เป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายดี ฝ้ายไม่ได้ต้องการเล่นให้เก่ง แต่อยากทำอะไรที่แตกต่างจากเดิม ความแปลกใหม่จะทำให้เราผ่อนคลายจนลืมความเครียด ความเหนื่อย หรือการเดินทางท่องเที่ยวก็เพิ่มสมดุลให้ชีวิตได้ การเปลี่ยนบรรยากาศที่เที่ยว ก็เหมือนการเปลี่ยนเข็มทิศชีวิตคนค่ะ
ถ้าเป็นเรื่องเที่ยว ฝ้ายชอบเที่ยวสไตล์ไหน
ฝ้ายชอบเที่ยวทุกแบบแหละคะ แบบลุยๆ ได้ ขอแค่ที่พัก ที่นอน ห้องน้ำสะอาด เพราะฝ้ายเป็นโรคภูมิแพ้ ทำงานตรงนี้ป่วยบ่อยๆ ไม่ได้ เพราะกว่าจะฟื้นฟูตัวเองได้ต้องใช้ระยะเวลา ไปเที่ยวก็อยากทำให้สุดๆ ทุกด้าน พัก เที่ยว กิน เต็มที่ จะภูเขาหรือทะเลได้หมด ฝ้ายชอบความสนุก เหมือนได้เปิดโลกใหม่ในที่ที่เราไม่เคยไป อย่างยุโรปกับเอเชียที่ไปมาก็แตกต่างกัน แต่ที่ไปแล้วชอบมากคือ อิตาลี ไปเที่ยวกับครอบครัวค่ะ ประมาณ 5 ปีที่แล้ว เมืองสวย อากาศดี อย่าง เวนิส ฟลอเรนซ์ ฝ้ายชอบเมืองที่มีสถาปัตยกรรม มีโบสถ์วิหารที่สวยงาม แต่ตอนที่ประทับใจอีกอันหนึ่งก็คือได้ล่องเรือกอนโดล่า น่าจะเป็นความฝันของใครหลายๆ คน หรือว่าคนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเห็นมีหลายประเทศเอามาจำลอง ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงที่นั่นอยู่เลยนะคะ
แล้วมีอะไรที่ชอบอีกไหม
หอเอนปิซ่า กับ โคลอสเซียมก็ชอบมากคะ ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กของประเทศอิตาลี ใครไปก็ต้องถ่ายรูปคู่กับสิ่งมหัศจรรย์ที่เป็นตึกที่สามารถตั้งเอียงอยู่ได้ ซึ่งเป็นหินอ่อนสีขาวทั้งตึก แม้อากาศจะหนาว แต่ผู้คนเยอะมาก ผู้คนเขาก็อัธยาศัยดีนะ ยิ้มแย้ม ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะเป็นฝรั่ง คนเอเชียน้อย มีคนขายของที่ระลึกเยอะมาก เป็นพวงกุญแจหอเอนปิซ่า ฝ้ายเองก็ซื้อมาฝากเพื่อนๆ ซึ่งเขาจะมีจุดที่คนชอบมาถ่ายรูปแบบเหมือนจริง คือเอามือดันหอที่เอนไว้ ส่วนที่กรุงโรม โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่มาก สวยงาม ดูแข็งแรง คลาสสิค ที่แปลกคือ ห้องใต้อัฒจรรย์โคลอสเซียม มีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิตและสิงโตหลายร้อยห้อง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทัวร์ทุกที่ต้องไป ส่วนเรื่องอาหารก็อร่อยเลยนะคะ พิซซ่า สปาเก็ตตี้ แต่อาจจะเลี่ยนไปหน่อยแต่รสชาติโอเคเลยนะคะ
โซนเอเชียล่ะ มีประเทศไหนที่ฝ้ายประทับใจบ้าง
ไม่รู้ว่าสิงคโปร์หรือเปล่านะ เพราะฝ้ายไปสิงค์โปร์บ่อยมากค่ะ เท่าที่จำได้ไปมา 10 กว่าครั้งแล้ว แต่ที่เพิ่งไปมาหมาดๆ และต้องกลับไปอีกแน่นอน ก็คือฮ่องกงและมาเก๊า ที่มาเก๊าจะมีภาพความงามแห่งศิลปะวัฒนธรรมของโลกตะวันออกและตะวันตกให้ได้ชมเยอะมาก และยังมีเสน่ห์แห่งความเชื่อและศรัทธาทางศาสนา ไปที่ไหนก็มีแต่จุดไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เหมาะกับคนไทยที่จะไปเที่ยวมาก โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ส่วนวัยรุ่นก็ชอบเพราะเป็นที่มีแต่แสงสีเสียง ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน คนก็ยังมากมาย เป็นที่ชอปปิ้งของคนที่ชอบแฟชั่น แบรนด์เนม เดินสนุกได้ตลอดคืน คนไทยก็ไปเยอะ ที่นี่เรื่องของกินมาอันดับ 1 เพราะก็คล้ายๆ บ้านเรา แต่อาจจะรสชาติอ่อนกว่า มีโอกาสไปคาสิโนด้วย แต่ไม่ได้เล่น เพราะเล่นไม่เป็น ก็ดูบรรยากาศเอา แต่คนไปเสี่ยงโชคเยอะมากค่ะ
ประเทศไหนที่ยังไม่เคยไปและต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต
ฝรั่งเศสค่ะ เป็นเมืองแฟชั่น เมืองน้ำหอม มีที่ท่องเที่ยวเยอะ อย่าง หอไอเฟล ฌองเอลิเซ่ อยากไปดูโรงบ่มไวน์ ไร่องุ่น หลายคนบอกว่าเมืองตากอากาศสวย ไวน์รสชาติเยี่ยมอันดับ 1 ของโลก
ตอนนี้ก็ศึกษาที่ท่องเที่ยวไปก่อน ทำงาน เก็บเงินแล้วไปเที่ยวกับครอบครัว คงจะแฮปปี้มากค่ะ




