จิตรกรรมฝาผนังบันทึกยุคสมัย วัดหลวงพ่อพระใส หนองคาย

จิตรกรรมฝาผนังบันทึกยุคสมัย วัดหลวงพ่อพระใส หนองคาย

จิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัยเขียนขึ้นในราวปีพ.ศ.2530ถึงพ.ศ.2537 บ่งบอกเรื่องราวที่งดงามดังปรากฏในปัจจุบัน

แม้หากได้ไปหนองคาย แต่ไม่ได้ไปไหว้พระใส เหมือนไม่ได้ไปหนองคายแม่นมั่น หลวงพ่อพระใสเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั้งสองฟากฝั่งโขง ทุกวันจึงมีพุทธศาสนิกชนไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระใส ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคายเป็นอันมาก

วัดโพธิ์ชัย อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคาย บนถนนเส้นทางไปสู่โพนพิสัยเพียงสองกิโลเมตร เดินเดี๋ยวเดียวก็ถึง เป็นวัดเก่าชื่อวัดผีผิวเป็นที่เผาผีมาก่อน ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์จึงได้ชื่อว่าวัดโพธิ์ชัย ซึ่งพระอุโบสถของวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญคือหลวงพ่อพระใส

หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้างศรีสัตนาคนหุต โดยพระธิดาทั้งสามของพระองค์ศรัทธาในพระศาสนาและปรารถนาจะสร้างพระพุทธรูปเป็นพุทธบูชา จึงได้จัดสร้างขึ้น และตั้งชื่อตามพระธิดาทั้งสาม คือ "พระสุก" "พระเสริม" และ "พระใส" ทั้งสามองค์เป็นพระหล่อด้วยทองสุก (เนื้อทองคำ 92 เปอร์เซนต์)กว้างสองคืบแปดนิ้วสูงสี่คืบหนึ่งนิ้ว กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพได้อัญเชิญมาประดิษฐานยังแผ่นดินไทยในสมัยรัชกาลที่สาม พระเสริมประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่วัดปทุมวนาราม พระสุกนั้นมีปัญหาขณะอัญเชิญล่องแพมาตามลำน้ำโขง แพแตกทั้งแท่นพระและองค์พระได้จมลงสถิตกลางแม่น้ำโขงแต่ครั้งนั้น ส่วนพระใสจะอัญเชิญขึ้นเกวียนจากวัดหอก่องเข้ามกรุงเทพพอถึงวัดโพธิ์ชัยเกวียนหักและไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ จึงได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัยสืบมา

พระอุโบสถที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใสในปัจจุบันนั้น เป็นพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จยกช่อฟ้าพระอุโบสถหลังนี้ในปีพ.ศ.2522 เข้าไปในพระอุโบสถจะเห็นหลวงพ่อพระใสสุกปลั่งงามสง่า เมื่อกราบพระท่านแล้วจะพบจิตรกรรมฝาผนังรอบด้านที่งดงามและบอกถึงเรื่องราวน่าสนใจเป็นที่ยิ่ง จิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัยวัดหลวงพ่อพระใสนี้ เป็นจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนขึ้นในราวปีพ.ศ.2530ถึงพ.ศ.2537 ใช้ระยะเวลาในการเขียนอยู่นานถึง 7 ปีจึงลุล่วงบ่งบอกเรื่องราวที่งดงามดังปรากฏในปัจจุบัน

จิตรกรรมฝาผนังด้านหลังหลวงพ่อพระใส เขียนเป็นภาพเทวดาชุมนุม ดุจดังเทวดาทั้งหลายมาเข้าเฝ้าฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ส่วนด้านหน้านั้น เขียนเป็นภาพตอนพระพุทธองค์ทรงเอาชนะมาร หรือภาพมารผจญ ตามแบบแผนประเพณีนิยมของช่างเขียนจิตรกรรมฝาผนังไทย จะนิยมเขียนภาพชนะมารนี้ไว้ที่ผนังด้านหน้า เมื่อกราบพระประธานหลวงพ่อพระใสแล้วได้เห็นภาพชนะมารก่อนออกจากพระอุโบสถ จะได้มีกำลังใจความคิดเตือนสติตนเอง ก่อนที่จะทำอะไรสำเร็จดั่งพระพุทธองค์ยังทรงเจอมารเป็นอุปสรรคแต่ก็สามารถเอาชนะอุปสรรคนั้นๆได้ ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ

จิตรกรรมฝาผนังด้านข้าง เนื่องจากพื้นที่ฝาผนังแต่ละด้านมีความสูงกว้างและยาว จึงได้แบ่งพื้นที่เขียนออกเป็นหลายเรื่องด้วยกัน นับแต่ตอนบนของฝาผนังจะเขียนเทพชุมนุมไว้ นอกจากนั้นถัดลงมาจะภาพเขียนพุทธประวัติ ทศชาติชาดก ตำนานพญานาค นิทานพื้นบ้านอิสาน ดัง "ผาแดงนางไอ่" พระธาตุที่สำคัญของอิสาน ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของหลวงพ่อพระใสตั้งแต่เริ่มสร้างจนมาประดิษฐานเป็นพระประธานวัดโพธิ์ชัย และที่สำคัญได้เป็นประดุจดังบันทึกเรื่องราวของวัฒนธรรมอิสานไว้ด้วยฮีตสิบสองหรือประเพณีสิบสองดือนของคนอิสานไว้ให้เป็นที่ปรากฏ อันเป็นกุศลเจตนาของศิลปินเพราะบางประเพณีเช่นบุญซำฮะที่ปัจจุบันก็แทบจะเลือนหายไปแล้ว

อาจารย์วิรัตน์ ไม้เจริญ ศิลปินผู้วาดจิตรกรรมฝาผนังชุดนี้เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นยังหนุ่มๆ ย้อนหลังไปเมื่อยี่สิบปีกว่าๆ เกิดที่ลพบุรีแต่ได้มาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ราชภัฏอุดรธานี อีกทั้งยังเป็นเขยเมืองหนองคาย จึงตัดสินใจรับอาสาที่จะเขียนภาพจิตรกรรมชุดนี้ขึ้น การวางแผนเนื้อหาของภาพได้ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารข้อมูลและจัดวางให้ท่านเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดได้เห็นชอบแล้วจึงลงมือเขียน มีลูกศิษย์เป็นลูกมืออีกคน จากนั้นก็ลงมือทำงาน วาดเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ เพราะต่างมีงานทำกันอยู่ แต่ก็ทำเต็มที่ เต็มเวลาด้วยความเต็มใจฝากฝีมือถวายวัดเป็นพุทธบูชา

ที่สำคัญอาจารย์เล่าว่าที่ช้านั้นนอกจากเงื่อนเวลาแล้ว ยังได้ศึกษาค้นคว้าตามเวลาและสถานที่จริง คือกรณีของฮีตสิบสอง ตามวัดบ้านมีงานประเพณีเดือนไหนก็ไปดูศึกษาค้นคว้ายังสถานที่จริงตามเวลาในเดือนนั้นๆ แล้วมาวางแผนจัดภาพองค์ประกอบเป็นเช่นนี้จนครบสิบสองเดือน จึงใช้เวลาในการวาดภาพนับเป็นการวาดภาพสมัยใหม่โดยอาศัยรากฐานทางความคิดของแบบแผนประเพณีนิยมแบบเดิมและบันทึกประวัติศาสตร์เหตุการณ์ร่วมสมัยประยุกต์เข้าด้วยกัน สมัยนั้นรถยนต์ยี่ห้อใดรูปทรงอย่างไรจะถูกบันทึกไว้ แม้มีการใช้มือถือก็ไม่เว้น และไม่เว้นแม้แต่แดนเซอร์งานบุญเช่นบั้งไฟ ก็บันทึกเอาไว้เช่นกัน ภาพจิตรกรรมจึงบันทึกปรากฏการณ์ของสังคมฝากไว้ให้ได้ศึกษา และอดจะอมยิ้มกับเรื่องราวของภาพที่แอบซ่อนปรากฏการณ์สนุกๆไว้ไม่ได้ ลองดูดีดีศิลปินมีดีให้ดู

งานจิตรกรรมฝาผนังชุดนี้ไม่ได้เขียนด้วยสีฝุ่นและใช้เส้นสีแบบโบราณ หากแต่เขียนด้วยสีอะครีลิคเขียนเป็นภาพสามมิติร่วมสมัย ประยุกต์ทั้งรูปแบบและเนื้อหา เจตนาการเขียนจิตรกรรมฝาผนังวัดโพธิ์ชัยวัดหลวงพ่อพระใส ไม่ได้เขียนเพื่อความงามเพียงอย่างเดียว แต่ได้จารึกสะท้อนภาพสังคม ศิลปะวัฒนธรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของชาวอิสานแห่งเมืองหนองคาย ด้วยสีสันความงาม อันถวายหลวงพ่อพระใสและถวายเป็นพุทธบูชาของศิลปินฝากไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา

กราบหลวงพ่อพระใสอธิษฐานจิตให้เป็นมงคลกับชีวิต เพ่งพินิจถึงจิตรกรรมฝาผนังรอบพระอุโบสถ จะได้รับรสพระธรรม เรียนรู้พุทธประวัติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรมประเพณี อย่างมีความสุขอีกโสตหนึ่งที่ไม่ควรผ่านเลย เมื่อได้ไปวัดหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย หนองคาย