48 ชั่วโมงกับ 'พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร'

ไม่ได้มีดีที่นัยน์ตาและรอยยิ้มชวนฝันเท่านั้น แต่หนุ่มตี๋หล่อคนนี้ยังมีความสามารถรอบตัว เป็นทั้งนักแสดง พิธีกร
แถมยังควบตำแหน่งผู้บริหารร้านขายสินค้ารักษ์โลก ECOSHOP อีกด้วย
ท๊อป - พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ถือเป็นไอดอลคนสำคัญของวัยรุ่นยุคใหม่หัวใจสีเขียวที่หันมาลงมือทำงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพราะเคยร่วมงานกับองค์กรภาครัฐอย่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ในโครงการ “เปลี่ยนขยะเป็นทอง” และยังจับงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
วันนี้เขามีผลงานล่าสุดมาให้แฟนๆ ได้ติดตามกันกับรายการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มีชื่อเก๋ๆ ว่า '48 ชั่วโมง'
รายการ 48 ชั่วโมง เป็นรายการท่องเที่ยวรูปแบบไหน
เป็นรายการท่องเที่ยวที่เราเล่นกับข้อจำกัดของเวลาครับ เพราะว่าคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่ทำงานประจำจะมีข้อแม้เรื่องเวลา เหมือนได้หยุดเสาร์อาทิตย์แค่นั้น มันจะไปเที่ยวไหนได้ ถ้าอยากไปเที่ยวต่างประเทศนี่ โห เลิกคิดไปเลย แต่ว่ารายการ 48 ชั่วโมงจะทำให้เห็นว่าในเวลาจำกัดเราสามารถที่จะเที่ยวได้โดยใช้เครื่องมือ เช่น ใช้สมาร์ทโฟนมาทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น เราสามารถใช้สมาร์ทโฟนในการจองที่พัก ดูเรื่องเส้นทางหรือดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ ณ เวลานั้นๆ ได้ ก็เลยอยากจะนำเสนอในมุมนี้ คือ เรื่องการท่องเที่ยวแบบเวลาจำกัดแล้วก็การใช้เครื่องมือในการหาข้อมูล
เหมือนต้องไปแบบแบ็คแพ็คหรือเปล่าคะ
ผมว่าคนส่วนใหญ่จะมองแบ็คแพ็คว่าจะต้องไปลำบาก แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้นำเสนอถึงความลำบากขนาดนั้น การที่จะต้องวอร์คอินเข้าไปหรือการจะต้องไปหาโรงแรมเอาดาบหน้า หรือว่าไปกางเต็นท์อะไร มันไม่ใช่ขนาดนั้นครับ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เป็นการเที่ยวที่หรูหราไฮโซหรือเป็นรูปแบบเหมือนไปกับกรุ๊ปทัวร์ทั่วๆ ไป และเนื่องจากเทปนี้เป็นเทปแรกที่ผมไป ผมก็ชอบในเรื่องของการได้เข้าไปดูคน ดูชุมชน หรือไปดูรายละเอียดของสถาปัตยกรรมอาคารต่างๆ ที่หลวงพระบาง แต่เทปต่อไปก็จะเป็นแขกรับเชิญคนอื่นๆ ซึ่งจะมาสลับกันไปในแต่ละเทป เข้ามาทำหน้าที่พิธีกรและพาเที่ยวในสไตล์ของแต่ละคน แต่ที่แน่ๆ คือ ทุกเทปก็ต้องใช้เวลาที่มีอยู่เพียง 48 ชั่วโมงนี่แหละเป็นแกนหลัก
ไปเที่ยวหลวงพระบางมา เป็นอย่างไรบ้าง
ขอแบ่งการไปเที่ยวหลวงพระบางเป็น 2 แบบแล้วกัน แบบแรกคือแบบที่คนทั่วไปไปเที่ยวกัน ก็มีไปเที่ยววัดเชียงทอง ไปดูพิพิธภัณฑ์ ไปเดินตลาดกลางคืน ส่วนอีกแบบเรียกว่าเป็นแบบพิเศษ ก็คือมีโอกาสได้ไปเที่ยวน้ำตก ซึ่งมันจะอยู่ไกลหน่อย ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีในการเดินทางไปเที่ยวน้ำตก แล้วทั้งๆ ที่เรามีเวลาจำกัดนะแต่ผมยังมีเวลากระโดดน้ำ เล่นน้ำได้ คือไม่ใช่ไปถึงแล้วกลับแต่สามารถที่จะเที่ยวชิลชิลได้ ไม่ใช่ว่า เออ มีเวลาจำกัดเหรอพอไปถึงแล้วเอาเท้าแตะๆ พูดๆ แล้วก็รีบไป แต่นี่ผมกระโดดน้ำเล่นได้เลย
แล้วก็โชคดีที่ช่วงเวลาที่ผมไปเขามี 'หลวงพระบาง ฟิล์ม เฟสติวัล' ด้วย ก็มีโอกาสได้ไปนั่งดูหนังกลางแปลงของจริง ดูหนังแบบเอ้าท์ดอร์เลยนะ มีดารา มีผู้กำกับ ออกมาโชว์ตัวตรงนั้น จริงๆ ถ้าเป็นประเทศไทยเหตุการณ์อย่างนี้ควรจะเกิดขึ้นในโรงหนัง แต่ที่โน่นจัดกันที่หัวถนนคนเดินเลย ใช้ท้องฟ้านี่แหละเป็นเพดาน คนเยอะเหมือนกันเพราะเราไปช่วงธันวาคมพอดี อากาศก็ดีด้วยยิ่งตอนไปนั่งดูหนังคือแบบชิลเลย เพราะว่ามันอยู่ตรงทางขึ้นพระธาตุภูสีพอดี (ภูสี : จุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองหลวงพระบางและเป็นที่ตั้งของพระธาตุองค์เล็กๆ ที่มีความสวยงามโดดเด่น)
แล้วได้ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่ข้างบนภูสีไหม
ไม่ได้ไปดูครับ เพราะด้วยเวลาที่จำกัดคือเราใช้เวลาจริงเลยครับ เขาให้เวลาแค่นั้นเลย(หัวเราะ) ที่ผมพูดไปในรายการคือจริงหมดครับ อะไรที่มันไม่ทันก็ต้องบอกเพราะไม่งั้นเดี๋ยวกลายเป็นว่าคุณผู้ชมไปถึงแล้ว เห้ย..กว่าจะเดินขึ้นภูสี เดินลงมาเวลาหมดไปแล้วครึ่งวัน มันก็ไม่ใช่ครับ ง่ายๆ เลย คือดูเสร็จปุ๊บก็จองตั๋วแล้วไปเที่ยวได้เลย ตามนั้น ไม่ยาก
ในเวลาแค่นี้ มองว่าสามารถเที่ยวได้แบบครบรสไหม
ทั้งธรรมชาติ วิถีชุมชน ศิลปะ ผมว่าครบเลยครับ คือสำหรับผมการไปท่องเที่ยวมันเหมือนการไปเปิดประสบการณ์ แล้วก็ได้เติมเรื่องราวต่างๆ ผมไปเห็นเมืองที่อนุรักษ์ความดั้งเดิมไว้ได้ดี เป็นเมืองมรดกโลก ผมไปเห็นอาคารบ้านช่องซึ่งผมไม่แน่ใจว่าถ้าไปเที่ยวที่อื่นในเวลาแค่นี้จะสามารถไปชมบ้านเรือนแบบนี้ที่ไหนได้อีกบ้าง บ้านของเขายังมีปี ค.ศ. อยู่เลย แล้วแต่ละหลังก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ในแบบเดิมๆอยู่ ส่วนที่น่ารักก็คือคน ชาวลาวยังเป็นคนที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย เขาเข้ามาคุย ยิ้ม เราเหมือนพี่น้องกันเพราะสามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาสื่อสาร แล้วก็ด้วยธรรมชาติที่สวยงามก็ประทับใจมาก ตอนที่ออกไปเที่ยวที่น้ำตก ผมรู้สึกเหมือนมันถูกเซ็ทขึ้นมาเลย เหมือนธรรมชาติไม่ได้สร้างแต่เป็นการเซ็ทให้สวยที่สุด ผมชอบ
แล้วก็มีเวลาได้ปั่นจักรยาน คือถ้าใครที่ชอบปั่นจักรยานผมแนะนำเลยว่าควรจะไปปั่นที่หลวงพระบาง คุณต้องไปเลย ไม่ต้องเอาจักรยานไปเองไปเช่าที่โน่นก็ได้ ผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่ายังไงคุณก็ชอบ องค์ประกอบที่ผมพูดมาทั้งหมดมันใช่ ธรรมชาติสวย บ้านสวย อาหารอร่อย ผมไปกินส้มตำของเขา มันเป็นส้มตำที่สุดยอด มันอร่อยแบบรสที่ไม่เผ็ดจี๊ดมาก ขนาดผมไม่กินเผ็ดมากผมยังชอบเลย โดยเฉพาะร้านกาแฟเล็กๆ ที่อยู่ริมถนนนะ คือนั่งได้ชิลเลย เวิร์คมาก แล้วออกไปหน่อยก็จะมีร้านขายของเก่า คุณสามารถไปซื้อของเก่าได้ในราคาที่ไม่แพงมาก ตอบโจทย์ได้ทุกอารมณ์ ตอบโจทย์คุณผู้หญิงด้วย ถ้าคุณชอบชอปปิงนะกลางคืนนี่เป็นเวลาของคุณเลย ตรงถนนคนเดินตอนกลางคืนช้อปได้เต็มที่
อย่างตอนนี้กระแสการท่องเที่ยวมันมาแนวอีโค่กันมากขึ้น ในฐานะที่เป็นไอดอลคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมองว่าถ้าจะต้องเที่ยวแบบอีโคทัวริซึม ต้องเที่ยวแบบไหน อย่างไร
แน่นอนว่าอะไรที่เป็นของๆ เรา เราก็จะรู้สึกรักและรู้สึกหวงแหนมัน ผมนะเวลาจะไปเที่ยวที่ไหน ผมก็จะพยายามคิดให้มันได้แบบนี้ อย่างหลวงพระบางเป็นแผ่นดินประเทศลาวไม่ใช่ประเทศไทย แต่เราก็รู้สึกว่าที่นี่มันก็เป็นที่ของเราเหมือนกัน ในฐานะที่เราได้มาใช้เวลาอยู่กับมันช่วงระยะหนึ่ง เป็นผืนดินที่ต้อนรับเราให้เข้ามาชมบ้านชมเมือง ก็เลยรู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย แค่รู้สึกแค่นี้ผมว่าปฏิกิริยาที่แสดงออกไปมันก็จะมีการคิดก่อนทำ คิดง่ายๆ เลยว่าที่ที่ไปเที่ยวมันก็เป็นที่ของเรา เป็นบ้านของเราเหมือนกัน คือผมก็ไม่สามารถไปบอกให้ทุกคนมาเชื่อเหมือนผม แต่คิดว่าน่าจะมีคนส่วนใหญ่นะที่รักของที่เป็นของเราน่ะครับ
ถ้าเป็นในบ้านเรา มีที่ไหนที่ชอบไปบ่อยๆ บ้างไหม
ก็ต้องเป็นจังหวัดกาญจนบุรีเนี่ยแหละครับ เวลาผมไปเที่ยวผมจะให้ความสำคัญกับคนก่อน อย่างเช่นคนที่จะไปกับเราด้วย คนที่รอเราอยู่ที่โน่น ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาอยู่ที่เมืองกาญจน์ เราก็จะสนุกเพราะเจอคนคุ้นเคย แต่ที่มันดีมากกว่านั้นคือเขาจะพาเราไปที่ที่มันเป็น Local ไปกินอาหารที่ครัวลิ้นช้าง เจ้าของร้านชื่อพี่ช้าง ทำอาหารแบบไม่ได้โปรโมทนักท่องเที่ยวเหมือนทำกินเองที่บ้าน เราก็ไปเจอไปคุยกับเขา นั่งกินกับเขา รสชาติเราก็บอกเขาได้ว่าขอแบบนี้ๆ นะ เหมือนคนในบ้านทำให้กิน ทำๆ ไปสักพักก็มานั่งคุยกัน นอกจากนั้นกาญจบุรีก็ยังมีที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ มีหมด ถ้าเกิดกลางคืนอยากจะสนุกสนานก็ล่องแพออกไป ก็มี Activity ต่างๆ ให้ทำ ผมว่ามันครบและเดินทางไม่ไกล
มองว่าการเดินทางท่องเที่ยวมันให้อะไรกลับมาบ้าง
ผมว่ามันคือประสบการณ์ของชีวิตอย่างที่ทุกๆ คนเคยบอกไว้ คำนี้น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ใช่ที่สุด แต่ในรายละเอียดประสบการณ์มันก็มาในหลายๆ รูปแบบ เช่น เรื่องความรู้ที่เราได้เติม ประสบการณ์ มิตรภาพที่เราได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ประสบการณ์ที่เราไปกับคู่ของเราแล้วเดินทางหลายๆ วันแล้วมันมีปัญหา ทะเลาะกัน มีเรื่องดีและไม่ดีเกิดขึ้น มันก็ทำให้เรารู้จักคนอีกคนหนึ่งมากขึ้นจากการเดินทาง หรือบางทีถ้าเราไปคนเดียวมันก็เป็นประสบการณ์ในชีวิตที่เราได้อยู่กับตัวเอง ตัดสินใจเลือกวางแผนด้วยตัวเอง มันคือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ว่าในมุมมองที่ต่างกันออกไปก็แล้วแต่ว่า Lifestyle ของแต่ละคนเป็นแบบไหน
สำหรับผมคือได้หมดทุกอย่างอย่างที่บอก รวมถึงผมก็ยังมีเรื่องหลายๆ เรื่องมาโม้ให้คนอื่นฟัง ไปเจอโน่นมา ไปเจอนี่มา ก็เอามาเล่าสู่กันฟังแลกเปลี่ยนกันได้ ผมว่าเนี่ยแหละมันเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยว ทำให้ผมไม่เคยมีข้อแม้ในการที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว




