ประวัติศาสตร์ 100 ปีเพาะช่าง ชุมนุมฝีมือ 32 ศิลปินแห่งชาติ

ประวัติศาสตร์ 100 ปีเพาะช่าง ชุมนุมฝีมือ 32 ศิลปินแห่งชาติ

นิทรรศการศิลปกรรมในวาระเพาะช่างครบ 100 ปีเป็นการจัดแสดงงานศิลปกรรมเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติที่เคยเรียนที่เพาะช่างมากถึง 32 ท่าน

ครั้งประวัติศาสตร์ เป็นประวัติศาสตร์การแสดงนิทรรศการศิลปะครั้งสำคัญ ที่ประวัติศาสตร์วงการศิลปะต้องจารึกไว้ เป็นประวัติศาสตร์เป็นประวัติการณ์ นิทรรศการศิลปกรรมในวาระเพาะช่างครบ 100 ปีเป็นการจัดแสดงงานศิลปกรรมเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติที่เคยเรียนที่เพาะช่างมากถึง 32 ท่าน เป็นประวัติศาสตร์ของการชุมนุมภาพเขียนของศิลปิน เป็นประวัติศาสตร์ผลงานศิลปินแห่งชาติ และเป็นประวัติศาสตร์ที่บอกถึงวิวัฒนาการของวงการศิลปะและเพาะช่างให้เป็นที่ปรากฏอย่างงดงาม

ครั้งในอดีต เมื่อวันที่ 7 มกราคม พุทธศักราช 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงเรียนเพาะช่าง มีกระแสพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า

“การศึกษาที่จะใช้วิชาช่างของไทยของเราตั้งขึ้นใหม่จากพื้นเดิมของเรา และขยายให้แตกกิ่งก้านสาขางอกงามยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนเอาพันธุ์พืชของเราเองมาปลูกลงในพื้นแผ่นดินของเรา แล้วบำรุงให้เติบโตงอกงามดีกว่าที่จะเอาพันธุ์ไม้ต่างประเทศมาปลูกลงในพื้นแผ่นดินของเราอันไม่เหมาะกัน โดยความประสงค์เช่นนี้ เมื่อเจ้าพระยาพระเสด็จฯมาขอชื่อโรงเรียน เราได้ระลึกผูกพันอยู่ในความเปรียบเทียบกับต้นไม้ดังกล่าวนี้ เราจึงได้ให้ชื่อโรงเรียนนี้ว่าโรงเรียนเพาะช่าง”

จากวันนั้นเมื่อพ.ศ.2456 ถึงวันนี้พ.ศ.2556 เป็นร้อยปีแห่งการเพาะปลูกบ่มเพาะช่างให้เกิดและสร้างศิลปินให้เกิดบนแผ่นดิน นิทรรศการครั้งนี้ย่อมเป็นที่ประจักษ์แห่งความเจริญงอกงามไพบูลย์อันเนื่องมาจากการเพาะปลูกต้นศิลปะแต่ในอดีตงอกงามสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน

ณ ปัจจุบัน วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2556 เวลา 9.30 น. วันสำคัญของวงการศิลปะ ศิลปินและชาวเพาะช่างมาถึง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงตัดแถบแพรเปิดนิทรรศการศิลปกรรมในวาระเพาะช่างครบ 100 ปี นิทรรศการศิษย์เก่าเพาะช่างที่ได้รับการเชิดชูเกียรติ ยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ทรงใช้เวลาทอดพระเนตรผลงานของเหล่าศิลปินอยู่เป็นเวลานาน

กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติที่ได้มีโอกาสตามเสด็จในหอศิลป์เพาะช่าง เล่าให้ฟังว่า พระองค์สนพระทัยในผลงานของศิลปินแต่ละคนเป็นอันมาก เมื่อทอดพระเนตรเห็นภาพของท่านอาจารย์จิตร บัวบุศย์ รับสั่งว่าได้เห็นผลงานเมื่อครั้งก่อน เมื่อถึงภาพเขียนของศาสตราจารย์เฉลิม นาคีรักษ์ ทรงรับสั่งถึงงานที่มีอายุนานและสีออกจะเก่าแล้วทำไมของแวนโก๊ะที่ท่านเห็นจึงดูใหม่ จนกระทั่งถึง ภาพจานสีพู่กันของพระองค์ท่านที่ทรงวาดภาพผีเสื้อเมื่อครั้งแสดงผลงานเพาะช่าง 90 ปี ที่นำมาจัดแสดงเป็นภาพ มีบทกวีของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่ศิลปินกมล ทัศนาญชลี ได้นำมาจัดวางให้เป็นที่ปรากฏ

พนม พรกุล รองอธิการบดีสำนักบริหารเพาะช่าง กล่าวว่า “เมื่อคิดถึงโรงเรียนที่ตั้งมาถึงร้อยปีจึงคิดจัดงานสำคัญครั้งนี้ขึ้น และได้กราบบังคมทูลขอภาพฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแสดงในงาน ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้นำมาแสดงเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทั้งสององค์” ผลงานหาที่หาชมได้ยาก สีสันยังสดใสราวกับทรงวาดเสร็จใหม่ๆ และยังมีภาพฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพฯ อีกสององค์เช่นกัน ผ่านเข้าหอศิลป์เพาะช่างจะเห็นสี่ภาพสำคัญอยู่ ณ เบื้องหน้า ให้ได้เห็นความงามเป็นมิ่งขวัญมงคลแด่มวลศิลปินและผู้ชมงานเป็นสำคัญ

ภาพที่ปรากฏภายในหอศิลป์จะมีภาพเขียนของศิลปินแห่งชาติ ขอเพียงได้พบงานของศิลปินแห่งชาติท่านแรก อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ ยิ่งเป็นภาพลายเส้นวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน หอเอนปิซ่า แห่งอิตาลี ลายเส้นภาพปลา และส่วนของซุ้มเรือนแก้วที่ลอกไว้ครั้งออกตระเวณเก็บงานเก่าเพื่อมาอนุรักษ์นั้นบุญตาที่ได้เห็นฝีมือจากต้นฉบับจริง ด้านประติมากรรม พบงานที่ได้แรงดลใจจากคลื่นและคนของอาจารย์ชำเรือง วิเชียรเขต ที่แสดงเป็นงานต้นแบบ ของจริงอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสูงสองเมตร หล่อด้วยสำริด ประติมากรรมของอาจารย์ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ และยังมีประติมากรรมของศิลปินแห่งชาติคนล่าสุด เข็มรัตน์ กองสุข

ภาพสีน้ำมันคนเหมือนของอาจารย์เฉลิม นาคีรักษ์ และอีกทั้งรูปวาดสีน้ำแสดงเส้นสีอารมณ์ความรู้สึกรวดเร็วฉับพลันแม่นยำของเส้นและสีสันอันงดงามของวัดโพธิ์รูปนั้นก็เรียกได้ว่าคุ้มที่ได้เห็น ยังมีภาพต้นฉบับของอาจารย์ประสงค์ ปัทมนุช ที่สีสันองค์ประกอบภาพแสดงถึงยุคสมัยและการปรับตัวของศิลปะไทยที่ก้าวสู่สู่ศิลปะสากลอย่างชัดเจน ภาพลายเส้นออกแบบเขียนลวดลายบานประตูพระอุโบสถ ของครูโหมด ว่องสวัสดิ์แสดงให้เห็นถึงฝีมือ ความงามสะท้อนความพยายามของศิลปินชั้นครู

ภาพประวัติศาสตร์ที่หาดูยากสองภาพของอาจารย์สนิท บุษปฤกษ์ เป็นประวัติศาสตร์ที่มาของศิลปินและผลงาน ภาพอ่างศิลาวาดสมัยครั้งยังหนุ่ม ถึงวันนี้อ่างศิลาเปลี่ยนแปลงไป ภาพสวนผักที่สะพานควาย สีสวยมีชีวิตชีวา ด้วยความเก่าแก่ของภาพจึงดูเหมือนภาพเขียนสียุคกลางที่ออกโทนน้ำตาลวันนี้ไปสะพานควายจะหาสวนผักที่ไหนได้ นี่คือคุณูปการของศิลปินที่บันทึกไว้

งานปาดชาโคลของอังคาร กัลยาณพงศ์ มีสามภาพที่เขียนในต่างวาระรูปลูกสาวเขียนเมื่อปี 2523 และรูปดอกไม้ที่เห็นเส้นสายน้ำหนักอันงดงาม เป็นงานยุคหลังสุดเขียนเมื่อปี 2552 แทบไม่เห็นความต่างในลีลาฝีมือ นอกจากห้วงเวลาที่ห่างกัน

ภาพสีน้ำ "อาลัยรัก" ทะเลไม่เคยหลับ เป็นงานมิกซ์แมนระว่างสีน้ำของกมล ทัศนาญชลี กับครูชาลี อินทรวิจิตร กมลเขียนสีน้ำ ครูชาลีจดจารบทกวีที่มาจากเพลงของครู ต้องเห็นจึงเข้าใจเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก ภาพอาลัยรัก จากวรรณกรรมสงครามชีวิตของศรีบูรพาที่ครูชาลีนำมาจินตนาการต่อ เคยแต่ฟังเสียงนุ่มๆ แต่ไม่ได้เห็นฝีมือเนียนๆ สุเทพ วงศ์กำแหงมาแสนนาน คราวนี้เขียนสีน้ำเขียนทะเลที่น้ำและฟ้ายังชื่นชุ่ม เส้นสีที่ปรากฏยังคงความงามให้เห็นชัดเจน ภาพนี้เขียนเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2556 ใหม่สดล่าสุด ใช้สุ้มเสียงมากๆ ในการร้องเพลงไม่ทำให้ฝีมือในการเขียนภาพตกลงแต่อย่างใด

จะมีสักกี่ครั้งที่จะมีงานศิลปะชั้นเทพมารวมกันได้มากขนาดนี้ ไม่ไปดูย่อมไม่ได้เห็น ไม่ไปชมย่อมตกประวัติศาสตร์ นอกจากไปชมความงามของภาพประวัติศาสตร์เหล่านั้นแล้ว ไปชื่นชมให้กำลังใจความอุตสาหะของคณะทำงานที่ได้เสาะหารวมผลงานที่สูงค่าและสูงราคามาให้ชื่นชมจนได้ งานดีดีมากมายเช่นนี้ต้องดูให้คุ้ม

งานแสดงศิลปกรรมเชิดชูเกียรติศิษย์เก่าเพาะช่างศิลปินแห่งชาติ ในโอกาสฉลองประวัติศาสตร์ หนึ่งร้อยปีโรงเรียนเพาะช่าง ตักศิลาพาหุรัด นับเป็นประวัติศาสตร์ของการแสดงศิลปกรรมไทย เป็นประวัติศาสตร์แห่งประวัติศาสตร์ จึงไม่ควรให้ชีวิตตกประวัติศาสตร์พลาดด้วยประการทั้งปวง

....

นิทรรศการศิลปกรรมในวาระครบ 100 ปีเพาะช่าง ผลงาน 32 ศิลปินแห่งชาติและศิลปินรับเชิญและคณาจารย์ของเพาะช่างจัดแสดงถึง 21 เมษายน 2556